เมืองลั่วจิง ราชวงศ์สกุลอวี๋
ไต้หยวนผู้ฝึกตนโอสถทองที่มาจากพรรคชิงจ้วนเพิ่งจะกลับออกมาจากในวังหลวง ระหว่างนี้รถม้าได้เคลื่อนผ่านอารามจีชุ่ยที่โอ่อ่าโอฬาร ผู้ถวายงานโอสถทองของราชวงศ์สกุลอวี๋ท่านนี้ไม่เคยคิดจะตีสนิทกับราชครูหญิงที่เป็นโฉมงามล่มเมืองอะไร ขอบเขตของตนไม่เพียงพอ หากเคาะประตูไปขอเยี่ยมเยือน อาจไม่ถึงขั้นต้องกินน้ำแกงประตูปิด แต่แค่ไปดื่มชา มองอีกฝ่ายได้แค่ทีสองทีจะไปมีความหมายอะไร แล้วนับประสาอะไรกับที่ตบะของหลวี่ปี้หลงก็ลึกล้ำ อีกทั้งประวัติความเป็นมาไม่แน่ชัด ไต้หยวนจึงไม่กล้าไม่ควบคุมสายตาตัวเอง
ปล่อยม่านรถม้าลง ไต้หยวนถอนหายใจ ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงได้เริ่มคิดถึงสหายสุ่ยเซียนแห่งเสี่ยวหลงชิวผู้นั้นขึ้นมาบ้างแล้ว
เพียงแต่ไต้หยวนกลับไม่สังเกตเห็นว่ามีเด็กหนุ่มชุดขาวในมือถือไม้เท้าไผ่เขียวคนหนึ่งนอนอยู่บนหลังคารถม้ามาโดยตลอด เขายกขาไขว่ห้างคล้ายกำลังปกป้องมรรคาให้กับไต้หยวนอย่างไรอย่างนั้น
ผู้ถวายงานเชื้อพระวงศ์ราชวงศ์สกุลอวี๋มีการแบ่งวงในกับวงนอก นี่ก็เทียบเท่าได้กับเค่อชิงที่ได้รับการบันทึกชื่อกับไม่ได้บันทึกชื่อของจวนตระกูลเซียน
และไต้หยวนก็เป็นหนึ่งในผู้ถวายงานวงใน ลำดับขั้นไม่ได้อยู่ช่วงต้นๆ แต่ภูเขาบ้านตนมีบรรพจารย์ที่ดี เกาเหวินซูคือผู้ถวายงานอันดับรองของราชวงศ์ เป็นรองแค่เจินเหรินผู้พิทักษ์แคว้นที่เวทคาถาลี้ลับมหัศจรรย์เท่านั้น
ในภูเขามีโอสถทองสองคน อยู่ในใบถงทวีปที่ทุกวันนี้ลมและน้ำเจือจางซบเซา ไม่พูดว่าเดินกร่างได้ แต่เดินอาดๆ กลับยังพอทำได้
เพราะเป็นช่วงสิ้นปีจึงมีหิมะใหญ่เท่าขนห่านตกลงมา ว่ากันว่าในพื้นที่มีชาวบ้านยากจนที่ต้องหนาวตายเพราะเสื้อผ้าไม่มีจะสวมใส่อยู่ไม่น้อย ฮ่องเต้จึงเริ่มง่วนอยู่กับการออกพระราชโองการกล่าวโทษตัวเองอีกครั้ง
พรรคบ้านตนในอดีตเคยมีภูเขาที่เป็นที่พึ่งแห่งหนึ่ง คือตระกูลโหวของนครมังกรเฒ่าแจกันสมบัติทวีป
ส่วนวิญญูชน ‘ผู้เที่ยงตรง’ ของทะเลสาบกวานหูที่มาจากตระกูลโหว เนื่องจากคุณความชอบการทางสู้รบบนสนามรบของนครมังกรเฒ่าเกริกก้อง ทุกวันนี้จึงได้เลื่อนขั้นเป็นรองเจ้าขุนเขาของสำนักศึกษาอู่ซีที่ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของใบถงทวีปแล้ว
ไต้หยวนที่ไปเยือนซากปรักของภูเขาไท่ผิง ไม่เพียงแต่กลับมามือเปล่า ยังต้องมอบหมึกนักพรตเต๋าสนใต้ดวงจันทร์ออกไปชิ้นหนึ่งถึงจะถือว่าโชคดีเก็บชีวิตน้อยๆ กลับมาได้
กับจางหลิวจู้ก่อกำเนิดเฒ่าเค่อชิงอันดับหนึ่งของเสี่ยวหลงชิว ก่อนหน้านี้ได้ดูบุปผาในคันฉ่องจันทราในสายน้ำร่วมกันมาหลายต่อหลายครั้ง ถือว่าไม่ได้ดูอย่างเสียเปล่าจริงๆ มีทุกข์ต้องร่วมกันต้าน
ทางฝั่งของบรรพจารย์เกาและฮ่องเต้ผู้เฒ่าสกุลอวี๋ ไต้หยวนย่อมมีคำกล่าวและวิธีการที่จะหลอกอีกฝ่ายให้ผ่านพ้นไป เกาเหวินซูพูดเสียไพเราะว่ากลัวจะทิ้งโรคร้ายอะไรเอาไว้ จึงทำการตรวจสอบบาดแผลของไต้หยวนอย่างละเอียด แต่ก็ไม่ค้นพบอะไร ฮ่องเต้ผู้เฒ่ากลับเป็นคนมีคุณธรรม บอกให้ขันทีไปหยิบอาวุธวิเศษบนภูเขาที่ยังนับว่าหาได้ยากชิ้นหนึ่งจากท้องพระคลัง นำมาประทานให้กับไต้หยวน คงจะมีความหมายทำนองว่าไม่มีคุณความชอบก็มีคุณความเหนื่อยยากกระมัง
อดีตฮ่องเต้ของราชวงศ์สกุลอวี๋ หรือก็คือบุตรอนุภรรยาของโอรสสวรรค์ในทุกวันนี้ ปีนั้นท่ามกลางความโกลาหลวุ่นวายที่ศีลธรรมจารีตล่มสลาย เรียกตัวเองว่าเอ๋อหวงตี้กับเผ่าปีศาจ ผลคือกลับถูกคนบั่นหัว
ส่วนนักฆ่าคนนั้น สรุปแล้วลอบเข้ามาในเมืองหลวงที่การป้องกันเข้มงวดได้อย่างไร ทั้งยังแฝงเข้ามาในพระราชวังได้อย่างไร สุดท้ายตัดหัวของฮ่องเต้สำเร็จได้อย่างไร ที่กระโจมทัพของเปลี่ยวร้างก็ยังถือว่าเป็นคดีที่ปิดไม่ลงคดีหนึ่ง
ถึงอย่างไรโศกนาฎกรรมนี้ ปีนั้นก็ได้ถูกกระโจมทัพของเปลี่ยวร้างปิดข่าวแน่นสนิท รอกระทั่งศึกใหญ่ปิดฉากลงแล้ว สกุลอวี๋ได้กอบกู้ชะตาแคว้นกลับคืนมา เล่าลือกันว่ามีนางกำนัลเก่าแก่คนหนึ่งหลุดปากแพร่งพรายความลับ บอกว่าเป็นวิญญาณของฮ่องเต้ผู้บุกเบิกแคว้นสกุลอวี๋ที่ช่วงชิงใต้หล้าจากการทำสงครามมาเอาชีวิต คืนนั้นเมฆดำบดบังดวงจันทร์ สายลมเย็นเยือกลอยโชยมาเป็นระลอก พัดให้ต้นไม้ดอกไม้ล้มเอนลงนับไม่ถ้วน ได้ยินเพียงเสียงกีบม้าดังสนั่น เห็นว่าฮ่องเต้ผู้บุกเบิกแคว้นนั่งอยู่บนหลังม้าสูง มือถือหอกยาว หนึ่งคนหนึ่งม้าทะยานเข้าไปในวังหลวง หนึ่งหอกจ้วงแทงออกไปแล้วก็ยังไม่สาแก่ใจ แทงซ้ำอีกหนึ่งที ฟันหลานอกตัญญูผู้นั้นให้ขาดออกเป็นสามท่อนทั้งคนทั้งผ้าห่ม…
สรุปก็คือยิ่งเล่าลือก็ยิ่งพิลึกพิลั่นขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นทุกครั้งที่ไต้หยวนเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้จึงมักจะรู้สึกเสียวสันหลังวาบอยู่เสมอ รู้สึกว่ามันไม่ใช่สถานที่ที่สมควรอยู่นาน
ไต้หยวนคือเทพเซียนบนภูเขาที่ฝึกตนประสบความสำเร็จ แน่นอนว่าเขาต้องไม่กลัวผี แต่เขากลัวตาย
ครั้งนี้เข้าวังมา ไต้หยวนได้รับคำสั่งจากบรรพจารย์เกาว่าต้องเชิญให้รัชทายาทและชายารัชทายาทหวนกลับมาเยือนสถานที่เดิมให้จงได้
ภูเขาบ้านตนมีถ้ำสวรรค์หยกขาวอยู่แห่งหนึ่ง ชมหิมะที่ภูเขาหยกขาว คือทัศนียภาพอันงดงามที่มีชื่อเสียงมายาวนานของใบถงทวีป
อันที่จริงไต้หยวนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าฮ่องเต้ผู้เฒ่าใกล้จะไม่ไหวเต็มทีแล้ว อย่างมากสุดก็ทนอยู่ได้อีกแค่ครึ่งปีก็ต้องขี่นกกระเรียนท่องแดนสุขาวดีแล้ว แน่นอนว่าหากอยู่ที่ล่างภูเขาก็ต้องเรียกว่าสวรรคต
ต่อให้หลวี่ปี้หลงเจินเหรินผู้พิทักษ์แคว้นจะเชี่ยวชาญด้านการหลอมยามากแค่ไหน คาดว่าก็คงไม่มีเรี่ยวแรงที่จะพลิกสถานการณ์อันเลวร้ายให้ดีขึ้นได้ ถูกกำหนดมาแล้วว่าจะไม่อาจต่ออายุขัยให้กับฮ่องเต้ได้
ทางฝั่งของตระกูลโหวแห่งนครมังกรเฒ่า มีคนที่เป็นผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจอยู่คนหนึ่ง ทุกวันนี้อยู่ที่ภูเขาบ้านตน รอคอยฮ่องเต้พระองค์ใหม่และฮองเฮาของราชวงศ์สกุลอวี๋ในอนาคต
แต่การที่พรรคชิงจ้วนระดมกำลังใหญ่โตเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ไต้หยวนที่มายังเมืองลั่วจิง แม้แต่บรรพจารย์เกาเหวินซูก็ยังเดินทางมาด้วย นี่ยังเป็นเพราะที่ภูเขามีกองกำลังที่ร้ายกาจยิ่งกว่าตระกูลโหว ไม่ได้มีแค่เงินหรืออำนาจเท่านั้น ว่ากันว่าแม้แต่อาวุธกึ่งเซียนก็ยังมีอยู่หลายชิ้น อีกทั้งยังแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับสกุลเจียงอวิ๋นหลิน ก็คือฝูหนันหัวแห่งตระกูลฝูของนครมังกรเฒ่า คนผู้นี้เดินทางข้ามทวีปลงใต้มาเยือนพรรคชิงจ้วน
ไต้หยวนหยิบกล่องผ้าแพรลายมังกรสีเหลืองอร่ามใบหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ แค่มองก็รู้ว่าสร้างจากสำนักงานสร้างพระราชวัง เปิดกล่องออกแล้ว ด้านในก็คือก้อนหมึกหลากสีก้อนหนึ่งที่ฮ่องเต้เฒ่าประทานให้ก่อนหน้านี้ วาดเป็นรูปห้ามหาบรรพต สามารถมองเป็นสมบัติที่ใช้ป้องกันคล้ายคลึงกับยันต์ได้ ใช้จิตวิญญาณที่แท้จริงของห้ามหาบรรพต ยังสามารถเข้ายาได้โดยตรง เนื่องจากเป็นของที่ใช้ครั้งเดียวทิ้งจึงยังไม่ได้เลื่อนสู่ระดับขั้นของสมบัติอาคม ไต้หยวนใช้นิ้วลูบก้อนหมึกด้วยความกังวลใจ บังเอิญเหลือเกิน เป็นก้อนหมึกอีกแล้ว นี่ทำให้ผู้ถวายงานวงในท่านนี้อดนึกไปถึงเซียนกระบี่ชุดเขียวที่ปรากฎตัวที่ภูเขาไท่ผิงคนนั้นอย่างห้ามไม่ได้ จะดึงให้มาเป็นพวก จะฆ่าหรือจะแกง จะดีจะชั่วก็ช่วยบอกกล่าวกันให้ชัดเจน ถึงอย่างไรก็ดีกว่าให้เขาต้องอกสั่นขวัญผวาอย่างในเวลานี้
หากอีกฝ่ายแค่อาศัยเวทกระบี่มาจัดการตัวเอง อย่างมากไต้หยวนก็แค่บากหน้าไปฟ้องสำนักศึกษา ไม่ว่าจะไปหาสำนักศึกษาเทียนมู่หรือสำนักศึกษาต้าฝู ไม่ว่าอย่างไรก็สามารถขอยันต์คุ้มกันกายแผ่นหนึ่งมาให้ตัวเองได้ คิดดูแล้วเซียนกระบี่ท่านนั้นก็คงไม่ยินดีสังหารโอสถทองที่ไร้ความแค้นต่อกัน แล้วต้องจ่ายราคาเป็นการถูกสำนักศึกษาหรือไม่ก็ศาลบุ๋นของแผ่นดินกลางกักตัวเอาไว้ ดังนั้นไต้หยวนกลัวก็แต่ว่าเซียนกระบี่ที่บอกว่าตัวเองคือเค่อชิงจากสำนักกุยหยกจะเล่นสกปรกกับตนโดยไม่สนใจมาดของเซียนกระบี่แม้แต่น้อย
เพราะถึงอย่างไรก็เป็นผู้ฝึกตนบนภูเขาคนหนึ่งที่สามารถเรียกตัวเองเป็นพี่เป็นน้องกับเจียงซ่างเจินได้ จะเป็นวิญญูชนที่ทำอะไรตามกฎเกณฑ์ เป็นคนเปิดเผยตรงไปตรงมาได้หรือ?
แล้วนับประสาอะไรกับที่อีกฝ่ายยังพูดแล้วว่า ไม่แน่ว่าวันใดอาจไปเยี่ยมเยือนตนที่พรรคชิงเจวี้ยนก็เป็นได้
เจ้าก็มาสิ เปิดเผยตัวตนให้คนรู้กันไปเลย หรือไม่อย่างนั้นก็ถามกระบี่กับค่ายกลใหญ่พิทักษ์ภูเขาของพรรคชิงจ้วนเหมือนนักพรตหญิงหวงถิงไปเลย
ไต้หยวนเสียใจจนไส้เขียวแล้ว ถอนหายใจพลางพึมพำว่า “ไม่ควรไปลุยน้ำขุ่นที่ภูเขาไท่ผิงเลยจริงๆ หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ข้าก็ยินดีตีขาตัวเองให้หัก แต่ก็ต้องอยู่บนภูเขาให้ได้”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!