บัณฑิตแซ่จงกับเจ้าอ้วนข้างกายที่อ้วนจนเหมือนจะมีไขมันไหลเยิ้มออกมาที่บอกว่าตัวเองชื่อกูซู แซ่อวี่ ทุกวันเอาแต่ป้วนเปี้ยนอยู่ข้างกายหญิงงาม ปากเรียกนางว่าพี่สาว แต่กลับเรียกตัวเองว่าพี่อวี่
ชายฉกรรจ์สวมเสื้อเกราะที่ดาบไม่ห่างกายซึ่งเป็นหัวหน้าคนนั้น คือผู้ฝึกยุทธขอบเขตห้า เขากับสตรีโตเต็มวัยที่มีชาติกำเนิดมาจากผู้ฝึกตนอิสระรู้จักกันกลางทาง ถือเป็นยวนยางป่าที่จับคู่กันชั่วคราว
สาวงามมีนามว่าวังม่านเมิ่ง ตัวไม่สูง เรือนกายเล็กกะทัดรัด ความขาวสามารถบดบังร้อยความอัปลักษณ์ได้ แล้วนับประสาอะไรกับที่สตรีก็เกิดมาหน้าตางดงามหยาดเยิ้ม บวกกับที่นางยังชอบสวมชุดรัดรูปสำหรับเดินทางตอนกลางคืน สวมรองเท้าปักลาย เวลาเดินยังจงใจบิดเอว ราวกับว่าหากโดนลมพัดมานางก็อาจจะล้มลงไปกองอยู่กับพื้นได้ทุกเมื่อ
ทุกครั้งที่นางได้เห็นเจ้าอ้วนแซ่อวี่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเนื้อไขมันก็ได้แต่ข่มกลั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ แสร้งทำเป็นยินยอมคล้อยตาม
ยังดีที่สามชั่วยามก่อนและหลังช่วงเที่ยงของทุกวันยังสามารถค้นหาสมบัติเงินทองและของโบราณล้ำค่าได้ต่อไป เพียงแต่ว่าในเมืองที่พวกเขาอยู่แห่งนี้ ผลเก็บเกี่ยวที่ได้รับยังต้องถูกกู่ชิวที่มีสถานะประหลาดจดลงบันทึก แบ่งแยกเป็นประเภทต่างๆ แล้วประเมินราคาคร่าวๆ เพราะจากข้อตกลงที่พวกเขามีกับบัณฑิตแซ่จง ผลเก็บเกี่ยวสิบส่วน พวกเขาจะได้ส่วนแบ่งไปแค่ส่วนเดียวเท่านั้น
แรกเริ่มแน่นอนว่าทุกคนต่างไม่พอใจ ใต้หล้ามีการค้าแบบนี้เสียที่ไหน จึงวางแผนร่วมกันเป็นการส่วนตัว ความกล้าหาญพลันบังเกิด ฉวยโอกาสที่มือดาบชุดเขียวซึ่งปรากฏตัวลึกลับ ตบะลึกล้ำเกินจะคาดเดาไม่อยู่ในเมืองชั่วคราว จึงเตรียมจะเล่นงานคนแซ่จง กลางดึกที่ค่ำคืนมืดมิดลมแรงคืนหนึ่ง จงใจทิ้งกู่ชิวเอาไว้ หมายจะร่วมมือกันฆ่าบัณฑิตยากจนคนนั้นทิ้งซะ กลับกลายเป็นฝ่ายโดนซ้อมเสียจนร้องโหยหวน มีเพียงสาวงามที่ถูกเจ้าอ้วนเรียกว่าพี่สาว พูดอย่างเจ็บปวดใจว่าพี่สาวท่านช่างเลอะเลือนนัก แม้ว่านางจะถูกจับแขวนเอาหัวห้อยพื้นเหมือนคนอื่นๆ แต่กลับไม่ได้ถูกซ้อม
หลังจากคืนนั้นมา ทุกคนต่างก็ยอมรับชะตากรรมกันแต่โดยดี
ท่ามกลางม่านราตรีของคืนนี้ ในศาลเทพอภิบาลเมืองของเขตกการปกครองเก่า ผีวิญญาณหยินต่างก็ถอยร่นออกไปหมดแล้ว กู่ชิวที่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของท่านเทพอภิบาลเมืองในอดีตวางพู่กันลงเบาๆ เงยหน้ามองไปยัง…ผีที่นั่งอยู่บนธรณีประตูของห้องโถงใหญ่ ถามเสียงเบาว่า “อาจารย์จง ทำไมถึงไม่บอกพวกเขาไปตามตรงว่าการที่ท่านบีบให้พวกเขาทำเช่นนี้อยู่ทุกวัน ทั้งทำให้พวกเขาสามารถมีชีวิตต่อไปได้ แล้วยังหาเงินได้ด้วย ยิ่งสามารถช่วยสะสมบุญกุศลให้กับพวกเขา”
จงขุยนั่งหันหลังให้กับกู่ชิวที่เป็นผีเช่นเดียวกัน เอ่ยว่า “นี่เกี่ยวพันไปถึงการมีใจทำความดีกับการไร้เจตนาทำความชั่ว เจ้าสามารถใคร่ครวญถึงความรู้ที่อยู่ในนี้ดูให้ดีได้ วันใดคิดได้จนกระจ่างแล้ว ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะสามารถนั่งบนตำแหน่งของเทพอภิบาลเมืองได้อย่างมั่นคง สามารถพลิกสมุดบันทึกคุณความดีได้”
กู่ชิวผู้นี้ ตอนที่มีชีวิตอยู่เคยเป็นทายาทของขุนนางกองการถักทอของราชวงศ์ต้ายวน เป็นจิ้นซื่อสอบติดสองกระดาน เป็นนายอำเภอของอำเภอแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับตัวเขตการปกครองแห่งนี้ เพียงแต่ว่าบัณฑิตอ่อนแอคนหนึ่งยกดาบฆ่าฟัน จะสามารถต้านทานอะไรได้ จะสามารถปกป้องอะไรได้ จึงถูกผู้ฝึกตนเผ่าปีศาจที่บุกนำเข้ามาในที่ว่าการอำเภอฉีกทึ้งร่างจนตายทั้งเป็น ตายอย่างเจ็บปวดทรมานทั้งสภาพยังน่าอเนจอนาถ แต่เจอกับหายนะเช่นนี้แล้ว หลังตายไปกลับไม่ได้กลายไปเป็นผีร้าย แต่ยังรักษาสติปัญญาเสี้ยวหนึ่งเอาไว้ได้ กลายเป็นผีเร่ร่อนเตร็ดเตร่อยู่ที่นี่ ถึงขั้นที่ว่าค่อยๆ กลายมาเป็นเจ้าของเมืองผีแห่งนี้ แล้วยังรับเอา ‘ผีสาวขี้อาย’ ที่อยู่ในลานบ้านขนาดเล็กต้นท้อไว้เป็นผีชางบริวาร เนื่องจากไม่ชอบเจ้าคนที่ตั้งตนเป็นจักรพรรดิพระองค์ใหม่ของราชวงศ์ต้ายวน ทำอะไรอย่างขอไปทีเกินไป ไม่แยกแยะถูกผิด ไม่ถามถึงสถานะของคนตาย จึงเก็บรวบรวมซากโครงกระดูกทั้งหลายมา ระหว่างที่เคลื่อนย้ายพวกมันปริแตกไม่เหลือชิ้นดี กู่ชิวจึงเคยพยายามไปเยี่ยมเยือนกระโจมทัพยามค่ำคืน หวังจะปรึกษากับแม่ทัพบู๊ที่รับผิดชอบจัดงานพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ล่วงลับคนนั้นดีๆ ผลคือถูกมองเป็นผีร้ายที่มาก่อกวน ไม่สนใจกู่ชิวที่พยายามหลบเลี่ยงการโจมตีของผู้ฝึกตนพลางพูดอธิบายซ้ำไปซ้ำมาเลยสักนิด คงจะเห็นเขาเป็นคุณความชอบทางการทหารอย่างหนึ่งกระมัง นับแต่นั้นมากู่ชิวก็หมดอาลัยตายอยาก
เด็กสาวที่เป็นผีชางหิ้วเหล้าสองกาที่หมักมานานหลายปีมาที่ศาลเทพอภิบาลเมือง โยนเหล้ากาหนึ่งให้กับจงขุย
จงขุยลุกขึ้นไปรับกาเหล้า พูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เสี่ยวฝ่าง ห้ามมีความคิดไม่ซื่อมาชอบพี่จงเข้าล่ะ”
เด็กสาวผีชางนามว่าเสี่ยวฝ่างคลี่ยิ้มหวาน “ไม่มีทาง”
จงขุยจึงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย “แอบชอบก็ไม่ได้เป็นปัญหาสักเท่าไรหรอกนะ”
เด็กสาวส่ายหน้ายิ้มบางๆ “ไม่มีทางอีกเหมือนกัน”
จงขุยทอดถอนใจ นั่งกลับลงไปบนธรณีประตู แกะผนึกดินออก สูดดมกลิ่น พูดบ่นกับตัวเองอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “ต้องโทษกลิ่นอายเที่ยงธรรมที่ดุดันบนร่างของข้า ไม่รู้ว่าขับไล่โชคชะตาดอกท้อไปกี่มากน้อยแล้ว”
กู่ชิวรู้สึกจนใจอยู่บ้าง
อาจารย์จงผู้นี้ไม่ว่าอะไรก็ดีหมด มีเพียงเรื่องนี้ที่ออกจะไม่ได้ความ
จงขุยดื่มเหล้าหมดก็เดินเท้ากลับไปยังที่พักชั่วคราวของตัวเอง
ไม่รู้ว่าเจ้าอ้วนนั่นไปมั่วสุมอยู่ที่ไหน กังวลว่าอวี่จิ่นจะก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีก จงขุยจึงยกฝ่ามือขึ้นมา มองขุนเขาสายน้ำผ่านฝ่ามือมองหาร่องรอยของเจ้าอ้วน ผลคือต้องรีบสลายเวทคาถาทิ้งไปอย่างรวดเร็ว ส่ายหน้าอย่างระอาใจ
ซากปรักโรงเตี๊ยมตระกูลเซียนแห่งหนึ่งในเมือง อากาศบนพื้นดินอบอุ่น เป็นช่วงปลายฤดูหนาว แต่ดอกไม้กลับชูช่อบานสะพรั่งอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียวแห่งหนึ่ง
เสื้อผ้าหลายชิ้นถอดระเกะระกะอยู่บนพื้น
เรือนกายอวบอิ่มผิวเป็นสีขาวดุจหิมะขาวโพลนกางสองแขนออก ต้นหญ้าสีเขียวจึงทะลุมาตามร่องนิ้ว
นางเชิดศีรษะขึ้นสูง คล้ายโศกเศร้าคล้ายพร่ำบ่น เสียงลมหายใจอ่อนระทวย เห็นได้ชัดว่าถูกรังแกมาอย่างหนัก
ทำเอาเจ้าอ้วนที่นอนฟุบอยู่บนหัวกำแพงทอดถอนใจไม่หยุด
สงครามหน้าท้องครั้งหนึ่ง กว่าจะ ‘ตีกลองถอนทัพ’ ออกมาจากท่ามกลางเสียงบุรุษคำรามเสียงสตรีร้องครวญครางได้ไม่ใช่เรื่องง่าย นัดหมายกันไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะนัดรบกันใหม่
ประเด็นสำคัญคือพี่สาวคนนั้น ทั้งๆ ที่ระหว่างนั้นมองเห็นเจ้าอ้วนบนหัวกำแพง นางกลับยังคงยิ้มหวานหยดย้อย เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้น
ทำเอาเจ้าอ้วนเกือบอดไม่ไหวเตรียมจะไป ‘ช่วยเหลือ’ ตะโกนเสียงดังว่ารีบปล่อยพี่สาว เจ้าโจรชั่วอย่าหวังจะทำเรื่องชั่วช้าได้สมใจ
กลับมาหาจงขุยด้วยอารมณ์ขุ่นข้อง เจ้าอ้วนนั่งตัวอ่อนพิงระเบียงคนงาม หัวเราะหึหึเอ่ยว่า “สมกับคำว่านักเล่นหมากล้อมเจอคนฝีมือสูสี แม่ทัพมือดีเจอผู้มากความสามารถจริงๆ”
กลางระเบียงวางกระถางไฟไว้สองใบ จงขุยกำลังอ่านหนังสือ ไม่ต่อคำ
จวนขุนนางชั้นสูงสองแห่งในเมืองที่เป็นเพื่อนบ้านกัน ดูเหมือนว่าเพื่อนบ้านสองคนจะไม่ถูกกัน หอเก็บหนังสือแห่งหนึ่งตั้งชื่อว่าหอเก็บตำราเจ็ดพันเล่ม ส่วนหอเก็บตำราของอีกบ้านตั้งชื่อว่าหอเก็บตำราแปดพันเล่ม
อวี่จิ่นนั่งไขว่ห้าง สองมือวางพาดไปบนราวระเบียง ถามว่า “พี่น้องจง ผีชั่วร้ายในเมืองที่ถูกกู่ชิวจับตัวไปไว้ในศาลเทพอภิบาลเมืองประจำอำเภอ ในเมื่อช่วยกลับมาหมดแล้ว ไม่สู้พวกเรา?”
เส้นทางน้ำพุเหลืองไม่มีที่ให้ค้างแรม
โลกสว่างคนฆ่าคน โลกมืดผีกินผี
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!