กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 909

สรุปบท บทที่ 909.2 คนเฝ้าประตู: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

อ่านสรุป บทที่ 909.2 คนเฝ้าประตู จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บทที่ บทที่ 909.2 คนเฝ้าประตู คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

พอได้​พูด​คำ​ว่า​ ‘เสี่ยว​ตง​’ นักพรต​เนิ่น​ก็​ให้​สะทก​สะท้อนใจ​ หวน​นึกถึง​อดีต​อัน​ห่างไกล​ ตน​ก็​เคย​ไล่ตาม​ ‘เสี่ยว​ต่ง’​ ที่​เดิน​ทางผ่าน​ขุน​เขาใหญ่​แสน​ลี้​เหมือนกัน​

ห​ลี่​ไหว​ตบ​โต๊ะ​ นักพรต​เนิ่น​หุบปาก​ฉับ​ทันใด​ หรือว่า​ตน​จะพูด​ผิด​ไป​?

ห​ลี่​ไหว​ยก​นิ้วโป้ง​ขึ้น​ “สุ่ย​จิ่ง อร่อย​! เอา​มาอีก​สอง​ชาม”

มองออก​ว่า​ต่งสุ่ย​จิ่งมาที่​บ้าน​บรรพบุรุษ​แห่ง​นี้​เป็นประจำ​ รอ​ให้​ห​ลี่​ไหว​กิน​เกี๊ยว​น้ำ​หมด​ไป​อีก​ชาม ต่งสุ่ย​จิ่งก็​ก่อไฟ​ขึ้น​มากระถาง​หนึ่ง​เรียบร้อย​ นั่ง​ยอง​อยู่​ด้าน​ข้าง​ ปิ้ง​เผือก​ย่าง​บ๊ะจ่าง​รอ​แล้ว​

กระตุก​เชือก​ ลอก​ใบไม้​ที่​ห่อ​บ๊ะจ่าง​ออก​ ใน​มือ​ต่งสุ่ย​จิ่งก็​มีบ๊ะจ่าง​ที่​ถูก​ย่าง​จน​เป็น​สีเหลือง​ทอง​ ห​ลี่​ไหว​มอง​จน​รู้สึก​หิว​ขึ้น​มาอีก​ แย่ง​เอา​บ๊ะจ่าง​มา บิ​ครึ่ง​แบ่ง​ให้​นักพรต​เนิ่น​

ต่งสุ่ย​จิ่งจึงได้​แต่​ลอกเปลือก​บ๊ะจ่าง​ลูก​ใหม่​อีก​ลูก​ คน​ทั้ง​สามนั่ง​ล้อม​กระถาง​ไฟกัน​ ต่งสุ่ย​จิ่งเอ่ย​เสียง​เบา​ “สามีของ​เจ้าคน​มัด​ผมแกละ​ เปีย​น​เห​วิน​เม่าเพิ่งจะ​มารับหน้าที่​เป็น​เซวี๋ยเจิ้ง​ที่​ฉู่โจว​ของ​พวกเรา​ แต่​ว่าไม่ได้​เลื่อนตำแหน่ง​ขุนนาง​ ถือว่า​ย้าย​จาก​เมืองหลวง​มาทำงาน​นอก​สถานที่​ เพียงแต่ว่า​ตำแหน่ง​ขุนนาง​น้ำ​ใสทั้ง​ยัง​สูงศักดิ์​อย่าง​เซวี๋ยเจิ้ง​ที่​ราชสำนัก​ต้า​หลี​เพิ่ง​ก่อตั้ง​ได้​แค่​ไม่กี่​ปี​นี้​ คน​ทั่วไป​มิอาจ​คว้า​มาครอง​ได้​ ปกติ​แล้ว​จะต้อง​เป็น​ขุนนาง​เก่าแก่​ของ​หก​กรม​ใน​เมืองหลวง​ที่​มาจาก​สำนัก​ราชบัณฑิต​ฮั่น​หลิน​เท่านั้น​ ไม่มีหวัง​จะเลื่อนขั้น​ขุนนาง​แล้ว​ ก่อนที่จะ​ลา​ออกจาก​วงการ​ขุนนาง​กลับ​ไป​ใช้ชีวิต​ที่​บ้านเกิด​ ฮ่องเต้​จะจงใจประทาน​ตำแหน่ง​นี้​ให้​กับ​ขุนนาง​บุ๋น​เป็นพิเศษ​ เดิมที​เซวี๋ยเจิ้ง​ก็​ไม่มีระดับ​ขั้น​ ก็​เหมือน​อย่าง​เขต​ห​ลิง​โจว​ ฉิงโจว​สอง​แห่ง​ที่อยู่​ใน​อาณาเขต​ของ​เมืองหลวง​สำรอง​ที่​ก็​ให้​รอง​เจ้ากรม​ผู้เฒ่า​ของ​กรม​โยธา​ท่าน​หนึ่ง​และ​ซื่อ​ชิงท่าน​หนึ่ง​ของ​ศาล​หง​หลู​เป็น​ผู้ดูแล​ ทุกวันนี้​หัวหน้า​ของ​เปีย​น​เห​วิน​เม่าคือ​ซื่อ​เฉิงแห่ง​ศาล​กวง​ลู่​ ตำแหน่ง​เซวี๋ยเจิ้ง​ของ​ฉู่โจว​สี่ปี​จะครบวาระ​ กลับ​ไป​เมืองหลวง​ก็​น่าจะ​ได้​เป็น​เส้าชิงของ​ศาล​กวง​ลู่​แล้ว​ (ศาล​กวง​ลู่​คือ​ระบบ​อย่างหนึ่ง​ใน​สมัยโบราณ​ ตำแหน่ง​ขุนนาง​คือ​ชิง เส้าชิงและ​เฉิง ดูแล​เรื่อง​อาหาร​ใน​งาน​เซ่นไหว้​ การประชุม​ใน​ท้องพระโรง​ งานเลี้ยง​ ฯลฯ​) ในอนาคต​ความเป็นไปได้​ที่จะ​ได้​ดูแล​ศาล​กวง​ลู่​มีไม่มาก​ น่าจะ​ถูก​โยกย้าย​ให้​ไป​รับ​ตำแหน่ง​เท่าเดิม​ใน​ที่ว่าการ​หก​กรม​ หรือไม่​ก็​ให้​ไป​รับ​ตำแหน่ง​ที่​เมืองหลวง​สำรอง​ สะสมไป​ทีละ​นิด​จนกระทั่ง​ไป​ถึงตำแหน่ง​หนึ่ง​ สุดท้าย​ได้รับ​ยศ​มหาบัณฑิต​ที่​ลำดับ​รายชื่อ​รั้งท้าย​ ในอนาคต​มีหวัง​ว่า​จะได้รับ​สมญานาม​ที่​ไม่เลว​ ส่วน​เรื่อง​การ​ที่จะ​ได้​ไป​เสวยสุข​ใน​ศาล​บูร​พก​ษัตริย์​นั้น​ก็​ช่างเถิด​ ตัว​เปีย​น​เห​วิน​เม่าเอง​ยัง​ไม่กล้า​คิด​ไป​ถึงขั้น​นี้​เลย​”

ห​ลี่​ไหว​กิน​บ๊ะจ่าง​ สีหน้า​เหลอ​หรา​ “หา​?”

นักพรต​เนิ่น​ทอดถอนใจ​

เสี่ยว​ต่ง​พูดจ้อ​อยู่​ตั้ง​นาน​ คุณชาย​ของ​ตน​ตอบรับ​กระชับ​เรียบง่าย​แค่​คำ​เดียว​ก็​เพียง​พอแล้ว​

ต่งสุ่ย​จิ่งยิ้ม​เอ่ย​ “เจ้าคือ​นักปราชญ์​ของ​สำนักศึกษา​ ตาม​กฎ​ใหม่​ของ​ศาล​บุ๋น​ วันหน้า​ย่อม​เลี่ยง​การ​จะไปมาหาสู่​กับ​ราชสำนัก​ต้า​หลี​ไม่ได้​ เรื่อง​ใน​วงการ​ขุนนาง​ที่​มอง​ดูเหมือน​ยิบ​ย่อย​น่าเบื่อ​พวก​นี้​ ช้าเร็ว​ก็​ต้อง​ได้​สัมผัส​”

วงการ​ขุนนาง​ต้า​หลี​ใน​ทุกวันนี้​มีการ​โยกย้าย​เกิดขึ้น​ถี่ครั้ง​ จาก​เมืองหลวง​ไป​ยัง​ท้องถิ่น​ ถนนหนทาง​มีคน​สัญจร​ขวักไขว่​ พูดถึง​แค่​พวก​ลูก​พี่ใหญ่​ใน​อำเภอ​และ​เขต​ที่อยู่​ใน​เขต​ของ​จังหวัด​ฉู่โจว​ใหม่​ก็​แทบจะ​เปลี่ยน​โฉมหน้าใหม่​กัน​หมด​แล้ว​

อู๋​ยวน​รับหน้าที่​เป็น​ผู้ว่า​จังหวัด​ ปี​นั้น​ตอนที่​รับ​ตำแหน่ง​อยู่​ใน​อำเภอ​ไหว​หวง​ต้อง​ออกจาก​ตำแหน่ง​ไป​อย่าง​หม่นหมอง​ ครั้งนี้​จึงถือว่า​เป็นการ​แว้ง​กลับมา​เอาคืน​อย่าง​งดงาม​

ส่วน​เว่ยห​ลี่​ผู้ว่า​จังหวัด​หลง​โจว​คน​ก่อนที่​มีชาติกำเนิด​จาก​ขุนนาง​บุ๋น​แคว้น​หวง​ถิง ทุกวันนี้​ไป​รับหน้าที่​เป็น​เจ้ากรม​พิธีการ​ที่​เมืองหลวง​สำรอง​ของ​ต้า​หลี​ต่อ​

เฉาเกิง​ซิน​ที่​ก่อนหน้านี้​เป็น​ขุนนาง​หลัก​ของ​จวน​ผู้ตรวจการ​งาน​เตาเผา​ก็​ยิ่ง​เปลี่ยน​จาก​เป็น​ขุนนาง​ผู้ตรวจการ​หลง​โจว​ไป​เป็นรอง​เจ้ากรม​ฝ่ายขวา​กรม​โยธา​เมืองหลวง​แห่ง​ที่สอง​ จากนั้น​เลื่อนขั้น​ไป​เป็นรอง​เจ้ากรม​ขุนนาง​ของ​เมืองหลวง​ต้า​หลี​ ได้​อยู่​ใน​ตำแหน่ง​ใจกลาง​สำคัญ​ของ​ราชสำนัก​

ส่วน​หยวน​เจิ้งติ้ง​ได้​เป็น​ใต้เท้า​ผู้ว่า​ของ​หง​โจว​เพื่อนบ้าน​ที่อยู่​ทางเหนือ​

จิ่งควน​เจ้าเมือง​คน​ใหม่​ของ​เขตการปกครอง​เป่า​ซีจังหวัด​ฉู่โจว​เคย​เป็น​หลา​งจงของกอง​ชิงลี่​กรม​คลัง​เมืองหลวง​ ดูแล​กระเป๋า​เงิน​ของ​จังหวัด​สามแห่ง​ซึ่งมีจังหวัด​หง​โจว​เป็นหนึ่ง​ใน​นั้น​

แต่​อันที่จริง​ใน​หลาย​ๆ ครั้ง​ คน​เชื่อ​ดาบ​สำนัก​โม่ที่​ต้อง​ปิดบัง​อำพราง​ตัวตน​อย่าง​ต่งสุ่ย​จิ่งก็​ยัง​รู้สึก​อิจฉา​ห​ลี่​ไหว​ที่​สามารถ​ปล่อยตัว​ลอย​ไป​ตาม​กระแส​คลื่น​ หรือ​ควรจะ​พูดว่า​พอใจ​กับ​สิ่งที่​ตัวเอง​มีอยู่​?

ห​ลี่​ไหว​เอ่ย​อย่าง​ใจฝ่อ​ “ข้า​รู้​ว่า​จ้าว​เหยา​ที่​เป็น​สหาย​ร่วม​เรียน​ของ​พวกเรา​ ทุกวันนี้​รับหน้าที่​เป็นรอง​เจ้ากรม​อาญา​ของ​ต้า​หลี​”

“ยังมี​อู๋​ยวน​ขุนนาง​ผู้​เป็น​ดุจ​บิดร​มารดา​ใน​อำเภอ​เมื่อก่อน​ ทุกวันนี้​กลับมา​ที่นี่​ก็​รับหน้าที่​เป็น​ใต้เท้า​ผู้ว่า​ของ​จังหวัด​ฉู่โจว​ใหม่​แล้ว​”

“นอกจากนี้​ผู้ตรวจการ​เฉาที่​ชอบ​ดื่มเหล้า​ไม่ชอบ​ไป​ขานชื่อ​ผู้​นั้น​ เมื่อ​หลาย​ปีก่อน​ก็​เหมือนว่า​จะโยกย้าย​ไป​รับ​ตำแหน่ง​ขุนนาง​ใหญ่​ที่​กรม​ขุนนาง​ในเมืองหลวง​แล้ว​?”

ต่งสุ่ย​จิ่งยิ้ม​ถาม “แล้ว​อย่างไร​อีก​?”

ห​ลี่​ไหว​ถอนหายใจ​ “ไม่มีแล้ว​”

นักพรต​เนิ่น​ช่วย​พูด​ทวง​ความเป็นธรรม​ให้​ “ไย​คุณชาย​จะต้อง​ไป​พัวพัน​กับ​กิจธุระ​ล่าง​ภูเขา​ที่​เกี่ยวพัน​กับ​ทางการ​พวก​นี้​ด้วย​?”

ห​ลี่​ไหว​ส่ายหน้า​ “ต้า​หลี​ของ​พวกเรา​ไม่เหมือน​ที่อื่น​”

ไม่ว่า​ตำแหน่ง​นักปราชญ์​นี้​ของ​ตน​จะหล่น​มาจาก​ฟ้าอย่างไร​ แล้ว​หล่น​มากระแทก​หัว​ของ​ตน​ได้​อย่างไร​ แต่​ใน​เมื่อ​เป็น​นักปราชญ์​แล้ว​ ห​ลี่​ไหว​ก็​ไม่ยินดี​จะทำได้​แย่​กว่า​คนอื่น​มาก​นัก​

ตอน​เด็ก​ระหว่าง​ที่​เดินทาง​ไป​ขอ​ศึกษา​ต่อ​ ยามค่ำคืน​ที่​ต้อง​นอน​ค้างแรม​ใน​ชาน​ป่า​รกร้าง​ เฉิน​ผิง​อัน​ช่วย​ดูต้นทาง​ให้​ เขา​เคย​พูด​ความในใจ​บางอย่าง​กับ​ห​ลี่​ไหว​ ทุกวันนี้​เขา​จำได้​ไม่ค่อย​ชัดเจน​แล้ว​ ห​ลี่​ไหว​แค่​จำความหมาย​คร่าวๆ​ ได้​ บอ​กว่า​คน​คน​หนึ่ง​ตอนที่​ยัง​เล็ก​ ใน​ช่วงเวลา​ที่​มีเพียง​การเรียนหนังสือ​เท่านั้น​ที่​พอ​จะทำได้​ ไม่กลัว​ว่า​จะจดจำ​หลักการ​เหตุผล​ของ​อริยะ​ปราชญ์​ใน​ตำรา​พวก​นั้น​ไม่ได้​ กลัว​ก็​แต่ว่า​แม้แต่​เรื่อง​นี้​ก็​ยัง​ไม่ยินดี​จะทำให้​ดี​ ถ้าอย่างนั้น​วันหน้า​เดิน​ออกจาก​ห้อง​หนังสือ​ไป​ก็​ไม่ต้อง​อ่านหนังสือ​อีกแล้ว​ เพราะ​ง่าย​มาก​ที่จะ​ทำ​เรื่อง​ถัดไป​ได้​ไม่ดี​

ตอนนั้น​ห​ลี่​ไหว​บอ​กว่า​ ก็​ข้า​ไม่เหมาะ​จะเรียนหนังสือ​อย่างไร​ล่ะ​ เฉิน​ผิง​อัน​จึงพูดว่า​ เขา​เอง​ก็​ไม่เหมาะ​จะเผา​เครื่อง​ปั้น​เหมือนกัน​ เรียนรู้​อะไร​ได้​ช้าเกินไป​ มือ​มักจะ​ตาม​ไม่ทัน​ แต่​มีเพียง​ความพยายาม​เท่านั้น​ ถึงจะมีโอกาส​ทำ​เรื่อง​ถัดไป​ได้ดี​ยิ่งกว่า​เดิม​

นักพรต​เนิ่น​รีบ​เปลี่ยน​คำพูด​ใหม่​ทันที​ “คุณชาย​ถ่อมตัว​เช่นนี้​ ไย​ต้อง​กลัดกลุ้ม​ว่า​จะทำการ​ใหญ่​ไม่สำเร็จ​”

ไม่ใช่ว่า​เถาถิงไม่มีความกล้าหาญ​อะไร​จริงๆ​ แต่​เป็น​เพราะ​เฒ่าตาบอด​ผู้​นั้น​ป่าเถื่อน​เกินไป​

ยกตัวอย่างเช่น​ครั้งนี้​เดินทางไกล​มาปกป้อง​มรรคา​ให้​กับ​ห​ลี่​ไหว​ เฒ่าตาบอด​ก็ได้​ทิ้ง​คำพูด​ประโยค​หนึ่ง​ไว้​ให้​กับ​เถาถิง หากว่า​ลูกศิษย์​ของ​ข้า​ได้รับ​ความ​ตกอกตกใจ​แม้เพียง​น้อย​ ข้า​จะตัด​ขา​ที่​ห้า​ของ​เจ้าให้​ขาด​

นักพรต​เนิ่น​ที่​น่าสงสาร​ ทุกวันนี้​กลัว​ก็​แต่ว่า​วันใด​ห​ลี่​ไห​วจะ​ไม่ระวัง​ดื่ม​ชาร้อน​จน​ลวกปาก​หรือไม่​ ขอบเขต​บิน​ทะยาน​คน​หนึ่ง​ เป็น​ผู้​ปกป้อง​มรรคา​มาได้​จน​ถึงขั้น​นี้​ ไม่พูดว่า​ต่อจากนี้​จะไม่มีใคร​ทำได้​ แต่​ก่อนหน้านี้​ต้อง​ไม่เคย​มีใคร​ได้​ทำ​มาก่อน​แน่นอน​

ต่อให้​เป็น​เช่นนี้​ก็​ดูเหมือนว่า​เฒ่าตาบอด​จะยัง​ไม่หายห่วง​ห​ลี่​ไหว​ แม้จะอยู่​ไกล​ถึงใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ แต่​ก็​ไม่รู้​ว่า​ใช้เวท​ลับ​บรรพกาล​อะไร​ ถึงกับ​สามารถ​เข้ามา​ใน​ความฝัน​ของ​ห​ลี่​ไหว​ได้​โดยตรง​ จากนั้น​ก็​กระชาก​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​อย่าง​เถาถิงให้​เข้าไป​อยู่​ใน​ความฝัน​

ผล​คือ​รอ​กระทั่ง​เจี่ยนเฟิง​มาถึงอำเภอ​ไหว​หวง​ กลับ​ต้อง​เจอ​กับ​อุปสรรค​ใน​ทุก​เรื่อง​ แซ่ใหญ่​ทั้งหลาย​ของ​เมือง​เล็ก​ แต่ละ​ฝ่าย​มีความสัมพันธ์​ซับซ้อน​ ประหนึ่ง​ราก​ต้นไม้​ที่​ตัด​สลับ​ถัก​ทอ​กัน​ อีก​ทั้ง​ยัง​เกาะกลุ่ม​สามัคคี​กัน​มาก​ หยาง​ฮวา​เทพ​วารี​ของ​แม่น้ำ​เถี่ยฝู​ระดับ​ขั้นสูง​มาก​ ที่พึ่ง​ก็​ใหญ่​ ไม่ยอม​อยู่​ใน​การ​ดูแล​ เทพ​วารี​ของ​แม่น้ำ​สามสาย​ที่อยู่​ใกล้เคียง​เมือง​หง​จู๋อย่าง​ซิ่ว​ฮวา​ ชงตั้น​ อวี้เย่​ก็​ไม่สนใจ​เขา​เหมือนกัน​ เทพ​ภูเขา​หลาย​องค์​ซึ่งมีซ่งอวี้​จางแห่ง​ภูเขา​ฉีตุน​เป็นหนึ่ง​ใน​นั้น​ บวก​กับ​ท่าน​เทพ​อภิบาล​เมือง​ของ​อำเภอ​และ​เขต​ที่​ได้​เลื่อนขั้น​ ศาล​บุ๋น​บู๊​ที่อยู่​ใน​อาณา​เขตการปกครอง​…สรุป​ก็​คือ​ไม่มีใคร​ที่​เห็น​ขุนนาง​ผู้ตรวจการ​ขั้น​สี่อย่าง​เขา​อยู่​ใน​สายตา​ ตอน​ที่มา​รับ​ตำแหน่ง​ปณิธาน​เปี่ยมล้น​ รอคอย​อย่าง​ยากลำบาก​นาน​ถึงครึ่ง​ปี​ ถึงกับ​ไม่มีใคร​ที่​เป็น​ฝ่าย​มาเยี่ยมเยือน​จวน​ตรวจการ​ตอนกลางคืน​ ดี​ พวก​เจ้าไม่มาหา​ข้า​ ข้า​ก็​จะไปหา​พวก​เจ้าเอง​ ผล​คือ​ต้อง​กิน​น้ำแกง​ประตู​ปิด​ไป​ไม่น้อย​ ต่อ​ให้ได้​เข้าไป​ใน​บ้าน​ ทั้งสองฝ่าย​ก็​ไม่มีอะไร​ให้​พูดคุย​กัน​

เจี่ยนเฟิง​จึงได้​แต่​เขียนจดหมาย​ไป​ขอ​ความรู้​จาก​สหาย​รัก​ใน​อดีต​ที่​เมืองหลวง​ หยวน​เจิ้งติ้ง​อดีต​เจ้าเมือง​ ซึ่งทุกวันนี้​ได้​เลื่อนขั้น​กลายเป็น​ผู้ว่า​จังหวัด​หง​โจว​แล้ว​

ตอน​เด็ก​อยู่​ใน​ตรอก​อี้​ฉือ​ของ​เมืองหลวง​ เขา​ก็​ชอบ​ทำ​เหมือนกับ​หยวน​เจิ้งติ้ง​ที่​แก่​กว่า​ไม่ปี่​กี​ ตั้งใจ​อ่านหนังสือ​ สอง​หู​ไม่รับฟัง​เรื่อง​ภายนอก​

หยวน​เจิ้งติ้ง​เขียนจดหมาย​ตอบ​กลับมา​จริงๆ​ แต่​กลับเป็น​เพียง​กระดาษ​จดหมาย​ว่างเปล่า​ บน​กระดาษ​ไม่มีตัวอักษร​แม้แต่​ตัว​เดียว​

แต่​เจี่ยนเฟิง​กลับ​พอ​จะคาดเดา​กลวิธี​ใน​วงการ​ขุนนาง​บางอย่าง​ออกมา​ได้​ จึงเริ่ม​ฝืนใจ​เอาอย่าง​ผู้ตรวจ​การคน​ก่อน​ มอง​ให้​มาก​ฟังให้​มาก​ พูด​ให้​น้อย​ ออกจาก​บ้าน​ให้​น้อย​

โชคดี​ที่​ตำแหน่ง​ผู้ตรวจการ​ไม่มีระยะเวลา​เป็นตัว​พันธนาการ​

เพียงแต่ว่า​หาก​จะให้​เขา​เอาแต่​เบิกตา​กว้าง​มองดู​อยู่​อย่างนี้​ก็​ไม่ใช่เรื่อง​ ดังนั้น​พอ​ได้ยิน​ว่า​ต่ง​ครึ่ง​เมือง​กลับ​มายัง​บ้าน​บรรพบุรุษ​ เจี่ยนเฟิง​จึงรีบ​มาเยี่ยมเยือน​ทันที​ แน่นอน​ว่า​เขา​แต่งกาย​นอก​เครื่องแบบ​

เห็น​คนหนุ่ม​สวม​ชุด​ลัทธิ​ขงจื๊อ​และ​ผู้เฒ่า​ชุด​เหลือง​ เจี่ยนเฟิง​ก็​แค่​เอ่ย​ทักทาย​ไป​ตามมารยาท​

เขา​รู้จัก​ห​ลี่​ไหว​ คือ​คนใน​ท้องถิ่น​ของ​เมือง​เล็ก​ ทุกวันนี้​คือ​นักปราชญ์​ของ​สำนักศึกษา​ซาน​ห​ยา​

ส่วน​ผู้เฒ่า​ที่​มีสีหน้า​เมตตา​ปราณี​นั้น​ เป็น​คนแปลกหน้า​ ทาง​จวน​ผู้ตรวจการ​ไม่มีบันทึก​ที่​เกี่ยวข้อง​กับ​เขา​ ก่อนที่​เจี่ยนเฟิง​จะมาที่นี่​ได้​ให้​คน​จด​ลงบันทึก​ไว้​เรียบร้อย​ ขณะเดียวกัน​ก็​ส่งคน​ไป​ที่​ท่าเรือ​หนิ​วเจี่ยว​ ตรวจสอบ​บันทึก​เอกสาร​ผ่าน​ด่าน​ที่​ห​ลี่​ไหว​ทิ้ง​ไว้​บน​เรือข้ามฟาก​ตาม​กฎ​

ดูเหมือน​ต่งสุ่ย​จิ่งจะไม่เข้าใจ​กฎเกณฑ์​ใน​วงการ​ขุนนาง​แม้แต่น้อย​ ไม่ได้​บอก​ให้​ห​ลี่​ไหว​และ​ผู้เฒ่า​ออก​ไป​จาก​ห้อง​ที่​ซอมซ่อ​แห่ง​นี้​ ถึงขั้น​ที่​ไม่มีท่าที​ว่า​จะให้​คน​ทั้งสอง​ขยับ​เปลี่ยน​ที่นั่ง​ไป​ไหน​

หาก​เป็น​ตอนที่​เพิ่ง​มารับ​ตำแหน่ง​ เจี่ยนเฟิง​คงจะ​เกิด​ความ​ไม่สบอารมณ์​แน่​แล้ว​ แต่​เป็น​เพราะ​เจอ​ตะปู​อ่อน​และ​ต้อง​กิน​น้ำแกง​ประตู​ปิด​มามากเกินไป​ จึงได้​ขัดเกลา​ความ​แหลมคม​และ​นิสัย​เจ้าอารมณ์​ของ​เขา​ไป​แล้ว​

ต่งสุ่ย​จิ่งเชื้อเชิญ​ให้​ผู้ตรวจการ​เจี่ยน​นั่งลง​ จากนั้น​ยื่น​บ๊ะจ่าง​ชิ้น​หนึ่ง​ไป​ให้​ เจี่ยนเฟิง​เอ่ย​ขอบคุณ​หนึ่ง​คำ​ ปัด​ขี้เถ้า​ที่อยู่​บน​บ๊ะจ่าง​ออก​อย่าง​คุ้นเคย​ แหวก​ออก​แล้ว​กัด​กิน​ เรื่อง​แบบนี้​ไม่ใช่ว่า​เจี่ยนเฟิง​ต้อง​แสร้ง​ทำตัว​ติด​ดิน​อะไร​ แม้จะมีชาติกำเนิด​มาจาก​ตระกูล​ชั้นสูง​ของ​ต้า​หลี​ แต่​ใน​อดีต​เจี่ยนเฟิง​เคย​มาขอ​ศึกษา​ต่อ​ที่​สำนักศึกษา​ซาน​ห​ยา​นาน​หลาย​ปี​ ระหว่าง​นั้น​ได้​ออก​ทัศนศึกษา​อยู่​หลายครั้ง​ ระหว่างทาง​หาเงิน​มาได้​ไม่น้อย​ ดังนั้น​หยวน​เจิ้งติ้ง​จึงมักจะ​สัพยอก​ว่า​เขา​ควรจะ​ไป​ทำงาน​ที่​กรม​คลัง​

เพียงแต่​เพราะว่า​วันนี้​มีคนนอก​อยู่​ด้วย​ เจี่ยนเฟิง​จึงได้​แต่​เริ่ม​เปิดฉาก​สนทนา​ด้วย​สำนวน​ทางการ​ พูดคุย​เรื่อง​ที่​เกี่ยวข้อง​กับ​งาน​เตาเผา​กับ​ต่งสุ่ย​จิ่งไป​อย่าง​ถูไถ เพราะ​ถึงอย่างไร​ทุกวันนี้​เตาเผา​หลาย​แห่ง​ก็​ไม่ใช่เตา​ทางการ​แล้ว​ และ​ต่ง​ครึ่ง​เมือง​ผู้​นี้​ก็​หลบ​อยู่​หลัง​ม่าน​ แทบจะ​ผูกขาด​เส้น​ทางการเงิน​เกี่ยวกับ​การ​เอา​เครื่องกระเบื้อง​ไป​ขาย​ภายนอก​อย่าง​สิ้นเชิง​ เหมือน​อย่าง​เตาเผา​เป่า​ซีที่​กลายเป็น​เตาเผา​ของ​ชาวบ้าน​ไป​แล้ว​ ทุกวันนี้​ก็​อยู่​ในนามของ​พ่อค้า​ที่​เป็น​หุ่นเชิด​บางคน​ที่​ต่งสุ่ย​จิ่งประคับประคอง​ขึ้น​มาเอง​กับ​มือ​

ต่งสุ่ย​จิ่งพูดคุย​แย้มยิ้ม​กับ​อีก​ฝ่าย​อย่าง​เป็นกันเอง​ รัดกุม​รอบคอบ​ โต้ตอบ​ได้​อย่าง​เหมาะสม​

ห​ลี่​ไหว​ที่​มองดู​อยู่​รู้สึก​นับ​ถือเป็น​อย่างยิ่ง​

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!