กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 913

ขอแค่ใจสองดวงรักกันไม่แปรเปลี่ยน ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันทุกวันเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ฝึกตนบนภูเขาที่มีหวังว่าจะเป็นอมตะได้อย่างแท้จริง เวลาแค่ไม่กี่สิบปีไม่นับเป็นอะไรได้เลย

เฉินผิงอันเก็บนกในกรง พยักหน้าเอ่ย “ช่วงนี้อยู่ที่ภูเขาเซียนตู ข้าก็มานะฝึกตนอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน พอๆ กับปีนั้นตอนที่เริ่มฝึกวิชาหมัดเขย่าขุนเขาเลยล่ะ”

หนิงเหยาพยักหน้า เอ่ยว่า “ไปถึงบ้านแล้วข้าต้องปิดด่าน แต่ขอแค่มีธุระเจ้าก็เคาะประตูได้เลย ไม่ได้ถ่วงเวลาการฝึกตนของข้าหรอก”

ประโยคนี้พูดได้สมกับเป็นหนิงเหยาอย่างมากแล้ว

เฉินผิงอันเอ่ยอย่างสงสัย “ทำไมถึงปิดด่านอีกแล้วล่ะ”

ดูเหมือนว่านับตั้งแต่ที่รู้จักหนิงเหยามา นางเคยปิดด่านแค่สองครั้ง คราวก่อนก็เพิ่งผ่านไปไม่นาน หนิงเหยาที่อยู่ในเมืองหลวงต้าหลีจำเป็นต้องสร้างความมั่นคงให้กับขั้นหนึ่งของขอบเขตบินทะยาน

หนิงเหยามองเขา ทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด

เฉินผิงอันยิ่งประหลาดใจ “มีอะไรหรือ?”

หนิงเหยาใช้เสียงในใจเอ่ย “ข้าอยากจะเตรียมตัวสำหรับการเลื่อนเป็นขอบเขตสิบสี่แต่เนิ่นๆ มีแนวทางแล้ว แต่ก็มีธรณีประตูประมาณสองสามขั้นที่ต้องข้ามผ่านไป”

เฉินผิงอันเช็ดหน้า เงียบเสียงไป

เสี่ยวโม่สมควรมาฟังจริงๆ ฝึกตนหมื่นปียังไม่อาจหามหามรรคาที่จะพาให้เลื่อนเป็นผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตสิบสี่เต็มตัวได้เจออย่างแท้จริง เสี่ยวโม่เจ้าละอายใจที่สู้ไม่ได้หรือไม่?

หนิงเหยากระตุกมุมปาก แต่ก็กดลงอย่างรวดเร็ว

เหอะ

ได้ยินมาว่าใครบางคนเคยพูดกับปีศาจใหญ่หยวนซงตอนอยู่ภูเขาทัวเยว่ว่า หากข้าอายุเท่าเจ้า เจ้าก็ไม่มีทางได้เห็นข้าออกกระบี่แล้ว

คนทั้งสองทะยานลมไปไม่เร็ว เสี่ยวโม่แฝงตัวอยู่กลางอากาศเหนือชายแดนนครบินทะยาน รออยู่นานมากแล้ว

เมื่อเทียบกับเฉินผิงอันที่แบกรับชื่อจริงของเผ่าปีศาจ ความระวังภัยและความเป็นศัตรูที่นครบินทะยานมีต่อเสี่ยวโม่กลับไม่มาก อันที่จริงนี่มีความเกี่ยวข้องกับที่สายเวทกระบี่ของเสี่ยวโม่ ‘ดั้งเดิม’ เกินไปด้วย

เพราะถึงอย่างไรหากคิดกันอย่างจริงจังขึ้นมา ไม่พูดถึงรากฐานมหามรรคา พูดถึงแค่สายระบบการสืบทอด ไม่แน่ว่าเสี่ยวโม่อาจสามารถเรียกตัวเองเป็นพี่เป็นน้องกับเซียนกระบี่ใหญ่ผู้อาวุโสเฉินชิงตูได้เลยด้วยซ้ำ

หนิงเหยาพาคนทั้งสองพลิ้วกายลงที่ลานประลองยุทธกลางบ้านตัวเอง แล้วก็ไปปิดด่านของตัวเอง ถึงอย่างไรคนบางคนก็คุ้นเคยดีอยู่แล้ว

เฉินผิงอันเอากล่องกระบี่ที่กอดไว้ในอ้อมอกส่งคืนให้หนิงเหยาแล้ว

จวนหนิงที่กว้างใหญ่

ยิ่งดูเงียบสงัดและกว้างขวางยิ่งกว่าเดิม

ขาดผู้เฒ่าไปสองคน ไม่มีหน้าผาสังหารมังกรอีกแล้ว

เรือนพักของเฉินผิงอันถูกเก็บกวาดอย่างสะอาดสะอ้าน ผ้าห่มบนเตียงพับซ้อนอย่างมีระเบียบ ไม่มีกลิ่นอายเก่าโทรมแม้แต่น้อย น่าจะเพราะถูกเอาไปตากแดดบ่อยๆ

ห้องตรงกันข้าม บนโต๊ะตัวหนึ่งยังมีตราประทับเปล่าที่ปีนั้นไม่ทันได้แกะสลักวางไว้ กองกันเป็นภูเขา และยังมีตำราอีกหลายเล่มที่คัดลอกเอาบทกวีมาจากหนังสือหลายเล่ม หากกิจการร้านผ้าไหมของเจ้าอ้วนเยี่ยนทำต่ออีกสักสองสามเดือน คาดว่าน่าจะมีตราประทับสามร้อยเซียนกระบี่เพิ่มมาอีกเล่มแล้ว

ปีนั้นต่งปู้เต๋อขอตราประทับส่วนตัวสามชิ้นจากเถ้าแก่รองที่กิจการตราประทับเจริญรุ่งเรืองไปให้กับสหายรักสองคนของตัวเอง ผู้ฝึกกระบี่หญิงสองคนนั้นก็คือซือถูหลงชิวกับกวานเหมย

ต่งปู้เต๋อมือเติบ มอบวัตถุดิบเซียนล้ำค่าที่มีชื่อว่าหยกซวงเจี้ยงมาให้เฉินผิงอันก้อนใหญ่ หนักอึ้งเพราะมีน้ำหนักถึงเจ็ดแปดจิน อยู่ในใต้หล้าไพศาลก็ยังถือว่าเป็นวัตถุดิบล้ำค่าที่มีมูลค่าควรเมือง

ตามข้อตกลง ‘เศษขอบข้าง’ ที่เหลือจากการแกะสลักตราประทับสามชิ้นล้วนถือเป็นเงินค่าแรงของเถ้าแก่รอง

ผลคือเศษพวกนั้นถูกเฉินผิงอันนำไปแกะสลักเป็นตราประทับเปล่าขนาดเล็กได้อีกมากถึงสิบสองชิ้น ใช้กระบี่บินสืออู่เป็น ‘มีดแกะสลัก’ ตราประทับชิ้นหนึ่งขายหนึ่งเหรียญเงินร้อนน้อย ขออภัยที่ห้ามต่อราคา

ในนั้นก็มีตราประทับตำราที่ตรงก้นเป็นคำว่า ‘อารามกวานเต๋า เต๋าพิศมรรคา’ เพียงแต่ว่าทุกวันนี้ตกไปเป็นของใคร ยังคงเป็นปริศนา

หากตกไปอยู่ที่ใต้หล้าไพศาล พวกคนที่มีความรู้และตามีแวว อิงตามตำราตราประทับร้อยเซียนกระบี่และตำราตราประทับสองร้อยเซียนกระบี่ไป ‘หาม้าตามลายแทง’ ตรวจสอบว่าเป็นของแท้แน่นอน ก็เหมือนอย่างผู้คุมกฎถานหรงของเรือนอวิ๋นฉ่าวผูซานที่หากมาเจอเข้า คาดว่าต่อให้ต้องจ่ายหนึ่งเหรียญเงินฝนธัญพืช ขอแค่ซื้อหามาได้ก็คงไม่แม้แต่จะขมวดคิ้วสักครั้ง

สองนิ้วของเฉินผิงอันขยี้ไส้ตะเกียง พริบตานั้นตะเกียงดวงที่อยู่บนโต๊ะก็ถูกจุดติดไฟ จากนั้นเขาก็ไปนั่งหน้าโต๊ะ กางตำราออก ยิ้มถาม “เสี่ยวโม่ มาดูสิ มีตราประทับอันไหนที่อยากได้เป็นพิเศษหรือไม่ ข้าจะมอบให้เจ้า”

เสี่ยวโม่นั่งลงด้านข้าง รับตำรามาเปิดอ่านไปทีละหน้าอย่างละเอียด ก่อนจะหยุดมือ ยิ้มเอ่ย “คุณชาย เอาประโยคนี้แล้วกัน”

เฉินผิงอันหันไปมองตัวอักษรตราประทับที่อยู่ในหน้าหนังสือ คือประโยค ‘กลิ่นอายบริสุทธิ์สดชื่นเหมือนไท่เออ (ชื่อกระบี่โบราณ) ออกจากกล่อง’ โอ้โห เสี่ยวโม่สายตาไม่เลวเลย รู้จักเลือกเสียด้วย

จากนั้นผงกปลายคาง เฉินผิงอันหยิบมีดแกะสลักใหม่เอี่ยมเล่มหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ ระหว่างที่ว่างจากการฝึกตนในลานประกอบพิธีบนภูเขาเซียนตู เขาได้ทำมีดแกะสลักเล่มนี้ขึ้นมากับมือตัวเอง “เลือกตราประทับเองเลย ได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ ไม่ได้พบเห็นได้บ่อยๆ หรอกนะ”

เสี่ยวโม่ลุกขึ้นยืน เลือกตราประทับเปล่าที่มีขนาดสูงที่สุด คล้ายยอดเขาโดดเด่นท่ามกลางกลุ่มยอดเขามากมายอันหนึ่งมามอบให้เฉินผิงอัน

เฉินผิงอันม้วนชายแขนเสื้อ ถูมือเป่าลม กลับมาทำกิจการเดิม ไม่รู้ว่าจะคล่องมือเหมือนเดิมหรือไม่ จึงทำท่ายืดเส้นยืดสายสองสามที ในเมื่อจะมอบให้เสี่ยวโม่ แล้วก็ไม่ใช่การค้าขายหาเงินอะไร ก็ต้องตั้งใจสักหน่อย

ตอนที่เฉินผิงอันแกะสลักตราประทับอยู่ที่โต๊ะ ในห้องก็มีเพียงเสียงแกรกๆ ดังเบาๆ เท่านั้น

รอกระทั่งคุณชายของตนใช้สองนิ้วคีบตราประทับขึ้นมา แกะสลักเนื้อหาริมขอบหลายบรรทัดที่คิดขึ้นมากะทันหันได้สำเร็จ ยกขึ้นสูงเล็กน้อย เป่าเศษหินบนตราประทับออกเบาๆ เสี่ยวโม่ก็เอ่ยเสียงเบาว่า “คุณชาย ที่นครอู่ขุยและนครถัวเยว่ ตอนนี้ยังไม่พบอะไรผิดปกติ”

เฉินผิงอันเพียงแค่อืมรับเบาๆ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาแกะสลักต่อไป

ก่อนหน้านี้ตอนที่เสี่ยวโม่อยู่นครอู่ขุย พอหนิงเหยาปรากฏตัว เฉินผิงอันก็ให้เขาปล่อยจิตหยินออกจากร่าง จากนั้นใช้จิตหยางกายนอกกายเร่งรุดไปที่นครทัวเยว่ ตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของเส้นหัวใจของผู้ฝึกตนในสองนคร

คล้ายกับการทำเอกสารด่วนชิ้นหนึ่ง

แต่ร่างจริงของเสี่ยวโม่ที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะเงียบๆ ในเวลานี้กลับรู้ว่าคุณชายของตนไม่ได้ยินดีจะทำเช่นนี้จริงๆ แต่จำต้องทำเช่นนี้

และการเดินทางไกลที่ตัดสินใจอย่างกะทันหันครั้งนี้ อันที่จริงคุณชายไม่ได้ไม่วางใจนครบินทะยานที่เปี่ยมไปด้วยพลังชีวิต แต่เพราะเป็นห่วงหนิงเหยา

ส่วนสาเหตุ คุณชายแค่ยกตัวอย่างประหลาดข้อหนึ่ง แต่กลับไม่ได้อธิบายอย่างละเอียด

บอกแค่ว่าเป็นแค่ปริศนาที่ยุ่งยากมากข้อหนึ่ง เป็นปริศนาที่ทั้งคำถามและคำตอบล้วนให้มาพร้อมกันหมด

เกี่ยวข้องกับลูกศิษย์ที่นักพรตหญิงหวงถิงแห่งภูเขาไท่ผิงรับมาในใต้หล้าแห่งนี้

อันที่จริงจวนหนิงในเวลานี้นอกจากหนิงเหยาแล้วก็ยังมีแขกต่างถิ่นอีกสองคน ไม่ใช่คนในท้องถิ่นของนครบินทะยาน แต่เป็นผู้ลี้ภัยของใบถงทวีป พูดให้ถูกก็คือเป็นคนรุ่นหลังของผู้ลี้ภัยที่หนีมาหลบภัยในใต้หล้าห้าสี

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!