กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 916

หยางหนิงซิ่งที่ถูกรัดคอหน้าแดงก่ำ ได้แต่ตบแขนคนที่อยู่ด้านหลังแรงๆ หวังว่าอีกฝ่ายจะออมมือไว้ไมตรีให้กันบ้าง ล้วนเป็นสหายที่ไม่รู้จักกัน ไยต้องลงไม้ลงมือต่อกันด้วยเล่า

ดูเหมือนเด็กหนุ่มชุดขาวจะโมโหไม่เบา ไม่เพียงแต่ไม่ปล่อยมือ กลับกันยังกดลมปราณลงสู่จุดตันเถียน ขยับเท้าไปด้านหลังเล็กน้อย กระชากพี่มู่เม่าไปข้างหลังจนแผ่นหลังของอีกฝ่ายแทบจะขนานกับพื้น

หยางหนิงซิ่งเกือบจะตาลายเป็นลมไปจริงๆ เปิดปากอย่างยากลำบากว่า “พี่คนดี ช่วยควบคุมหน่อย รีบควบคุมเขาหน่อย อย่าเห็นคนจะตายแล้วไม่ยอมช่วยเหลือสิ ลูกศิษย์ของเจ้าคนนี้มีพลังมหาศาลตั้งแต่เกิด ลงมือรุนแรงเกินไปแล้ว…”

เห็นเพียงว่าเจ้าคนที่มีโฉมหน้าเป็นเด็กหนุ่มซึ่งมีไฝแดงกลางหว่างคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยปราณสังหาร เด็กหนุ่มชุดขาวหันไปมองเจิ้งต้าเฟิง งอสองเข่าลงครึ่งหนึ่ง แต่กลับบิดข้อมือก่อนแรงๆ รัดจนหยางหนิงซิ่งตาเหลือก แล้วก็ไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นหรือตาย เพียงแค่ยิ้มกว้างเอ่ยว่า “พี่ต้าเฟิง!”

เจิ้งต้าเฟิงยิ้มกล่าว “ไม่ได้เจอกันนานหลายปี น้องชุยก็ยังเป็นเด็กหนุ่มงดงามมาดองงอาจดังเดิม”

หากจะพูดถึงความสนิทสนม เจิ้งต้าเฟิงย่อมสนิทกับพวกพ่อครัวเฒ่า เว่ยป้อมากกว่า คนทั้งสามค่อนข้างจะกริ่งเกรงห่านขาวใหญ่ผู้นี้ พูดได้แค่ว่าไม่ห่างเหิน แต่ก็ไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมมากนัก

เจิ้งต้าเฟิงถาม “มาที่นี่ได้อย่างไร?”

ชุยตงซานยิ้มสดใส คนบนภูเขาย่อมมีแผนการเป็นของตัวเอง

เฉินผิงอันเอ่ยเตือนว่า “ตงซาน พอสมควรแล้ว หากเป็นอย่างนี้ต่อไป พี่มู่เม่าต้องแกล้งตายแน่ วันหน้าย่อมมารีดไถเงินค่ายาเอาจากข้า”

ชุยตงซานถึงได้คลายมือ ประคองพี่มู่เม่าให้ลุกขึ้นมา ฝ่ายหลังใช้มือข้างหนึ่งนวดคลึงลำคอ ไอสำลักไม่หยุด ชุยตงซานช่วยทุบหลังให้อีกฝ่าย ยิ้มตาหยีเอ่ยว่า “ต้องโทษข้าที่กระตือรือร้นเกินไป เป็นเพราะเลื่อมใสพี่มู่เม่ามานานมากแล้วจริงๆ พอพบหน้าก็สะกดกลั้นตัวเองไม่อยู่ พี่มู่เม่าคงไม่อาฆาตแค้นหรอกกระมัง?”

หยางหนิงซิ่งยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “ไม่หรอกๆ”

ในสายตาของผู้ฝึกลมปราณกับมนุษย์ธรรมดา คือโลกสองแห่งที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

หากผู้ฝึกลมปราณเริ่มเดินขึ้นเขาฝึกตนก็จะได้มองเห็นฟ้าดินใหม่เอี่ยมแห่งหนึ่ง

การมองเห็นเปิดกว้างประหนึ่งเปิดดวงตาสวรรค์ บุคคลที่อยู่รอบด้านล้วนเห็นชัดเจนแจ่มแจ้ง ขนตาขยับไหว ช่องระหว่างเส้นด้ายถี่แน่นบนเสื้อผ้าใหญ่เหมือนตาข่ายแหจับปลา การขยับไหวของรอยตีนกายามที่สตรีเอื้อนเอ่ยล้วนเห็นชัดแจ้ง ร่องที่ปาดทาผงประทินโฉมบนใบหน้าของพวกนางประหนึ่งร่องคันนาที่ตัดสลับกัน

ฝีเท้าในบริเวณใกล้เคียง ถึงขั้นที่ว่าลมหายใจในแต่ละครั้ง เสียงหัวใจเต้น เมื่อดังเข้าหูของผู้ฝึกตนก็ล้วนดังเหมือนเสียงฟ้าผ่า

ดังนั้นผู้ฝึกลมปราณทุกคน ช่วงต้นของการฝึกตนจึงจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงมหาศาลพลิกฟ้าพลิกดินประเภทนี้

นอกจากนี้วิชาอภินิหารทุกอย่าง และยังมีกระบี่บินของผู้ฝึกกระบี่ จะมากจะน้อยล้วนต้องชักนำริ้วคลื่นลมปราณส่วนหนึ่งได้เสมอ

ผู้ฝึกตนเผชิญหน้ากับเบาะแสน้อยนิดพวกนี้ก็เหมือนคนธรรมดาที่นั่งอยู่ริมน้ำแล้วมีคนที่อยู่ด้านข้างโยนหินลงน้ำไป ก่อให้เกิดริ้วน้ำกระเพื่อมและลูกน้ำแตกกระเซ็น นั่นก็คือการแผ่กระเพื่อมของปราณวิญญาณในฟ้าดิน

ดังนั้นแค่การที่มีคนขยับเข้าใกล้โต๊ะเหล้าโดยที่ผีไม่รู้เทพไม่เห็นก็ทำให้หยางหนิงซิ่งผู้นี้รู้สึกแปลกใจเป็นทบทวีแล้ว แต่นี่ตนกลับยังถูกคนลอบโจมตี ถูกรัดคอโดยที่ไม่มีเรี่ยวแรงให้ตอบโต้เอาคืนแม้แต่น้อย นี่ยิ่งทำให้เขาตกใจขวัญกระเจิงยิ่งกว่าเดิม

ที่นี่คือใต้หล้าห้าสีที่มีผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนน้อยจนนับนิ้วได้ ไม่ใช่ที่อุตรกุรุทวีปที่มีมังกรและงูป่าซุ่มซ่อนอยู่ทุกหนทุกแห่งเสียหน่อย

ขอบเขตก่อกำเนิดของข้านี้จะมีประโยชน์กะผายลมอะไรเล่า?!

โต๊ะเหล้าตัวหนึ่ง เฉินผิงอัน เจิ้งต้าเฟิง ชุยตงซาน หยางหนิงซิ่ง นั่งบนม้านั่งตัวยาวได้คนละตัวพอดี แต่ชุยตงซานกลับทำหน้าหนาจะนั่งเบียดกับพี่มู่เม่าให้จงได้ ไหล่ชนกระทบกัน ยิ้มพูดหน้าทะเล้นว่า “พี่มู่เม่า น้องชายอย่างข้าพอจะเข้าใจนรลักษณ์ศาสตร์อยู่บ้าง มองออกว่าเจ้าโชคดีขนาดนี้เพราะกำลังอยู่ในช่วงเวลายิ่งใหญ่ดีงามที่ดวงและชะตาชีวิตรุ่งโรจน์พร้อมๆ กัน มาถึงที่นี่ต้องได้รับผลเก็บเกี่ยวมหาศาลแน่นอน ไม่สู้พวกเราสองพี่น้องปฏิบัติต่อกันอย่างจริงใจ ตั้งแผงเปิดร้านผ้าห่อบุญที่ใช้สิ่งของแลกสิ่งของกันดีไหม?”

หยางหนิงซิ่งเอ่ยอย่างเขินอาย “พูดไปแล้วก็ละอาย…”

ชุยตงซานยกเท้าทั้งสองข้างขึ้น พลิกหมุนตัว จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ใช้ความเร็วที่ฟ้าผ่าไม่ทันป้องหู เพียงไม่นานก็รัดคอพี่มู่เม่าไว้แรงๆ อีกครั้ง

หยางหนิงซิ่งรีบพูดทันทีว่า “ก็ไม่ได้ละอายขนาดนั้น อันที่จริงพอจะมีผลเก็บเกี่ยวอยู่บ้างเล็กน้อย ทำร้านผ้าห่อบุญได้ ทำไมจะทำไม่ได้เล่า!”

มารดามันเถอะ ไม่เสียแรงที่เป็นลูกศิษย์ของพี่คนดี อีกเดี๋ยวก็คงเป็นครามที่เกิดจากต้นครามแต่เหนือกว่าครามแล้ว คิดจะเปลี่ยนสีหน้าก็เปลี่ยนสีหน้าทันที เร็วยิ่งกว่าพลิกหน้าหนังสือเสียอีก ปีนั้นอยู่ในหุบเขาผีร้าย พี่คนดีก็ไม่เคยไร้คุณธรรมในยุทธภพเช่นนี้นะ

เฉินผิงอันเองก็ไม่สนใจการกระทำเหลวไหลของชุยตงซาน เพียงแค่ยกชามเหล้าขึ้นมาชนกับเจิ้งต้าเฟิง ต่างคนต่างดื่มเหล้ากันไป คิดเสียว่าเป็นความครึกครื้นที่นำมาดื่มแกล้มเหล้า

คนเลวย่อมต้องถูกคนเลวด้วยกันเองจัดการ นี่เรียกว่าใส่ผงพะโล้ลงในเต้าหู้ ของสิ่งหนึ่งกำราบสิ่งหนึ่งได้เสมอ

ชุยตงซานกลับไปนั่งที่เดิม “ไม่ต้องรีบร้อนตั้งแผง ดื่มเหล้าให้ได้ที่กันก่อนก็แล้วกัน”

อาจารย์ไม่ค่อยชอบเล่าประสบการณ์การเดินทางของตัวเองให้ฟัง บางครั้งที่พูดถึงเรื่องเล่าในขุนเขาสายน้ำก็มักจะพูดถึงแค่ไม่กี่ประโยคก็ปล่อยผ่านไป แต่พี่มู่เม่าคนนี้ อาจารย์พูดถึงอยู่หลายประโยคจริงๆ

อีกทั้งเมื่อพูดถึงบัณฑิตชุดดำ ยามที่อาจารย์เอ่ยก็มักจะเผยรอยยิ้มบนใบหน้าเสมอ

ในอดีตตอนอยู่ในอุตรกุรุทวีป เฉินผิงอันเคยได้กลับมาพบเจอกับเจียงซ่างเจินอีกครั้ง ฝ่ายหลังเปิดเผยความลับสวรรค์บอกว่าหยางหนิงซิ่งแห่งตำหนักนภากาศที่ถูกเรียกขานว่า ‘เสี่ยวเทียนจวิน’ คือเมล็ดพันธ์เต๋าแต่กำเนิดอย่างสมชื่อ อีกทั้งยังคิดจะทำการสังหารอสุภะซึ่งอันตรายอย่างถึงที่สุด คิดจะนำความคิดที่ชั่วร้ายในใจออกมาหลอมรวมเป็นดวงจิตเมล็ดงาดวงหนึ่ง จากนั้นค่อยพิฆาตมันทิ้ง เมื่อเป็นเช่นนี้ รอให้ในอนาคตหยางหนิงซิ่งฝ่าคอขวดเลื่อนจากขอบเขตก่อกำเนิดเป็นหยกดิบ จิตมารที่อาจจะก่อกวน อุปสรรคด่านแห่งใจระหว่างนั้นก็จะน้อยลงเยอะมาก

การสังหารอสุภะถือเป็นเส้นทางเดินขึ้นสวรรค์เฉพาะทางของลัทธิเต๋า หากเป็นลัทธิพุทธก็คือเส้นทางแห่งการสยบกำราบจิตที่เป็นดั่งวานรเตลิดดั่งม้าพยศ มีความคล้ายคลึงกันอย่างน่าอัศจรรย์

และบังเอิญที่เฉินผิงอันเคยเห็นสองเรื่องนี้กับตาตัวเองมาก่อน นอกจากหยางหนิงซิ่งแล้วยังเคยเจอกับภิกษุชุดขาวคนหนึ่งที่เจาะผนังเป็นถ้ำอยู่ในชานป่ารกร้าง ใช้ชีวิตอยู่อาศัยเคียงคู่กับวานรแห่งจิตตัวหนึ่ง

ส่วนเรื่องที่บัณฑิตชุดดำบอกว่าตัวเองเคยรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับเฉินผิงอัน เคยแบ่งเงินกันมาก่อน ก็ไม่ถือว่าเป็นคำโกหกจริงๆ ทั้งสองฝ่ายปัดแข้งปัดขากันในหุบเขาผีร้ายมาตลอดทาง เจ้าต้มข้า ข้าหลอกเจ้า ต่างคนต่างวางแผนเล่นงานกัน สุดท้ายต่างก็ได้รับผลเก็บเกี่ยวไปคนละแบบ พูดถึงแค่ปลามอดสีทองที่ ‘ค่อนข้างมีค่า’ ของถ้ำมังกรเฒ่า และคำกล่าวที่ว่า ‘ค่อนข้างมีค่า’ นี้ ก็เป็นคำวิจารณ์ที่หลุดมาจากปากเจียงซ่างเจินเอง

สิ่งของที่สามารถทำให้เจียงซ่างเจินรู้สึกว่ามีค่าก็ไม่ใช่ว่าต้องมีมูลค่าควรเมืองอย่างแท้จริงหรอกหรือ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!