กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 917

เฉิน​ผิง​อัน​ลุกขึ้น​ยืน​เพียงลำพัง​ เดินเล่น​เลียบ​ริม​คันนา​ไป​ เนื่องจาก​มีสหาย​เก่า​คน​หนึ่ง​มาเยือน​ ก็​คือ​ฉีโซ่ว​ที่​เร่งรุด​เดินทาง​มาจาก​นคร​อู่​ขุย​ ทุกวันนี้​คือ​ผู้นำ​ของ​สาย​สิงกวาน​

ฉีโซ่ว​พูด​เข้า​ประเด็น​ทันที​ “เจ้าไม่มาหา​ข้า​ที่​จวน​เฉวียน​ฝู่ ข้า​รู้สึก​ใจคอ​ไม่ดี​ ไม่สู้เป็น​ฝ่าย​มาหา​เอง​ถึงที่​ มาให้​เจ้าด่า​สัก​สอง​สามประโยค​ยัง​ดีกว่า​”

ใคร​ไม่รู้​บ้าง​ว่า​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​แห่ง​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​มีคำพูด​ประหลาด​ยาว​เป็น​พรวน​ เหมือน​มีกระบี่​บิน​แห่ง​ชะตาชีวิต​กระบุง​ใหญ่​ กระบี่​แต่ละ​เล่ม​ทิ่มแทงใจ​คน​

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “เป็น​สหาย​รัก​กับ​พี่​ฉี ทุกวันนี้​พี่​ฉีเลื่อนขั้น​ขุนนาง​อีกแล้ว​ ข้า​เอ่ย​ประจบสอพลอ​ยัง​แทบ​ไม่ทัน​ ไหน​เลย​จะกล้า​ชี้ไม้ชี้มือ​ใส่สิงกวาน​คน​ใหม่​เล่า​?”

คน​ทั้งสอง​เดิน​เคียง​บ่า​กัน​ไป​บน​คันนา​ ฉีโซ่วก​ล่า​ว​ว่า​ “ได้ยิน​มาว่า​สิงกวาน​คน​ก่อน​ชื่อ​หาว​ซู่? หนิง​เหยา​กลับมา​ที่​นคร​บิน​ทะยาน​ครั้งก่อน​ นาง​ไม่ได้​เล่า​ถึงการ​เดินทาง​ไป​เยือน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ของ​พวก​เจ้าให้​ฟังอย่าง​ละเอียด​ เป็น​เหตุ​จนถึง​ตอนนี้​ข้า​ก็​ยัง​ได้​แค่​รู้​ชื่อ​เขา​เท่านั้น​”

ผู้ฝึก​กระบี่​สาย​สิงกวาน​ใน​ทุกวันนี้​จะต้อง​มีปม​ใน​ใจที่​ไม่เล็ก​ไม่ใหญ่​ปม​หนึ่ง​อยู่​ตลอด​ นั่น​ก็​คือ​ ‘ทำเนียบ​วงศ์ตระกูล​’ ขาดหาย​ไป​ เนื่องจาก​กระทั่ง​ถึงช่วง​ที่​สงคราม​ครั้งก่อน​สิ้นสุดลง​ อดีต​สิงกวาน​ก็​ไม่เคย​เผย​หน้า​มาก่อน​

ย้อนกลับ​ไป​มอง​สาย​อิ่น​กวาน​ อิ่น​กวาน​แต่ละ​ยุค​แต่ละ​สมัย​มีการสืบทอด​อย่าง​เป็นระเบียบ​ ไม่ว่า​ชื่อเสียง​ของ​อิ่น​กวาน​แต่ละ​รุ่น​จะเป็น​เช่นไร​ ขอบเขต​สูงหรือ​ต่ำ​ คุณ​ความชอบ​ทางการ​สู้รบ​ใหญ่​หรือ​เล็ก​ จะดี​จะชั่ว​ก็​มีหลักฐาน​ให้​สืบหา​ มีหนังสือ​ลำดับ​ศักดิ์​วงศ์ตระกูล​ที่​ชัดเจน​

ส่วน​เรื่อง​ที่​เซียว​สวิ้นอิ่น​กวาน​คน​ก่อน​ทรยศ​ออกจาก​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ อันที่จริง​ก็​ไม่เพียงแต่​ผู้ฝึก​กระบี่​รุ่น​ปัจจุบัน​ของ​คฤหาสน์​หลบ​ร้อน​เท่านั้น​ คน​ทั่ว​ทั้ง​นคร​บิน​ทะยาน​ต่าง​ก็​ไม่มีคำด่า​ประณาม​ต่อ​นาง​สัก​เท่าไร​ นี่​จึงเป็นเหตุให้​ทุกวันนี้​ยาม​ที่​พูดถึง​เซียว​สวิ้น​จึงไม่มีข้อห้าม​ใดๆ​ ไม่เพียงแต่​ไม่มีทาง​จงใจหลบเลี่ยง​ไม่พูดถึง​ กลับกัน​ใน​คำพูด​ยัง​แฝงความเสียดาย​ไว้​มาก​ ผู้ฝึก​กระบี่​สามคน​ที่​ทรยศ​พร้อมกับ​เซียว​สวิ้น​ จางลู่​คน​เฝ้าประตู​ ลั่ว​ซาน​และ​จู๋อาน​ อันที่จริง​ก็​ไม่ได้​ถูก​ใคร​ด่า​สัก​เท่าไร​ มีบ้าง​ที่​ได้ยิน​เสียง​ด่า​ แต่​ก็​ด่า​จางลู่​ที่​เป็น​คน​ไร้ประโยชน์​เสีย​มากกว่า​ ใน​เมื่อ​เลือก​ที่จะ​ทรยศ​ไป​แล้ว​ ทำไม​ไม่ทำ​อะไร​ให้​รวดเร็ว​ฉับไว​หน่อย​ ติดตาม​เซียว​สวิ้น​ไป​เยือน​ใต้​หล้า​ไพศาล​ด้วย​เสีย​เลย​สิ

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ “หาว​ซู่มาจาก​พื้นที่​มงคล​แห่ง​หนึ่ง​ของ​ฝูเหยา​ทวีป​ที่​ปริ​แตก​ไป​นาน​แล้ว​ ใน​อดีต​ตอน​อยู่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ก็​อยู่​ใน​คุก​ของ​เฒ่าหูหนวก​ตลอด​ ดังนั้น​ชื่อเสียง​จึงไม่โดดเด่น​ แต่​อันที่จริง​เวท​กระบี่​ของ​เขา​สูงมาก​ เป็น​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ ปี​นั้น​เขา​กลับ​ใต้​หล้า​ไพศาล​ไป​รอบ​หนึ่ง​ก็​ไปหา​ผู้บงการ​เบื้องหลัง​ที่​ทำให้​พื้นที่​มงคล​บ้านเกิด​ของ​ตัวเอง​ต้อง​พินาศ​วอดวาย​ เป็น​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​เฒ่าคน​หนึ่ง​ของ​ทวีป​แดน​เทพ​แผ่นดิน​กลาง​ ชื่อว่า​หนันกวง​จ้าว​ ถูก​หาว​ซู่ตัดหัว​แล้ว​โยนทิ้ง​ไว้​ที่​หน้า​ประตู​ภูเขา​ คราวก่อน​หาว​ซู่ติดตาม​พวกเรา​ไป​เยือน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ก็ได้​สังหาร​เสวียน​ผู่​ปีศาจ​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ตน​หนึ่ง​ของ​นคร​บิน​ทะยาน​ไป​ เท่ากับ​ว่า​มีคำอธิบาย​ให้​กับ​ทาง​ศาล​บุ๋น​แล้ว​ เป็นการ​ทำ​ความดี​ชดใช้​ความผิด​ ดังนั้น​ทุกวันนี้​จึงไป​อยู่​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​แล้ว​ หาว​ซู่จะต้อง​ช่วย​ปกป้อง​มรรคา​ให้​กับ​ผู้ฝึก​กระบี่​ที่​ออก​เดินทางไกล​กลุ่ม​ของ​ต่งฮ​ว่า​ฝูด้วย​”

ฉีโซ่ว​หยิบ​ตราประทับ​ชิ้น​หนึ่ง​ที่​ให้​คน​ช่วย​ซื้อ​มาให้​จากร้าน​ขาย​ผ้าแพร​ต่วน​ของ​ตระกูล​เยี่ยน​ ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “น่าเสียดาย​ที่​ไม่อาจ​ซื้อ​เล่ม​ดอก​เหมย​ที่​ดี​ที่สุด​ของ​ ‘กวี​จีห​ร่าง​’ ของ​อาจารย์​คัง​เจี๋ย​มาได้​”

เฉิน​ผิง​อัน​เหลือบมอง​ตราประทับ​ รู้ดี​ว่า​เป็น​ตราประทับ​หนังสือ​ที่​ด้านล่าง​ของ​ตราประทับ​แกะสลัก​เป็น​คำ​ว่า​ ‘มีเพียง​ข้า​ไม่ได้​ออก​ท่อง​ทั่ว​สารทิศ​’ ถือว่า​เหมาะสม​กับ​สภาพการณ์​และ​สภาพ​จิตใจ​ของ​ฉีโซ่วอ​ย่าง​มาก​

ใน​เมื่อ​ไม่ได้​ไป​เยือน​ใต้​หล้า​ไพศาล​ แล้วก็​ไม่ถือว่า​เคย​ไป​เยือน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​มาก่อน​ ฟ้าดิน​กว้างใหญ่​ถึงเพียงนี้​ แต่กลับ​ทำได้​เพียง​อยู่​ใน​สถานที่​เล็ก​แคบ​แห่ง​หนึ่ง​ จะว่า​ไป​แล้วก็​เป็น​เพราะ​ฉีโซ่ว​มีจิตใจ​ที่​หยิ่ง​ทระนง​นั่นเอง​

ฉีโซ่ว​กำ​ตราประทับ​ใน​มือ​ไว้​แน่น​เหมือน​มัน​เป็น​ของ​สำหรับ​ถือ​เล่น​ ถามว่า​ “บรรพ​จารย์​ท่าน​นั้น​ของ​ข้า​ล่ะ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​สัพยอก​ “เซียน​กระบี่​ผู้อาวุโส​ฉีหรือ​จะต้อง​ให้​เจ้ามาเป็นห่วง​ ชื่อเสียง​ของ​เขา​โด่งดัง​ไป​ทั่ว​สารทิศ​อยู่​ใน​ใต้​หล้า​ไพศาล​มานาน​แล้ว​ สำนัก​กระบี่​หลง​เซี่ยง​ยังมี​ลู่​จือ​อยู่​ด้วย​ หนึ่ง​สำนัก​สอง​บิน​ทะยาน​ ทั้ง​ยัง​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ทั้งคู่​ ไม่ว่า​ใคร​ก็​ไม่กลัว​ บวก​กับ​ที่​มีผู้​ถวายงาน​ห้า​ขอบเขต​บน​สอง​คน​อย่าง​เส้าอวิ๋นเหยียน​และ​ถัว​เหยียนฮู​หยิน​คอย​ช่วย​จัดการ​กิจธุระ​ต่างๆ​ ให้​ เซียน​กระบี่​ผู้อาวุโส​ฉียัง​รับ​ลูกศิษย์​ที่​ได้รับ​การ​บันทึก​ชื่อ​ไว้​หลาย​สิบ​คน​ คุณสมบัติ​ดีมาก​กัน​ทุกคน​ ถูก​เรียกขาน​ว่า​ ‘สิบ​แปด​กระบี่​’ ทุกคน​ล้วน​เป็น​ตัวอ่อน​เซียน​กระบี่​อันดับ​หนึ่ง​ ไม่ต้อง​ถึงหนึ่งร้อย​ปี​สำนัก​กระบี่​หลง​เซี่ยง​ก็​แค่​รับ​ตัว​เค่อ​ชิงและ​ลูกศิษย์​ของ​ลูกศิษย์​มาเพิ่ม​อีก​สักหน่อย​ ก็​จะสามารถ​กระโดด​ขึ้น​เป็น​สำนัก​ใหญ่​ขั้นสูงสุด​ของ​ใต้​หล้า​ไพศาล​ได้​แล้ว​”

ฉีโซ่ว​ลังเล​เล็กน้อย​ คล้าย​ว่า​มีคำพูด​บางอย่าง​ที่​ยาก​จะเอื้อนเอ่ย​ จึงหยุด​เดิน​แล้ว​ทรุดตัว​ลงนั่ง​ยอง​ เก็บ​ตราประทับ​ใส่ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ ยื่นมือ​ไป​คว้า​จับ​รวงข้าว​เหลือง​อร่าม​ของ​ข้าว​จ้งซือ​มาต้น​หนึ่ง​ ผล​คือ​ถูก​เฉิน​ผิง​อัน​ตำหนิ​ “ทำไม​เจ้าถึงได้​มือบอน​ขนาด​นี้​ล่ะ​”

เฉิน​ผิง​อัน​นั่งลง​ด้าน​ข้าง​ หยิบ​ก้อนหิน​ขึ้น​มาก้อน​หนึ่ง​ ยก​รองเท้า​ผ้า​ขึ้น​ ใช้หิน​ขูด​ดิน​ออก​เบา​ๆ ยิ้ม​พูด​ชวน​คุย​ว่า​ “ทุกวันนี้​เฝ่ย​หรา​น​เป็น​ผู้​ครอง​เปลี่ยว​ร้าง​ที่​ได้รับ​การ​ยอมรับ​จาก​ผู้คน​แล้ว​ พี่​ฉีก​ลับ​ดี​นัก​ แม้แต่​เจ้านคร​บิน​ทะยาน​ก็​ยัง​ไม่ได้​เป็น​ แค่​ถูก​เรียก​ว่า​เป็น​เจ้านคร​ครึ่งตัว​เท่านั้น​ ข้า​รู้สึก​อยุติธรรม​แทน​พี่​ฉีจริงๆ​”

ใน​เมื่อ​เจ้าไม่สะดวก​จะเปิดปาก​ ข้า​ก็​จะช่วย​พาด​บันได​ให้​เจ้าเดิน​ก็แล้วกัน​

ฉีโซ่ว​เอ่ย​เนิบ​ช้าว่า​ “เฉิน​ผิง​อัน​ ชั่วชีวิต​นี้​ข้า​จะไม่มีทางได้​เป็น​เจ้านคร​แล้ว​ใช่หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ถาม “ทำไม​ถึงถามเช่นนี้​ล่ะ​?”

ฉีโซ่วต​อบ​ “ลางสังหรณ์​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “เจ้าไม่ใช่สตรี​สักหน่อย​ ต้อง​เป็น​ลางสังหรณ์​ของ​สตรี​ที่​ถึงจะแม่นยำ​”

ฉีโซ่ว​ถามคำถาม​ยาว​เป็น​พรวน​ “เก้าอี้​สอง​ตัว​ที่ว่าง​อยู่​ใน​ศาล​บรรพ​จารย์​ สรุป​แล้ว​เป็นเรื่อง​อะไร​กัน​แน่​? เป็นการ​จัดการ​ของ​เจ้า? หรือว่า​มีข้อ​พิถีพิถัน​อะไร​ ยกตัวอย่างเช่น​เป็นเรื่อง​ที่​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ผู้อาวุโส​สั่งความ​ไว้​ใน​อดีต​? หนิง​เหยา​ไม่ได้​บอก​ต้นสายปลายเหตุ​ โลก​ภายนอก​เดา​กัน​มานาน​หลาย​ปี​ขนาด​นี้​แล้วก็​ยัง​ไม่ได้​คำตอบ​ที่​แน่ชัด​”

ความคิด​ที่​ค่อนข้าง​น่าเชื่อถือ​ที่สุด​ก็​คือ​เก้าอี้​สอง​ตัว​ที่​ปล่อย​ว่าง​ไว้​ ตัว​หนึ่ง​เอาไว้​มอบให้​กับ​เจ้านคร​ในอนาคต​ อีก​ตัว​หนึ่ง​ไว้​มอบให้​กับ​บุคคล​อันดับ​หนึ่ง​ของ​ใต้​หล้า​ห้า​สี

หาก​เป็น​เช่นนี้​จริง​ก็​ค่อนข้างจะ​สอดคล้อง​กับ​นิสัย​การกระทำ​ของ​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ผู้อาวุโส​แล้ว​

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ “ข้า​เอง​ก็​ไม่แน่ใจ​เหมือนกัน​ บางที​อาจ​เป็น​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ผู้อาวุโส​ที่​ให้​หนิง​เหยา​ทำ​เช่นนี้​กระมัง​ เดี๋ยว​คราวหน้า​ข้า​จะลอง​ถามให้​”

ในความเป็นจริง​แล้ว​คน​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​ต้อง​ไป​ถาม ควร​เป็น​เฉิน​จี หรือ​ควรจะ​เรียก​ว่า​เฉิน​ซีเซียน​กระบี่​ผู้อาวุโส​ใน​อดีต​ถึงจะถูก​

ฉีโซ่ว​ถาม “หาก​ให้​เจ้าเดา​ล่ะ​? เจ้าคิด​ว่า​เป็น​เพราะอะไร​?”

เฉิน​ผิง​อัน​คิด​แล้วก็​พูด​เสียง​เบา​ว่า​ “อดีต​ล้วน​ผ่าน​ไป​แล้ว​ อนาคต​ยัง​มาไม่ถึง ต่อให้​เก้าอี้​สอง​ตัว​ถูก​ปล่อย​ว่าง​ไว้​ก็​ไม่ถือว่า​ว่าง​จริงๆ​ กระมัง​ ถึงอย่างไร​ก็​เหมือน​ผู้ฝึก​กระบี่​สอง​คน​ที่นั่ง​อยู่​ติดกัน​ แต่กลับ​ไม่ใช่ใคร​คนใดคนหนึ่ง​ที่​เป็น​รูปธรรม​ ไม่ใช่ฉีโซ่ว​ที่​จนถึง​ตอนนี้​ก็​ยัง​คิด​ไม่ตกว่า​จะได้​เป็น​เจ้านคร​หรือไม่​ ถึงขั้น​ไม่ใช่หนิง​เหยา​ที่นั่ง​ใน​ตำแหน่ง​บุคคล​อันดับ​หนึ่ง​ของ​ใต้​หล้า​ได้​อย่าง​มั่นคง​แล้ว​ แต่​เป็น​แค่​ผู้ฝึก​กระบี่​ทุกคน​ที่​เป็นอดีต​ไป​แล้ว​แต่กลับ​ไม่เคย​ถูก​หลงลืม​ กับ​ผู้ฝึก​กระบี่​ทุกคน​ที่​วันหน้า​จะกลายเป็น​อนาคต​”

ฉีโซ่ว​ครุ่นคิด​อยู่​พัก​หนึ่ง​ ถึงกับ​รู้สึก​ว่า​คำตอบ​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​มอบให้​นี้​ค่อนข้าง​มีเหตุผล​ น่าสนใจ​อย่าง​มาก​ อดไม่ไหว​ทอดถอนใจ​เอ่ย​ว่า​ “สมกับ​เป็น​บัณฑิต​จริงๆ​!”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​อย่าง​ขำ​ๆ ปน​ฉุน​ “อุตส่าห์​ได้​พูดคุย​เป็น​เผย​ความใน​ใจจริง​กับ​เจ้าทั้งที​ แต่​เจ้ากลับ​ไม่รู้จัก​ดี​ชั่ว​เช่นนี้​ อยาก​โดน​ด่า​ใช่ไหม​?”

ฉีโซ่วยก​สอง​แขน​กอดอก​ มอง​ผืน​นา​ที่​เป็น​สีทอง​มลังเมลือง​ เหมือนกับ​ตราประทับ​ชิ้น​นั้น​ที่​เขา​ชื่นชอบ​เพียง​หนึ่งเดียว​ เนื้อหา​ริม​ขอบ​เขียน​ไว้​ว่า​ทุก​ครอบครัว​กิน​อยู่​เพียงพอ​ สถานการณ์​มั่นคง​ผล​เก็บเกี่ยว​อุดมสมบูรณ์​ สุขภาพ​ร่างกาย​แข็งแรง​…

ไม่อย่างนั้น​ด้วย​มิตรภาพ​น้อย​นิด​ที่​เขา​มีกับ​เฉิน​ผิง​อัน​ มีหรือ​จะแวะเวียน​ไป​อุดหนุน​กิจการ​ร้าน​ของ​ตระกูล​เยี่ยน​ ได้​แต่​ฝืนใจ​ ฝืน​นิสัย​ไหว้วาน​ให้​คน​ไป​ช่วย​ซื้อ​ตราประทับ​ที่​ถูกใจ​ชิ้น​นั้น​มา

ฉีโซ่ว​เงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​ ก่อน​เอ่ย​ว่า​ “แม้จะบอ​กว่า​เป็นเรื่อง​ที่​เป็นไปไม่ได้​มาก​ที่สุด​ แต่​ลางสังหรณ์​บอก​ข้า​ว่า​ ผู้ฝึก​กระบี่​ที่​แกะสลัก​ตัวอักษร​ใหม่​ล่าสุด​ของ​หัว​กำแพงเมือง​ไม่ใช่บรรพบุรุษ​ตระกูล​ข้า​ ไม่ใช่หนิง​เหยา​ แล้วก็​ไม่ใช่สิงกวาน​หาว​ซู่หรือ​ลู่​จือ​ แต่​เป็น​เจ้า”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​รับ​ แบ​ฝ่ามือ​ข้าง​หนึ่ง​ออกมา​วาง​ค้ำ​ไว้​บน​คันดิน​เบา​ๆ “มีเพียง​เรื่อง​หนึ่ง​ที่​ทำให้​ข้า​รู้สึก​…ภาคภูมิใจ​มาก​ที่สุด​ อืม​ เมื่อ​ทำ​เรื่อง​นี้​สำเร็จ​ ข้า​รู้สึก​สบายใจ​มาก​”

ฉีโซ่ว​หันไป​มอง​ใบ​หน้าด้าน​ข้าง​ของ​เจ้าหมอ​นี่​ คิ้ว​ตา​เบิกบาน​ มีความ​สบายอารมณ์​อย่าง​ที่​หา​ได้​ยาก​อยู่​หลาย​ส่วน​จริงๆ​ เป็นประกาย​เฉียบคม​ที่​ไม่ปิดบัง​อำพราง​เลย​แม้แต่น้อย​

เฉิน​ผิง​อัน​ยกมือ​ข้าง​หนึ่ง​ขึ้น​ สอง​นิ้ว​ประกบ​กัน​ วาด​ลง​ด้านล่าง​หนึ่ง​ที​ จากนั้น​ปาด​ไป​แนว​ขวาง​หนึ่ง​ครั้ง​ ก่อน​จะกาง​นิ้ว​ทั้ง​ห้า​ออก​ “ผู้ฝึก​กระบี่​ของ​เปลี่ยว​ร้าง​ที่​ได้​ครอบครอง​กระบี่​บิน​แห่ง​ชะตาชีวิต​ ‘จือเฝิ่น’​ ฮุ่ย​ถิงแห่ง​สำนัก​กระบี่​หง​เย่​ ถูก​กระบี่​หนึ่ง​ฟัน​ผ่า​ออก​เป็น​สอง​ท่อน​ จากนั้น​ถูก​ปาด​เอว​อีกที​ ใช้บ่อ​สายฟ้า​ของ​ลัทธิ​เต๋า​หลอม​สังหาร​จิตวิญญาณ​ของ​อีก​ฝ่าย​จน​สลาย​สิ้น​ จากนั้น​ค่อย​ดึง​เอา​ชื่อจริง​เผ่า​ปีศาจ​ของ​เจ้านี่​ออกมา​ การเข่นฆ่า​ที่​อำมหิต​เช่นนี้​ ถึงอกถึงใจ​อย่าง​มาก​ หาก​ไม่เป็น​เพราะ​ตอนนั้น​ยัง​ต้อง​ถามกระบี่​กับ​คนอื่น​ อันที่จริง​ยังมี​วิธีการ​อีก​มากมาย​ที่​รอ​ให้​ฮุ่ย​ถิงเสวยสุข​ดี​ๆ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!