เด็กหนุ่มสวมหมวกหัวเสือคนหนึ่งเดินอยู่ริมลำธาร
นักพรตซุนรีบกวักมือยิ้มเรียกอีกฝ่ายทันที “น้องป๋ายเหย่ มาช่วยเป็นพยานให้หน่อย”
ป๋ายเหย่พยักหน้า “เป็นปรมาจารย์มหาปราชญ์จริงๆ”
นักพรตผู้เฒ่ายิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เจ้าอ้วนเยี่ยน วันหน้าจำไว้ว่าอย่าบ่นว่าอาหารเจของอารามพวกเราไม่อร่อยอีก ปรมาจารย์มหาปราชญ์ให้คำวิจารณ์ว่า ‘สมคำเล่าลือ’ เชียวนะ”
ป๋ายเหย่ทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด
นักพรตซุนรีบขยิบตาให้ ป๋ายเหย่จึงไม่ได้เปิดปากเอ่ยอะไร
ก่อนที่ป๋ายเหย่จะมาใต้หล้ามืดสลัวเคยได้ไปพบปรมาจารย์มหาปราชญ์พร้อมกับซิ่วไฉเฒ่าที่ยอดเขาสุ้ยซานมาก่อน
เพราะตนจะต้องมาฝึกตนและฝึกกระบี่ที่อารามเสวียนตู ซิ่วไฉเฒ่ากับปรมาจารย์มหาปราชญ์ถึงได้พูดถึงอาหารเจของที่นี่ขึ้นมาพอดี
ซิ่วไฉเฒ่าบอกว่าอาหารของอารามเต๋าเล่าลือกันว่าไม่ค่อยอร่อย ปรมาจารย์มหาปราชญ์จึงเคยประโยคหนึ่งว่า เคยได้ยินคนพูดว่า รสชาติไม่เท่าไรจริงๆ นั่นแหละ
ดังนั้นหลังจากที่ปรมาจารย์มหาปราชญ์กินอาหารเจในอารามแล้วถึงได้เอ่ยว่า ‘สมคำเล่าลือ’ อันที่จริงก็เป็นคำพูดตามมารยาทของแขกที่มาเยือนถึงบ้านจริงๆ
นักพรตซุนยิ้มถาม “ไปเยือนดวงจันทร์เฮ่าไฉ่พร้อมกับจวินเชี่ยนมาแล้วหรือ?”
ป๋ายเหย่พยักหน้ารับ
นักพรตซุนทำสีหน้าอิจฉา “ชมจันทร์นอนบนต้นสนเขียว ถึงอย่างไรก็สู้นอนบนจันทร์ชมต้นสนเขียวไม่ได้ หนึ่งเงยหน้ามองฟ้า หนึ่งก้มหน้ามองดิน ทัศนียภาพต่างกันมากเลยนะ”
ป๋ายเหย่กล่าว “เจ้าอารามอยากไปก็ไม่ยากสักหน่อย”
นักพรตเฒ่าโบกมือ “จะพูดแบบนี้ไม่ได้ ตอนนี้เจ้าผู้ไร้เทียมทานที่แท้จริงคนนั้นนอนขวางทางอยู่ตรงนั้น ผินเต้าอายุมากแล้ว หูตาฝ้าฟาง เท้าหนึ่งก้าวออกไปไม่ทันระวังเหยียบบนหน้าเต๋าเหล่าเอ้อยังพูดได้ง่าย ถือเป็นความผิดที่ไร้เจตนา แค่เอ่ยขอโทษก็พอ แต่หากเหยียบลงบนเป้ากางเกงก็คงไม่ค่อยเข้าท่าแล้ว”
เดิมทีป๋ายเหย่อยากนั่งบนก้อนหินริมลำธาร พูดคุยกับเจ้าอารามผู้เฒ่าสักสองสามประโยค แต่พอได้ยินประโยคจึงเดินเล่นไปข้างหน้าต่อทันที
เยี่ยนจั๋วกินเมล็ดบัวกองใหญ่ในอ้อมอกจนหมดแล้วพลันยกสองเท้าขึ้นมาจากในน้ำ ถามว่า “เหล่าซุน อันที่จริงท่าน...แล้วใช่ไหม?”
“คนบนโลกนี้พูดแค่ว่าไท่ซ่างลืมความรัก มรรคกถาไร้ปราณีแต่กลับมีความรักความผูกพัน เกิดมาก็เป็นคนมีความรักจริงๆ นั่นแหละ”
นักพรตซุนไม่ได้ให้คำตอบอย่างตรงไปตรงมา เพียงยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “บุญคุณความแค้นของคนรุ่นเก่า พวกผู้เยาว์อย่างพวกเจ้าไม่ต้องคิดมาก ถึงอย่างไรคิดไปก็ไม่มีประโยชน์ แค่ตั้งใจฝึกตน ต่างคนต่างเดินไปบนยอดสูงสุดก็พอ”
นักพรตผู้เฒ่าลุกขึ้นยืน “อายุมากแล้วก็มักจะคิดถึงเรื่องที่อยู่เบื้องหลัง”
อันที่จริงผู้รอบรู้บางท่านของทักษินาตยทวีปก็เคยเอ่ยคำพูดทำนองนี้มาก่อน ตอนนั้นผู้ฟังมีแค่คนเดียว คือบัณฑิตต่างถิ่นคนหนึ่งที่มีชื่อว่าหลิวเสี้ยนหยาง
แต่เพียงไม่นานเจ้าอารามผู้เฒ่าก็หัวเราะร่าเสียงดัง “แต่ผินเต้าพูดถึงมรรคาจารย์เต๋า ข้ายังหนุ่มอยู่มากนักล่ะ สิ่งที่คิดถึงในแต่ละวันก็มีแต่พยายามเพิ่มมื้ออาหารให้มากขึ้น”
ก่อนที่นักพรตผู้เฒ่าจะจากไปได้พูดกับคนอ้วนอายุน้อยว่า “คิดถึงปัญหาข้อหนึ่งให้ดี เหตุใดใต้หล้าถึงมีเพียงผู้ฝึกกระบี่ วันไหนคิดออกแล้ว เจ้าก็จะสามารถฝ่าทะลุขอบเขตได้”
……
เรือเฟิงยวนลำหนึ่งได้ข้ามมหาสมุทรมาถึงแผ่นดินของใบถงทวีปแล้ว หยุดจอดที่ท่าเรือตระกูลเซียนของตำหนักพยัคฆ์เขียวภูเขาชิงจิ้งครู่หนึ่งก็เดินทางต่อไปยังภูเขาเซียนตู
วันนี้ระหว่างที่หยุดพักจากการฝึกกระบี่ ซุนชุนหวังลังเลเล็กน้อยก็ยังเดินออกมาจากห้อง คิดว่าจะไปนั่งอยู่กับไฉอู๋สักพัก นางไม่ชอบความครึกครื้น แต่ดีที่ไฉอู๋เองก็ไม่ชอบพูดคุย นอกจากดื่มเหล้าส่งเสียงเล็กน้อยแล้ว อันที่จริงก็ไม่ได้เป็นฝ่ายชวนคุยอะไรมากนัก ตรงกับที่นางต้องการพอดี ผลคือซุนชุนหวังเพิ่งจะเลี้ยวผ่านหัวเลี้ยวของระเบียงเส้นหนึ่งก็เห็นว่าตรงนอกห้องของไฉอู๋มีเทพทวารบาลยืนนิ่งไม่ขยับอยู่คนหนึ่ง ซุนชุนหวังจึงเข้าใจได้ทันที ไฉอู๋ยังฝึกตนอยู่ ตอนนี้ไม่สะดวกให้ใครมารบกวน
หมี่ลี่น้อยเดินเบามือเบาเท้ามาหาซุนชุนหวัง พอมาหยุดอยู่ข้างกายอีกฝ่ายแล้ว ผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาก็ยกมือทำท่านับนิ้วคำนวณ เอ่ยเตือนเสียงเบาว่า “พืชพรรณยังต้องฝึกตนอีกครึ่งชั่วยาม รอได้หรือไม่?”
ซุนชุนหวังส่ายหน้า “คงต้องคลาดกันแล้ว อีกสองเค่อให้หลังข้าจะต้องกลับห้องไปหลอมกระบี่ต่อ”
ใบหน้าหมี่ลี่น้อยเต็มไปด้วยความเลื่อมใส เอ่ยชื่นชมจากใจจริง “พวกเจ้าสองคนมานะฝึกตนจนน่ากลัวจริงๆ”
ซุนชุนหวังเอ่ย “อีกเดี๋ยวไม่ต้องแอบไปช่วยเฝ้าด่านให้ข้าหรอกนะ”
หมี่ลี่น้อยเกาแก้ม ร้องอ้อหนึ่งที ถูกจับได้แล้วหรือ?
ซุนชุนหวังมีสีหน้าละอายใจอย่างที่หาได้ยาก พูดอธิบายว่า “ไม่ได้รำคาญ…”
หยุดชะงักไปครู่ แม่นางน้อยที่ถูกป๋ายเสวียนตั้งฉายาให้ว่าตาปลาตายก็ยังเอ่ยไปตามตรงว่า “อันที่จริงก็รำคาญนั่นแหละ มีเจ้าเฝ้าอยู่นอกประตูกลับกลายเป็นว่าถ่วงการฝึกตนของข้า จิตใจไม่สงบ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!