กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 920

สรุปบท บทที่ 920.2 เพียงแต่ตนที่แก่ชราแล้ว: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

บทที่ 920.2 เพียงแต่ตนที่แก่ชราแล้ว – ตอนที่ต้องอ่านของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

ตอนนี้ของ กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายกำลังภายในทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 920.2 เพียงแต่ตนที่แก่ชราแล้ว จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

หาก​หมี่​อวี้​กลายเป็น​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​ได้​สำเร็จ​ สำหรับ​ตลอดทั้ง​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​แล้ว​ ไม่ว่า​จะบน​หรือ​ล่าง​ภูเขา​ก็​ล้วน​ไม่ใช่เรื่องเล็ก​เลย​

เพราะ​ถึงอย่างไร​ไม่ว่า​จะเป็น​เซียน​กระบี่​ใหญ่​ใหม่เอี่ยม​คนใด​ก็ตาม​ นอกจาก​ทวีป​แดน​เทพ​แผ่นดิน​กลาง​แล้ว​ สำหรับ​ขุนเขา​สายน้ำ​ของ​ทวีป​ใด​ก็ตาม​ก็​ล้วน​เป็น​รูปแบบ​อย่างหนึ่ง​ เป็นการ​โจมตี​ที่​รุนแรง​อย่างหนึ่ง​

หลิว​จิ่งหลง​พลัน​หัวเราะ​ร่า​เอ่ย​ว่า​ “ไม่ว่า​จะอย่างไร​ ข้า​ก็​ถือว่า​ได้​ช่วยเหลือ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​และ​เจ้าขุนเขา​เฉิน​ใน​เรื่อง​เล็กๆ น้อยๆ​ ดื่มเหล้า​สักหน่อย​ไหม​? จะขอบคุณ​ข้า​ก็ดี​ หรือ​อวยพร​ให้​หมี่​อวี้​เลื่อนขั้น​ล่วงหน้า​ก็ช่าง​ ดูเหมือนว่า​เจ้าขุนเขา​เฉิน​จะไม่มีเหตุผล​ให้​ปฏิเสธ​นะ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​รู้​ว่า​ท่า​ไม่ดี​ได้​ทันใด​ หลิว​จิ่งหลง​เป็น​ฝ่ายเสนอ​ว่า​จะดื่มเหล้า​ก่อน​ ต้อง​เตรียมตัว​มาไว้​ก่อน​แน่​ จึงเอ่ย​อย่าง​เด็ดเดี่ยว​ว่า​ “ไม่รีบร้อน​ ข้า​ยัง​มีธุระ​ที่​ต้อง​ไป​ทำ​ อยู่​บน​เรือข้ามฟาก​ลำ​นี้​ได้​ไม่นาน​ เดี๋ยว​ก็​ต้อง​ออกเดินทาง​ไป​ที่อื่น​แล้ว​”

หลิว​จิ่งหลง​รั้ง​แขน​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​เอาไว้​ “ก็​แค่​ดื่ม​กัน​คนละ​ไม่กี่​กา​เท่านั้น​ ด้วย​ความสามารถ​ใน​การ​ดื่ม​ของ​พวกเรา​สอง​คน​ ไม่ถ่วง​รั้ง​ธุระ​สำคัญ​หรอก​”

เฉิน​ผิง​อัน​ปัด​มือ​ของ​หลิว​จิ่งหลง​ออก​ แต่กลับ​ไม่เป็นผล​ จึงสะบัด​แขน​อย่าง​แรง​ แต่​ก็​ยัง​ไม่หลุด​ จึงได้​แต่​พูด​ด้วย​แววตา​จริงใจ​ว่า​ “ข้า​มีธุระ​จริงๆ​ นะ​!”

เสี่ยว​โม่จึงได้​แต่​ช่วย​คลี่คลาย​สถานการณ์​ให้​ “เจ้าสำนัก​หลิว​ คุณชาย​มีธุระ​สำคัญ​ที่​ต้อง​ทำ​จริงๆ​ เสี่ยว​โม่ได้​แต่​ตาม​ไป​เท่านั้น​ อย่าง​มาก​สุด​ก็​แค่​ช่วย​เปิดทาง​ให้​ หลังจากนั้น​ก็​ไม่อาจ​ปกป้อง​มรรคา​ให้ได้​แม้แต่​นิดเดียว​แล้ว​”

หลิว​จิ่งหลง​ปล่อยมือ​ ถามว่า​ “ไป​ที่อื่น​?”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​ “ไปดู​ต้น​อู๋ถง​ต้น​นั้น​สักหน่อย​”

หลิว​จิ่งหลง​ขมวดคิ้ว​น้อย​ๆ “ไม่รอ​ให้​กลับคืน​สู่ขอบเขต​หยก​ดิบ​ก่อน​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​สูด​ลม​หายใจเข้า​ลึก​หนึ่ง​ที​ “ถึงอย่างไร​ขอบเขต​สูงต่ำ​ก็​มีความหมาย​ไม่มาก​ ถ้าอย่างนั้น​ก็​ไม่มัว​รีรอ​อยู่แล้ว​”

หลิว​จิ่งหลง​จึงได้​แต่​เอ่ย​เตือน​ว่า​ “ระวัง​ด้วย​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ขอ​แค่​ไม่ต้อง​เป็น​ศัตรู​กับ​ใคร​บางคน​บน​โต๊ะ​เหล้า​ ทุกอย่าง​ก็ดี​หมด​”

หลิว​จิ่งหลง​ไม่มีอารมณ์​มาเล่น​ทาย​คำ​ปริศนา​กับ​เจ้าหมอ​นี่​ จึงถามว่า​ “เมื่อ​เป็น​เช่นนี้​จะมาทัน​งานพิธี​วัน​มะรืน​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ “เรื่อง​นี้​ไม่มีปัญหา​แน่นอน​ หาก​เจรจา​กัน​ไม่สำเร็จ​ก็​คง​ต้อง​ไป​เสียเที่ยว​ หรือไม่​อีก​ฝ่าย​ก็​อาจจะ​ไม่อยาก​พูดคุย​เลย​ บางที​อาจ​ต้อง​กิน​น้ำแกง​ประตู​ปิด​โดยตรง​”

หลิว​จิ่งหลง​ถาม “จะออกเดินทาง​เลย​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​กลั้น​ขำ​ “ไป​พบ​หมี่​ลี่​น้อย​ก่อน​ มีคน​ให้​ข้า​นำ​ความ​มาบอก​นาง​ เสี่ยว​โม่ เจ้ารอ​สักครู่​ หากว่า​เจ้าสำนัก​หลิว​อยาก​ดื่มเหล้า​จริงๆ​ หืม?”​

เสี่ยว​โม่พยักหน้า​ “เข้าใจ​แล้ว​”

หลิว​จิ่งหลง​ยิ้ม​บาง​ๆ “วัน​เริ่มต้น​ฤดูใบไม้ผลิ​ เฉิน​ผิง​อัน​เจ้าคอย​ดู​ข้า​เถอะ​”

ตอนที่​เฉิน​ผิง​อัน​ออก​มาจาก​ใต้​หล้า​ห้า​สี เป็น​ช่วงเวลา​ที่​ม่าน​ราตรี​หนา​หนัก​แล้ว​ รอ​กระทั่ง​กลับ​มาถึงใต้​หล้า​ไพศาล​ กลับเป็น​ตอน​เที่ยงวัน​

แม่นาง​น้อย​ชุด​ดำ​ที่​แบก​คาน​หาบ​สีทอง​ไว้​บน​บ่า​กำลัง​เดิน​วน​หัว​เรือ​กับ​ท้ายเรือ​ ฉวยโอกาส​ที่​รอบด้าน​ไม่มีคน​ ผู้พิทักษ์​ฝ่ายขวา​ก็​ใช้มือ​ที่​ถือ​ไม้เท้า​เดินป่า​รีบ​ร่าย​วิชา​กระบี่​มาร​คลั่ง​หนึ่ง​คำรบ​ทันที​

เฉิน​ผิง​อัน​ปีน​ข้าม​ราว​รั้ว​ พลิ้ว​กาย​ลง​บน​ดาดฟ้า​ ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “เป็น​วิชา​กระบี่​ที่​ดี​”

หมี่​ลี่​น้อย​รีบ​โยน​ไม้เท้า​เดินป่า​ใน​มือ​ทิ้ง​ลงพื้น​ แต่​ก็​รู้สึก​ว่า​ไม่เหมาะ​จึงรีบ​เก็บ​กลับมา​ ระหว่าง​ที่​วิ่งเหยาะๆ​ ไปหา​เจ้าขุนเขา​คนดี​ หมี่​ลี่​น้อย​ปัด​ไม้เท้า​ไม้ไผ่​สีเขียว​มรกต​เบา​ๆ เพื่อ​แสดง​การ​ขออภัย​

เฉิน​ผิง​อัน​กล่าว​ “ไป​ที่​ใต้​หล้า​ห้า​สีมารอบ​หนึ่ง​ ได้​เจอ​กับ​อาจารย์​อู๋​ เขา​ให้​ข้า​นำ​ความ​มาบอก​เจ้า ให้​ข้า​ช่วย​ทักทาย​เจ้า”

หมี่​ลี่​น้อย​เม้มปาก​ พยักหน้า​รับ​แรง​ๆ ไม่หยุด​ จากนั้น​ก็​กระแอม​สอง​สามที​ ตีหน้า​เคร่ง​เอ่ย​ว่า​ “อาจารย์​อู๋​เกรงใจ​เกินไป​แล้ว​”

ราวกับว่า​อาจารย์​อู๋​อยู่​ข้าง​กาย​ จากนั้น​คนใน​ยุทธ​ภพ​เก่าแก่​สอง​คน​ที่หนึ่ง​เป็นผู้ใหญ่​หนึ่ง​เป็น​เด็ก​ เมื่อ​พบ​หน้า​กัน​จึงโอภาปราศรัย​กัน​

เฉิน​ผิง​อัน​ค้อม​เอว​ลง​ลูบ​ศีรษะ​ของ​หมี่​ลี่​น้อย​

หมี่​ลี่​น้อย​ยิ้ม​จน​ดวงตา​ทั้งคู่​หยี​ลง​เป็น​พระจันทร์​เสี้ยว​ เอา​ไม้เท้า​เดินป่า​สีเขียว​และ​คาน​หาบ​สีทอง​มากอด​ไว้​ใน​อ้อม​อก​ มือหนึ่ง​จับ​ชาย​แขน​เสื้อ​ของ​เจ้าขุนเขา​คนดี​ เดินเล่น​ไป​ด้วยกัน​ เอ่ย​เสียง​เบา​ว่า​ “วันหน้า​ข้า​จะกลับ​ไป​เตรียม​เมล็ด​แตง​ ขนม​แล้วก็​ปลา​น้อย​ตากแห้ง​ไว้​ที่​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ให้​มาก​ๆ หน่อย​”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​รับ​ “ทำได้​ ยังคง​เป็น​หมี่​ลี่​น้อย​ที่​คิดได้​รอบคอบ​”

หมี่​ลี่​น้อย​ถาม “เจ้าขุนเขา​คนดี​ลืม​แล้ว​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ก้มหน้า​ลง​มอง​ แกล้งทำ​หน้า​สงสัย​ “หมายความว่า​ไง?”

หมี่​ลี่​น้อย​หัวเราะ​ฮ่าๆ “โจว​เต้า​แปล​ว่า​รอบคอบ​ ข้า​แซ่โจว​ไงล่ะ​”

เฉิน​ผิง​อัน​ทำท่า​กระจ่างแจ้ง​ “ที่แท้​ก็​เป็น​อย่างนี้​นี่เอง​ มิน่าเล่า​ถึงเป็น​เช่นนี้​”

ภูเขา​ลั่วพั่ว​บ้าน​ตน​ไม่มีผู้ฝึก​ตน​คนใด​ที่​เฉินห​ลิง​จวิน​ไม่กล้า​ไป​มีเรื่อง​ด้วย​

แน่นอน​ว่า​ก็​ไม่มีผู้อาวุโส​คนใด​ที่​หมี่​ลี่​น้อย​คว้า​ใจไม่อยู่หมัด​

ทาง​ฝั่งของ​นคร​บิน​ทะยาน​ หนิง​เหยา​นั่ง​อยู่​ใน​ห้อง​ ช่วย​ชี้แนะ​ด้าน​การ​ฝึก​ตน​ให้​กับ​แม่นาง​น้อย​ที่​ชื่อว่า​เฝิงหยวน​เซียว​

ข้าง​โต๊ะ​ยังมี​แม่นาง​น้อย​ที่​ราวกับ​แกะสลัก​มาจาก​หยก​สีชมพู​นั่ง​อยู่​ด้วย​ มองดู​แล้ว​ฉลาดเฉลียว​น่าเอ็นดู​มาก​เป็นพิเศษ​ นาง​ชูตราประทับ​ชิ้น​หนึ่ง​ที่อยู่​ใน​มือขึ้น​สูง อาศัย​แสงตะเกียง​อ่าน​ตัวอักษร​บน​ตราประทับ​

นาง​ ‘เก็บ​มา’ จาก​บน​โต๊ะ​ที่อยู่​ใน​ห้อง​ของ​เรือน​ใคร​บางคน​ หนิง​เหยา​ไม่ได้​ขัดขวาง​ แค่​บอก​นาง​ว่า​จำไว้​ว่า​ต้อง​เอา​กลับ​ไป​คืน​ด้วย​

ตัวอักษร​ตราประทับ​ไม่ใหญ่​ แต่​เนื้อหา​มีเยอะ​มาก​ แกะสลัก​ถ้อยคำ​มงคล​ที่​มีความหมาย​งดงาม​ยิ่ง​ ‘ปณิธาน​ของ​บัณฑิต​มาด​สง่างามของ​เซียน​กระบี่​ คู่รัก​เทพ​เซียน​หญิง​ชาย​รัก​และ​ผูกพัน​’

ก่อนที่​เฉิน​ผิง​อัน​จะออก​ไป​จาก​นคร​บิน​ทะยาน​ได้​ทิ้ง​กลอน​คู่​และ​อักษร​ฝูหลาย​ตัว​ไว้​ให้​กับ​จวน​หนิง​

แล้วก็​ไม่ลืม​เขียน​กรอบ​ป้าย​กับ​กลอน​คู่​หลาย​คู่​ให้​กับ​ร้านเหล้า​ใหม่​ที่​คู่สามีภรรยา​ห​ล่ง​ชิว​และ​หลิว​เอ๋อ​จะไป​เปิด​

เด็กหนุ่ม​ชุด​ขาว​คน​หนึ่ง​ออก​เดินทางไกล​อีกครั้ง​ เขา​ทะยาน​ลม​ท่ามกลาง​ม่าน​ราตรี​อยู่​เพียงลำพัง​ อยู่​ว่าง​ๆ ไม่มีอะไร​ก็​ชูแขน​ขึ้น​สูง สอง​นิ้ว​ประกบ​กัน​ กลางอากาศ​ก็​มีประกาย​แสงไหลริน​ยาว​เป็น​สาย​

ตรง​ตีนเขา​ของ​ภูเขา​ลั่วพั่ว​ ทุกวันนี้​เซียน​เว่ย​รับหน้าที่​เป็น​คน​เฝ้าประตู​ชั่วคราว​ เซียน​เว่ย​คือ​นักพรต​ตัว​ปลอม​คือ​บัณฑิต​ตัวจริง​ ยากจน​นั้น​ยากจน​จริงๆ​ โชคดี​ที่​พี่น้อง​ต้าเฟิง​ที่​ไม่เคย​พบ​หน้า​กัน​แต่​เขา​กลับ​เลื่อมใส​อย่าง​มาก​ได้​ทิ้ง​ภูเขา​ตำรา​ลูก​นั้น​เอาไว้​ เป็นเหตุให้​ทุกวัน​เขา​ไม่ได้​อยู่​นิ่งเฉย​ หาก​ไม่มอง​ผู้ฝึก​ยุทธ​หญิง​นาม​ว่า​เฉิน​ยวน​จีเดิน​นิ่ง​ไป​กลับ​บน​ขั้นบันได​ของ​เส้นทาง​ภูเขา​ ก็​จะตั้งใจ​เปิด​อ่าน​ตำรา​ที่​พี่​ต้าเฟิง​เก็บรักษา​ไว้​เป็น​อย่าง​ดี​พวก​นั้น​ บน​หน้า​หนังสือ​บางส่วน​ ทุกครั้งที่​ถึงฉาก​ที่​ ‘ละ​ไว้​ไม่พูดถึง​’ จะต้อง​มีกระดาษ​แผ่น​หนึ่ง​เสียบ​เอาไว้​ ที่แท้​ก็​เป็น​พี่​ต้าเฟิง​ที่​ความสามารถ​น่า​ตะลึง​ผู้​นั้น​ยก​พู่กัน​เขียน​เนื้อหา​อัน​ตระการตา​น่าสนใจ​จำนวน​ไม่เท่ากัน​หลาย​ร้อย​ตัวอักษร​เอาไว้​

พี่​ต้าเฟิง​ของ​ข้า​ฝีมือ​ขั้น​เทพ​จริงๆ​!

ความ​กลัดกลุ้ม​ดุจ​เทือกเขา​ที่​รวมกัน​อยู่​ตรง​หว่าง​คิ้ว​ ความคิดถึง​ดุจ​สายน้ำ​ที่​ไหลริน​ไป​ยัง​หัวใจ​

จูเหลี่ยน​หัวเราะ​ ยื่น​เตา​อุ่น​มือ​ขนาดเล็ก​ใน​มือ​ส่งไป​ให้​ “ออกมา​ผ่อน​คลายอารมณ์​ก็ดี​เหมือนกัน​”

ไป​ที่​ยอดเขา​ด้วยกัน​ เพ่​ยเซียง​เล่า​ถึงสถานการณ์​ของ​ใต้​หล้า​ใน​พื้นที่​มงคล​ราก​บัว​ของ​ทุกวันนี้​ให้​ฟัง จูเหลี่ยน​ไม่พูด​อะไร​มาก​ แค่​ตั้งใจฟัง​อย่าง​เดียว​เท่านั้น​

รอ​กระทั่ง​เพ่​ยเซียง​พูด​ได้​พอสมควร​แล้ว​ จูเหลี่ยน​ถึงได้​ถามถึงสถานการณ์​ล่าสุด​ของ​แคว้น​หู​

คุย​เล่น​พลาง​เดิน​ไป​ด้วยกัน​ ไป​ถึงข้าง​ราว​รั้ว​หยก​ขาว​บน​ยอดเขา​ จูเหลี่ยน​ยืน​พิง​ราว​รั้ว​ ทอดสายตา​มอง​ไป​ยัง​ทิศ​ไกล​ ลม​ภูเขา​พัด​โชย​มา ใช้ฝ่ามือ​กด​เส้น​ผม​ตรง​จอนหู​เอาไว้​

เพ่​ยเซียง​มอง​ใบ​หน้าด้าน​ข้าง​ของ​จูเหลี่ยน​ อยู่ดีๆ​ ก็​นึกถึง​ประโยค​หนึ่ง​ใน​ตำรา​

เสาสลัก​บันได​หยก​ยัง​คงอยู่​ มีเพียง​ตน​ที่​แก่​ชรา​แล้ว​

……

บุรุษ​หนุ่ม​คน​หนึ่ง​ที่​มีชื่อว่า​ซืออวี้เหยียน​ กว่า​จะปลีกตัว​จาก​กิจธุระ​ที่​ยุ่ง​วุ่นวาย​มาพัก​หาย​ใจหาย​คอ​ได้​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​ เขา​นั่ง​อยู่​ริม​ลำคลอง​ ริมฝีปาก​แห้งผาก​ หยิบ​กา​เหล้า​ออกมา​ดื่มเหล้า​รส​ร้อน​แรงกระตุ้น​ร่างกาย​ให้​กระปรี้กระเปร่า​

ตุ่ม​ด้าน​พอง​เต็ม​ฝ่ามือ​ที่​สะสมมาไว้​ตลอด​หน้าหนาว​ อีก​เดี๋ยว​ก็​จะถึงฤดูใบไม้ผลิ​แล้ว​ ทว่า​รอยแผล​กลับ​ยัง​ไม่หาย​ดี​ ปี​นี้​ถูก​กำหนด​มาแล้ว​ว่า​จะมิอาจ​กลับ​ไป​ฉลอง​ปีใหม่​ที่​เมืองหลวง​ได้​ ได้​แต่​ส่งจดหมาย​กลับ​ไป​ที่​บ้าน​เท่านั้น​

ราชวงศ์​ต้าฉง​ที่​เขา​อยู่​มีการ​กอบกู้​แคว้น​อย่าง​ถูกต้อง​ชอบธรรม​

ฮ่องเต้​ที่​กำลัง​อยู่​ใน​วัยหนุ่ม​ฉกรรจ์​ หลาย​ปี​มานี้​ทุ่ม​กำลัง​สร้างสรรค์​ประเทศชาติ​ให้​เจริญรุ่งเรือง​ ไม่ว่า​จะเป็น​ชื่อเสียง​บน​ภูเขา​หรือ​รากฐาน​กำลัง​แคว้น​ ต้าฉง​ล้วน​ไม่เลว​

แต่ว่า​เมื่อ​เทียบ​กับ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​เพื่อนบ้าน​ทาง​ทิศเหนือ​แล้ว​ คำ​ว่า​กอบกู้​แคว้น​ได้​อย่าง​ชอบธรรม​ของ​ใบ​ถงทวีป​ที่​ราชวงศ์​ต้าฉง​ตั้งอยู่​ แน่นอน​ว่า​เป็นการ​เปรียบเทียบ​แค่​กับ​แคว้น​ต่างๆ​ ใน​ทวีป​เท่านั้น​ ถือว่า​เป็นการ​เลือก​คน​แค​ระมา​เป็น​ทหาร​แล้ว​ (เปรียบเปรย​ว่า​คนธรรมดา​ทั่วไป​ที่อยู่​ใน​กลุ่มคน​ที่​ไม่ได้​เก่ง​เลิศ​ ถ่อมตน​ ตัวเอง​เป็น​แค่​คนธรรมดา​ อาจจะ​แค่​โชคดี​ ไม่ได้​เก่ง​กว่า​ใคร​อื่น​)

ก่อนหน้านี้​ไม่นาน​ซืออวี้เหยียน​เพิ่ง​ได้​กุนซือ​เฒ่าอายุ​มาก​มาคน​หนึ่ง​ ทำหน้าที่​เป็น​นัก​บัญชี​ แซ่จางนาม​เซีย​ ผู้เฒ่า​บอ​กว่า​ตัวเอง​มาจาก​ภูเขา​ใต้​อาณัติ​แห่ง​หนึ่ง​ของ​เสี่ยว​หลง​ชิว​ที่อยู่​ทาง​ทิศเหนือ​ รับหน้าที่​เป็น​ผู้​ถวายงาน​ปลายแถว​ของ​หวง​สุ่ยต้า​หวัง​ (ต้า​หวัง​หรือ​อ๋อง​ใหญ่​ กษัตริย์​) ใน​พื้นที่​แห่ง​หนึ่ง​ที่​ไม่ได้รับ​การ​แต่งตั้ง​จาก​ทาง​ราชสำนัก​ ทำหน้าที่​อยู่​ใน​ห้อง​บัญชี​ของ​จวน​หวง​สุ่ย​นาน​หลาย​ปี​ เพียงแต่​เพราะ​ทำ​เรื่องเล็ก​เรื่อง​หนึ่ง​ได้​ไม่เหมาะสม​ หวง​สุ่ยต้า​หวัง​ไม่เห็นแก่​ความสัมพันธ์​เก่า​ก่อน​ จึงมอบ​ค่าเดินทาง​ให้​ก้อน​หนึ่ง​เป็น​เงิน​เกล็ด​หิมะ​ไม่กี่​เหรียญ​ไล่​อีก​ฝ่าย​ให้​ม้วนเสื่อ​ไสหัวไป​

ซืออวี้เหยียน​หันหน้า​ไป​มอง​กุนซือ​ที่อยู่​ข้าง​กาย​ ถามว่า​ “เหล่า​จาง เจ้าเป็น​เทพ​เซียน​บน​ภูเขา​ แม้จะบอ​กว่า​ขอบเขต​ไม่ถือว่า​สูงมาก​ แต่​จะดี​จะชั่ว​ก็​เป็น​ขอบเขต​ชมมหาสมุทร​คน​หนึ่ง​ มาอยู่​ข้าง​กาย​ข้า​ คิด​จะทำ​อะไร​กัน​แน่​?”

ก่อนหน้านี้​หลังจากที่​เหล่า​จางสนิทสนม​กับ​ตน​แล้ว​ยัง​เป็น​ฝ่าย​นำ​เทียบ​มามอบให้​ถึงบ้าน​ พูดคุย​กับ​บิดา​ไป​ครั้งหนึ่ง​ ไม่อย่างนั้น​อยู่ดีๆ​ ข้าง​กาย​ก็​มีผู้ฝึก​ลมปราณ​คน​หนึ่ง​โผล่​มาเช่นนี้​ ท่าน​พ่อ​หรือ​จะวางใจ​

บิดา​ที่​เป็น​เจ้ากรม​อาญา​ของ​ซืออวี้เหยียน​ต้อง​สิ้นเปลือง​เรี่ยวแรง​ไป​ไม่น้อย​เพื่อ​หา​เซียน​ซือ​ที่​สนิทสนม​กัน​มาหลาย​คน​ ให้​มาตรวจสอบ​ประวัติ​ความเป็นมา​ของ​ ‘จางเซีย’​ แห่ง​เสี่ยว​หลง​ชิว​ผู้​นี้​ บางที​อยู่​ใน​ใบ​ถงทวีป​ใน​อดีต​อาจ​ไม่ถือว่า​เป็น​จวน​เซียน​ที่​เข้าขั้น​อะไร​ ทว่า​ทุกวันนี้​กลับ​กลายเป็น​ภูเขาใหญ่​ที่​เป็นที่​นับหน้าถือตา​แล้ว​ แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​ใน​ทวีป​แดน​เทพ​แผ่นดิน​กลาง​ยังมี​สำนัก​เบื้องบน​อย่าง​ต้า​หลง​ชิว​เป็นที่​พึ่ง และ​ใน​กองกำลัง​ใต้​อาณัติ​ทั้งหลาย​ของ​เสี่ยว​หลง​ชิว​ก็​มีจวน​วารี​หวง​สุ่ย​ที่​ไม่สะดุดตา​อยู่​แห่ง​หนึ่ง​จริงๆ​ ใน​นั้น​มีนัก​บัญชี​อยู่​คน​หนึ่ง​นาม​ว่า​จางเซีย​ ทุก​ด้าน​ล้วน​สอดคล้อง​ตรงกัน​ไป​หมด​

และ​เซียน​ซือบน​ภูเขา​ท่าน​นี้​ก็​ทำ​อะไร​รอบคอบ​เชื่อถือได้​ ความคิด​แปลกประหลาด​ ก่อนหน้านี้​ซืออวี้เหยียน​มีสหาย​ยากจน​มาก​ความสามารถ​อยู่​คน​หนึ่ง​ ตรากตรำ​สอบ​เค​อจวี่​แต่กลับ​ไม่ราบรื่น​ ไม่เคย​สอบ​ติด​เสียที​ เหล่า​จางลงมือ​ทีเดียว​ก็​ประสบความสำเร็จ​ได้​ทันที​ ซืออวี้เหยียน​ทำตาม​วิธี​ของ​เหล่า​จาง ไปหา​ปัญญาชน​และ​ผู้มีชื่อเสียง​ใน​วงการ​การ​ประพันธ์​ที่​ขึ้นชื่อว่า​เป็น​คน​คุยเก่ง​ของ​ต้าฉง​มาหลาย​คน​ อยู่​ใน​เมืองหลวง​ อันที่จริง​จ่าย​เงิน​แค่​ไม่กี่​แดง​ก็​สามารถ​จัดงาน​ชุมนุม​หรูหรา​ที่​เหล่า​ปัญญาชน​ผู้สูงศักดิ์​มารวมตัวกัน​ได้​แล้ว​ จากนั้น​ก็​ไหว้วาน​หน้าม้า​สอง​สามคน​ให้​แสร้ง​ปลอมตัว​เป็น​พ่อค้า​ที่​คล้าย​จะมีความรู้​ความสามารถ​ ต่าง​ฝ่าย​ต่าง​มีที่นั่ง​อยู่​ตาม​ราย​ทางใน​งานเลี้ยง​ ให้​สหาย​คน​นั้น​ปลอมตัว​เป็น​ขอทาน​ สวม​เสื้อผ้า​ขาดวิ่น​ ถือ​ไม้เท้า​กับ​ถ้วย​ผุ​ๆ ใบ​หนึ่ง​ท่อง​บทกวี​ที่​ระบาย​อารมณ์​ความรู้สึก​ ขอ​เหล้า​จาก​คนอื่น​ดื่ม​ไป​ตลอดทาง​ แล้วก็​มีพ่อค้า​ที่​สร้าง​ความ​ลำบากใจ​ให้​กับ​ขอทาน​ด้วย​การ​เสนอ​หัวข้อ​ว่า​ ‘ชางก​วาน​’ (อีก​ชื่อ​เรียก​หนึ่ง​ของ​ต้นสน​ต้น​ป่าย​) ‘ชิงสือ’​ (อีก​ชื่อ​เรียก​ของ​ต้น​ไผ่​) ‘พู​ว่อ’​ (อีก​คำ​เรียก​หนึ่ง​ของ​กระต่าย​) บอก​กับ​อีก​ฝ่าย​ว่า​จำเป็นต้อง​แต่ง​กลอน​ให้​มีคำ​เหล่านี้​จึงจะดื่มเหล้า​ได้​ ขอทาน​จึงหัวเราะ​เอ่ย​ประโยค​ว่า​ ‘ใคร​บ้าง​ไม่รู้จัก​กระต่าย​สน​ไผ่​’ หลังจากนั้น​เดิน​หนึ่ง​ก้าว​ก็​แต่ง​กลอน​หนึ่ง​บท​ ทันใดนั้น​ผู้คน​เต็ม​ห้องโถง​ก็​พา​กัน​ส่งเสียง​โห่ร้อง​ชอบใจ​ สังหาร​แม่ทัพ​ไป​ตลอดทาง​ จน​ไป​ถึงศาลา​ลม​ที่​รวมตัว​เหล่า​นักประพันธ์​มาก​ความสามารถ​ เขา​ก็​ยิ่ง​แสดงความสามารถ​ใน​การ​แต่ง​บทกวี​ สร้าง​ความ​ตกตะลึง​ให้​กับ​ทุกคน​ที่นั่ง​อยู่​ พอ​ดื่มเหล้า​หมด​แล้วก็​จากไป​ รอ​กระทั่ง​มีคน​เรียกชื่อ​เขา​ขึ้น​มาด้วย​ความ​ตกตะลึง​ ทุกคน​ถึงเพิ่ง​ได้​รู้​ว่า​คน​ผู้​นี้​มีชื่อ​แซ่ว่า​อะไร​ พา​กัน​มอง​อีก​ฝ่าย​เป็น​ ‘เจ๋อ​เซียน​’ ชื่อเสียง​เลื่องลือ​ไป​ทั่ว​ราชสำนัก​ภายใน​ค่ำคืน​เดียว​…

หลัง​จบเรื่อง​ซืออวี้เหยียน​ก็​ถามเหล่า​จางว่า​คิด​วิธี​นี้​ขึ้น​มาได้​อย่างไร​ กุนซือ​ผู้เฒ่า​บอ​กว่า​ตน​ก็​แค่​อาศัย​วิธีการ​จาก​ตำรา​โบราณ​คนโบราณ​และ​เรื่อง​โบราณ​เท่านั้น​ ตอนนั้น​เหล่า​จางยัง​ทอดถอนใจ​หนึ่ง​ที​เอ่ย​ว่า​ คนใน​ตำรา​ผู้​นั้น​ต่างหาก​ถึงจะมีความรู้​ความสามารถ​ที่​แท้จริง​ ไม่ได้​ลักไก่​เอาอย่าง​เขา​

หาก​จะบอ​กว่า​เรื่อง​นี้​เป็น​ทฤษฎี​ ยังมี​อีก​เรื่อง​ที่​เป็นการ​ลงมือ​ปฏิบัติ​จริง​ ซึ่งทำให้​ซืออวี้เหยียน​ต้อง​หันมา​มอง​เหล่า​จางเสีย​ใหม่​จริงๆ​ ที่แท้​ก็​มีคน​กลุ่ม​หนึ่ง​ที่​ไม่ถือว่า​สนิท​กัน​เลย​แม้แต่น้อย​ ได้มา​ทำการค้า​กับ​สหาย​รัก​คน​หนึ่ง​ของ​ซืออวี้เหยียน​ ทำงาน​ร่วมกัน​มานาน​หลาย​ปี​ เนื่องจาก​เหมา​รวม​กิจการ​เกี่ยวกับ​ดิน​และ​ไม้ใน​พื้นที่​ไป​ไว้​ไม่น้อย​ มอง​ดูเหมือน​สหาย​คน​นั้น​ได้​กำไร​กลับมา​เป็นกอบเป็นกำ​ ปี​นั้น​ยัง​คิด​จะดึง​ซืออวี้เหยียน​มาเข้าร่วม​ด้วย​ เพียงแต่​ซืออวี้เหยียน​ไม่สนใจ​เรื่อง​ของ​การ​หาเงิน​มาตั้งแต่​เล็ก​แล้ว​ จึงปฏิเสธ​ไป​อย่าง​ละมุนละม่อม​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง​หลังจาก​ได้​เป็น​ขุนนาง​กรม​โยธา​ก็​ยิ่ง​ไม่มีทาง​เป็นไปได้​อีก​ เหล่า​จางได้ยิน​เรื่อง​นี้​แล้วก็​บอก​ให้​ซืออวี้เหยียน​เตือน​สหาย​คน​นั้น​ทันที​ ซืออวี้เหยียน​กึ่ง​เชื่อ​กึ่ง​กังขา​ แต่​ก็​ยัง​โน้มน้าว​สหาย​ไป​สอง​ครั้ง​ ทว่า​อีก​ฝ่าย​ไม่ยอม​ฟัง ผล​คือ​สหาย​คน​นั้น​ต้อง​ยุ่ง​จน​หัวหมุน​จริงๆ​ เนื่องจาก​เงิน​ทั้งหมด​นอกเหนือจาก​หน้า​สมุดบัญชี​ ภายใน​เวลา​สั้น​ๆ แค่​ครึ่ง​เดือน​ล้วน​ถูก​ดึง​เอา​ไป​หมด​ เหลือ​เพียง​เปลือก​ว่างเปล่า​และ​เรื่อง​เละเทะ​ทิ้ง​ไว้​ให้​กับ​สหาย​ของ​เขา​ ต้อง​วิ่งเต้น​ใช้หนี้​ไป​ทั่ว​ รื้อ​กำแพง​ตะวัน​ออกมา​ซ่อม​กำแพง​ตะวันตก​ แต่กระนั้น​ก็​ยัง​ไม่อาจ​แก้ไข​อะไร​ได้​

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!