ชิงถงที่ชายแขนเสื้อสองฝั่งลากระพื้นเหมือนถูกหมัดหนึ่งต่อยให้ปริแตก เรือนกายพลันแบ่งออกเป็นสองส่วน
ชิงถงไม่ได้มีชายแขนเสื้อสองข้างที่ยาวมากและกลิ่นอายเซียนล่องลอยอีกต่อไป จิตหยางกายนอกกายโผล่มาตรงจุดเดิม คือผู้เฒ่าคนหนึ่งที่ร่างแกร่งกำยำ แขนสองข้างมีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ หนวดยาวสีดุจหิมะ ยืนเปลือยเท้า
ผู้เฒ่าเผยสีหน้าตกตะลึงเล็กน้อย เท้าทั้งสองคล้ายยืนอยู่บนพื้นดินที่ราบเรียบดุจกระจก ร่างไถลกรูดออกไปหลายสิบจั้งกว่าจะหยุดร่างไว้ได้ ครั้นจึงสะบัดข้อมือ
ลำพังเพียงแค่การกระทำที่ธรรมดาอย่างถึงที่สุดนี้กลับเหมือนเจียวหลงสะบัดเกล็ดอย่างไรอย่างนั้น
ปณิธานหมัดทั่วร่างดุจน้ำในแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวซัดกราก อีกทั้งยังจำแลงออกมาเป็นภาพบรรยากาศที่พายุหมัดเข้มข้นดุจน้ำ เป็นสีทองเปล่งประกายระยิบระยับอย่างที่ตาเนื้อมองเห็นได้ ยิ่งขับให้ผู้ฝึกยุทธวัยชราที่บอกว่าตัวเองเป็นชั้นเทพมาเยือนครึ่งตัวผู้นี้ปานประหนึ่งทวยเทพที่เป็นอมตะมิเสื่อมสลายซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางควันธูปลอยล่อง
ชิงถงที่กล้ามเนื้อแข็งแกร่งทนทานเพราะผ่านการหล่อหลอมจนถึงขั้นสูงสุดผู้นี้ ตอนนี้คล้ายจะรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ผู้ฝึกยุทธเต็มตัวที่เป็นแค่ขอบเขตปลายทางชั้นปราณโชติช่วงคนหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งยังเป็นผู้ฝึกยุทธขอบเขตสิบที่ขอบเขตถดถอยมาจากชั้นคืนความจริง แต่กลับมีเรี่ยวแรงมหาศาลถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
สายตาของชิงถงคลุมเครือ มองไปยังจุดที่ห่างไปไกล กระบี่ยาวเย่โหยวเล่มนั้นยังคงลอยค้างอยู่ในตำแหน่งเดิม
นี่แสดงให้เห็นว่าเป็นการถามหมัดเต็มตัวครั้งหนึ่ง
ก็ถูกนะ
หรือว่าจะให้ผู้ฝึกกระบี่ที่ไม่ได้เป็นแม้แต่ขอบเขตหยกดิบคนหนึ่งมาถามกระบี่กับผู้ฝึกตนขอบเขตบินทะยาน?
ไม่ใช่หาเรื่องอัปยศใส่ตัวแล้วจะเรียกว่าอะไร
ชุดคลุมสีแดงสดยืนอยู่ตรงตำแหน่งที่ชิงถงยืนอยู่ก่อนหน้านี้ ชายแขนเสื้อสองข้างโบกสะบัดดังพึ่บพั่บ ประหนึ่งมีลมพายุพัดกระแทกอยู่ในชายแขนเสื้อ
เมื่อเทียบกับปณิธานหมัดที่ไหลรินด้วยพลังอำนาจน่าครั่นคร้ามของชิงถงแล้ว เห็นได้ชัดว่าปณิธานหมัดของเฉินผิงอันเก็บงำอำพรางกว่ามาก
ชิงถงไม่รีบร้อนลงมือ ถึงอย่างไรก็ไม่ต้องให้ตนไปหาเขา เจ้าคนที่คนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิงผู้นี้ก็ย่อมพาตัวมาหาตนถึงที่อย่างว่าง่ายอยู่แล้ว
พูดประโยคที่ไม่เกรงใจกันสักหน่อย ความต่างขอบเขตเขตคนทั้งสองวางไว้ตรงนั้น ชิงถงสามารถยืนนิ่งๆ รับหมัดอีกฝ่ายหลายสิบหมัดได้เลย ถึงเวลานั้นก็แค่ต้องมอบของขวัญกลับคืนให้หนึ่งหมัดก็สิ้นเรื่องแล้ว
ผู้ฝึกยุทธหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ ในเมื่อไม่มีใบหน้า นั่นก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสีหน้าแววตาอะไรเลย
ชิงถงเห็นเพียงว่าฝ่ายตรงข้ามค้อมเอวลงน้อยๆ
มาแล้ว
ชิงถงหรี่ตาทั้งคู่ลง เพิ่มความเร็วในการโคจรปราณแท้จริงที่บริสุทธิ์ในร่างตัวเองเล็กน้อย ในภูเขาสายน้ำหมื่นลี้ของฟ้าดินเล็กร่างมนุษย์ก็เกิดภาพเหตุการณ์ผิดปกติตามมาเป็นระลอก บนฟ้ามีสายฟ้าตัดสลับถักทอ พื้นดินก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
นี่ยังเป็นเพราะชิงถงยังไม่ถึงชั้นเทพมาเยือนที่แท้จริง เป็นแค่เค้าโครงอย่างหนึ่งเท่านั้น หรือจะพูดให้ถูกก็คือเป็นแค่เปลือกว่างเปล่า
หากผู้ฝึกยุทธสามารถเลื่อนขั้นไปถึงยอดสูงสุดของขอบเขตปลายทางที่กล่าวถึงในตำนานได้จริง กายเนื้อก็จะเหมือนตำหนักเทพแห่งหนึ่ง ส่วนลมปราณแท้จริงที่บริสุทธิ์เฮือกนั้นของผู้ฝึกยุทธก็คือเส้นทางเทพควันธูปที่เชื่อมโยงระหว่างฟ้าดิน นำพาไปยังตำหนักเทพ
ข้าก็คือเทพ
ชิงถงอาศัยการฝึกฝนช้าๆ ที่ต้องทำอยู่ทุกวัน ค่อยๆ สะสมไปทีละนิด ขัดเกลาเรือนกายมาได้นานขนาดนี้ก็ยังไม่อาจสร้างพื้นฐานที่ดีได้ ได้แต่ใช้วิธีลัดที่เป็นการเล่นแง่อย่างหนึ่งสร้างหอเรือนกลางอากาศขึ้นมา
เส้นทางที่อีกฝ่ายเข้ามาประชิดตัวคือวิถีทางโค้งเส้นหนึ่ง ว่องไวปานสายฟ้าแลบ ความเร็วนั้นราวกับยันต์ม้าขาวควบผ่านช่องแคบแผ่นหนึ่ง ลากระชากเงาวูบวาบคล้ายมังกรเพลิงตัวหนึ่ง
ทว่าชิงถงกลับยืนอยู่ที่เดิม เพียงแค่ขยับตัวเบี่ยงหันข้างเล็กน้อย ไม่หลบไม่เลี่ยง ยื่นฝ่ามือข้างหนึ่งออกมารับหมัดของอีกฝ่ายเอาไว้
เมื่อหมัดกับฝ่ามือปะทะกัน ฟ้าดินก็เกิดเสียงดังกัมปนาทดุจเสียงลั่นระฆังใหญ่ ดินแดนไท่ซวีอันกว้างขวางที่อยู่ด้านหลังชิงถงพลันเกิดริ้วกระเพื่อมของพายุหมัดแผ่กระเทือนออกไปเป็นวงกว้างดุจทะเลสาบ
ชิงถงกำหมัดของอีกฝ่ายเอาไว้แล้วกระชากขึ้นด้านบน หมายจะยกเท้าถีบออกไป
เพียงแต่ว่าชิงถงจำต้องเปลี่ยนความคิด มือข้างที่ไพล่หลังไว้ตลอดเวลาอ้อมมาเบื้องหน้าอย่างว่องไว ยกมือขึ้นบังหน้าของตัวเองเอาไว้
จากนั้นก็ถูกเท้าข้างหนึ่งเตะเข้าที่ฝ่ามือ หลังมือกระแทกใบหน้าอย่างแรง ร่างของชิงถงถอยกรูดออกไปในชั่วพริบตาอีกครั้ง
ชิงถงใช้หลังมือเช็ดข้างแก้ม ชุดคลุมยาวสีขาวหิมะตัวนั้นปรากฎเสียงฉีกขาดของเส้นด้ายแผ่วเบาดังขึ้นมาเป็นระลอก
ชุดคลุมสีแดงสดยืนอยู่ตรงตำแหน่งเดิมของชิงถงอีกครั้ง แขนข้างหนึ่งห้อยลู่ตกลง ถึงกับหักงอด้วยสภาพน่าสยอง ไหล่ขยับไหวเล็กน้อย เสียงข้อต่อดังเป็นระลอก แขนทั้งข้างก็พลิกหมุนกลับคืนมาเข้ารูปเป็นสภาพเดิมอย่างว่องไว
ผู้เฒ่าชุดขาวหิมะกระตุกมุมปาก กระดิกนิ้วเรียก
มาอีก
เรือนกายของทั้งสองเดี๋ยวผลุบเดี๋ยวโผล่ ปณิธานหมัดทั้งสองปะทะพุ่งชนกัน เกิดภาพเงาร่างที่ติดตาจำนวนนับไม่ถ้วน หนึ่งแดงสด หนึ่งขาวหิมะ ประกายแสงไหลรินคล้ายกับหมู่มวลบุปผารายล้อม
ชิงถงจงใจไม่เอาคืนอย่างจริงจังอยู่ตลอด เพียงแค่รับมืออีกฝ่ายเท่านั้น
พอดีกับที่อาศัยโอกาสนี้ลองประเมินอิ่นกวานหนุ่มที่ทุกวันนี้เกือบจะถูกคนยกยอจนลอยขึ้นฟ้าแล้วให้ดีๆ ว่ามีน้ำหนักกี่จินกี่ตำลึงกันแน่
สีหน้าของชิงถงเป็นธรรมชาติ เบนศีรษะไปด้านหลัง หลบขาที่ฟาดมาในแนวขวางไปได้ เรือนกายเอนไปด้านหลังเล็กน้อย เพียงแต่ว่าจู่ๆ ก็ยกแขนขึ้นใช้ฝ่ามือต่างมีด ฟันฉับออกไป
เรือนกายของอีกฝ่ายพุ่งวูบ ชิงถงหุบฝ่ามือมา ขยับไปด้านข้างหนึ่งก้าว พริบตาเดียวก็ทิ้งระยะห่างออกไปร้อยกว่าลี้ ไหล่ข้างหนึ่งกระแทกเอียงเข้าใส่ ชุดคลุมอาคมสีแดงสดก็ถูกพุ่งกระแทกอย่างรุนแรงจนลอยกระเด็นไปไกล
เฉินผิงอันที่อยู่ห่างไปไกลพลิ้วกายลงตรงจุดนี้
ชิงถงหลุดหัวเราะพรืด
ถึงอย่างไรก็เป็นแค่เรือนกายที่มีเลือดเนื้อเรือนกายหนึ่ง
แม้ว่าจะไม่มีความเสื่อมถอย อยู่ไกลเกินกว่าจะกลายเป็นม้าตีนปลาย แต่หากเฉินผิงอันมีความเร็วและกำลังเท้าเพียงเท่านี้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องบอกว่าชื่อเสียงโด่งดัง แต่ศักยภาพกลับไม่สมคำเล่าลือแล้ว
แน่นอนว่าเจ้าเด็กนี่ต้องยังมีท่าไม้ตายที่ซ่อนอยู่ก้นกรุอยู่อีกแน่นอน ก็แค่ว่ายังไม่ได้แสดงออกมาในเวลานี้
ชิงถงยิ้มถาม “หรือว่าต้องให้ข้ากดขอบเขตมาป้อนหมัดให้?”
หรือจะบอกว่าเจ้าหมอนี่กินอิ่มว่างงานก็เลยอยากจะลองหยั่งเชิงวิถีวียุทธของตนว่าสูงหรือต่ำ เรือนกายแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ รวมถึงแนวทางวิชาหมัดของตน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!