ก่อนจะรับหมัดนั้น บนร่างจิตหยางกายนอกกายของชิงถงพลันมีเสื้อเกราะเก่าแก่โบราณตัวหนึ่งเพิ่มมา
หมัดนี้แปลกประหลาดเกินไป ทั้งมิอาจต้านทานศัตรูได้ ขณะเดียวกันก็ถูกกำหนดมาแล้วว่าจะหลบเลี่ยงไม่พ้น ชิงถงจึงได้แต่เลือกฝืนรับเอาไว้ นอกชุดคลุมอาคมสีขาวตัวนั้นจึงมีเสื้อเกราะที่เอาไว้ใช้ปกป้องเรือนกายเพิ่มมาอีกชิ้นหนึ่ง
นี่แสดงให้เห็นว่าชิงถงไม่คิดว่าร่างกายของผู้ฝึกยุทธที่เป็นเทพมาเยือนครึ่งขั้นของตัวเอง หากไม่พึ่งพาของนอกกายแล้วจะสามารถรับหมัดนี้ไว้ได้อย่างเต็มที่
หนึ่งหมัดผ่านไป เสื้อเกราะวิเศษบนร่างของผู้เฒ่าผมขาวเหมือนกระจกที่แตกร้าว ประหนึ่งดาวตกนับไม่ถ้วนที่สาดยิงออกไป
อีกทั้งร่างกำยำของผู้ฝึกยุทธเฒ่ายังเริ่มร่วงดิ่งลงพื้น แต่กลับไม่ได้ทิ้งตัวเป็นเส้นตรง เพียงแต่เพราะฟ้าดินแห่งนี้คล้ายกระดาษก้อนหนึ่งที่ถูกเด็กน้อยขยำพับตามใจชอบ ระหว่างนี้ทิศทางการไหลไปของแม่น้ำแห่งกาลเวลาก็อยู่เหนือความรู้ความเข้าใจของวิถีทางโลกไปแล้ว คำว่าทิศทางล้วนเป็นภาพลวงตา ตะวันออก ใต้ ตะวันตก เหนือ บนล่างซ้ายขวา ล้วนบิดเบี้ยว ทับซ้อนกันไปหมด เป็นเหตุให้อาณาเขตหลายแห่งที่มองดูเหมือนอยู่ใกล้เคียงกัน อยู่ห่างกันในระยะประชิด แต่แท้จริงแล้วกลับห่างไกลกันเป็นพันลี้ ระยะทางของสถานที่หลายแห่งที่มองดูเหมือนอยู่ห่างกันนับร้อยนับพันลี้ กลับกลายเป็นว่าห่างกันเพียงเสี้ยว ห่างกันเพียงก้าวเดียว
นี่เป็นเหตุให้เรือนกายของผู้เฒ่าผมขาวคล้ายไข่มุกหลากสีเม็ดหนึ่งที่หล่นกระแทกลงในกระบอกไม้ไผ่ ส่ายโงนเงน พุ่งชนสะเปะสะปะไปตลอดทาง
ในสถานการณ์ทั่วไป ฟ้าดินที่มีผู้ฝึกยุทธเต็มตัวขอบเขตปลายทางนั่งบัญชาการณ์ประเภทนี้ ผู้ฝึกลมปราณที่อยู่ด้านในซึ่งต้องรับมือกับศัตรูก็แทบไม่ต่างจากการเผชิญหน้ากับฝันร้ายตื่นหนึ่ง
รอกระทั่งร่างของผู้เฒ่ากำยำหยุดลงได้ในที่สุด พยายามสร้างความมั่นคงให้กับภาพบรรยากาศวุ่นวายที่ภูเขาสายน้ำในร่างกายสั่นสะเทือน ก้มหน้าลงมองก็เห็นเสื้อเกราะบนร่างปริแตกยับเยิน ผู้เฒ่าพ่นเลือดออกมาหนึ่งคำ ดึงเอาเสื้อเกราะวิเศษที่แตกกระจายเป็นชิ้นๆ ออกมาทั้งหมด จากนั้นกวักมือเรียกหนึ่งครั้ง รวบรวมเศษชิ้นส่วนเสื้อเกราะที่กระจายไปตามแห่งต่างๆ ของฟ้าดิน สุดท้ายเศษชิ้นส่วนทั้งหมดซึ่งรวมถึงส่วนที่อยู่ข้างกายก็กลับคืนมาเป็นเม็ดเสื้อเกราะสำนักการทหารที่หม่นหมองไร้แสงเม็ดหนึ่ง
ชิงถงรู้สึกเสียดายยิ่งนัก กว่าจะซ่อมแซมเกราะเทพบรรพกาลชิ้นนี้ให้กลับคืนมาอยู่ในระดับขั้นที่สามารถสวมไว้บนร่างได้ไม่ใช่เรื่องง่าย หากคิดจะซ่อมมันให้กลับคืนมาในสภาพเดิมก็ไม่รู้ว่าจะเป็นวันใดเวลาใดอีก
เพียงแต่จำต้องยอมรับว่าหมัดนี้ของเฉินผิงอันค่อนข้างหนัก
ชิงถงยกมือขึ้นเช็ดคราบเลือดที่เปื้อนเต็มใบหน้า สะบัดข้อมือให้เลือดพวกนั้นหล่นลงพื้น ผสานรวมกับฟ้าดิน ก่อนถามอย่างสงสัยใคร่รู้ว่า “หมัดนี้มาจากไหน?”
ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเป็นวิชาหมัดที่เฉินผิงอันสร้างขึ้นมาเอง
เฉินผิงอันกางมือสองข้าง ห่างไปไกลด้านหลัง ดาบแคบสองเล่มที่ก่อนหน้านี้ถูกปลดทิ้งประหนึ่งได้รับคำสั่ง เพียงแต่ว่าชิงถงไม่ได้เก็บซ่อนวิถีโคจรแห่งมรรคกถาในฟ้าดินเล็กไป ทำให้เส้นทางการโคจรของดาบพิฆาตเหมือนกับเรือนกายที่ถอยร่นไปของชิงถงก่อนหน้านี้ วกวนอ้อมค้อม ล่องลอยไม่หยุดนิ่ง ทว่าลงทัณฑ์กลับพุ่งดิ่งเป็นเส้นตรง มองข้ามตราผนึกของฟ้าดินไปอย่างสิ้นเชิง ตรงกลับเข้ามาอยู่ในมือของเฉินผิงอัน
ชุดคลุมอาคมสีแดงสดถือดาบไว้ด้วยสองมือ ดาบแคบสั่นไหวเล็กน้อย แสงดาบสองชนิดเปล่งประกายวิถีโคจรที่แตกต่างกัน
ผู้เฒ่าผมขาวเห็นว่าเจ้าหมอนั่นคล้ายจะกระตุกมุมปาก มีนัยแห่งการเย้ยหยันที่เห็นได้ชัดเจนอย่างยิ่ง
ผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางนั้นจริง แต่กลับไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธเต็มตัว
เป็นแค่ผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางที่ค่อยๆ ฝึกฝนมาทีละนิด ได้แต่อาศัยกาลเวลาอันยาวนานขัดเกลาเรือนกายมาเท่านั้นจริงๆ
หลังจากหมัดนี้ของเฉินผิงอันผ่านไป เวลาสองเค่อก็สิ้นสุดลงพอดี ธูปหนึ่งก้านเผาไหม้จนหมดสิ้น
ห่างไปไกล เสี่ยวโม่หันหน้าไปมองจิตหยินของชิงถงที่อยู่ข้างกาย ยิ้มเอ่ยสัพยอกว่า “สหายชิงถง เจ้าน่าจะยังพอมีทรัพย์สมบัติเหลืออยู่บ้าง”
มีชีวิตอยู่มานานก็มีดีอยู่อย่างหนึ่ง นั่นคือความรู้กว้างขวาง เนื่องจากเดิมทีก็เป็นนักพรตบรรพกาลที่อยู่ในปฏิทินเหลืองเก่าแก่หน้าแรกๆ อยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องเปิดเอกสารลับที่กินฝุ่นมานานนับหมื่นปีพวกนั้นก็สามารถรู้ความจริงได้อย่างง่ายดาย ยกตัวอย่างเช่นเสื้อเกราะที่ผู้เฒ่าร่างกำยำสวมไว้บนร่าง แค่เสี่ยวโม่มองปราดเดียวก็มองออกถึงรากฐานมหามรรคา ความเป็นมาไม่ธรรมดา ระดับขั้นไม่เป็นรองดาบแคบพิฆาตที่เป็นอาวุธซึ่งใช้ลงทัณฑ์บนแท่นสังหารมังกรยุคบรรพกาลเลย
จิตหยินของชิงถงที่อยู่ในรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มเผยยิ้มจืดเจื่อนบนใบหน้า
เสื้อเกราะวิเศษตัวนี้คือหนึ่งในวิธีการก้นกรุของเขาแล้ว ศาลบุ๋นแผ่นดินกลางเคยให้หอสยบปีศาจยืมมาใช้ ทุกวันนี้ชิงถงก็ถือว่าอาศัยคุณความชอบส่วนหนึ่งจึงเก็บมันมาไว้ในกระเป๋าของตัวเองได้
น่าเสียดายที่ซ่อมแซมมานานหลายปี เนื่องจากชิงถงไม่เชี่ยวชาญการหล่อหลอม จึงพัฒนาไปได้อย่างเชื่องช้า ผลคือการถามหมัดผายลมสุนัขในวันนี้กลับทำให้มันกลับคืนไปอยู่สภาพเดิมอีกครั้ง
ในอดีตเคยมีเสื้อเกราะเทพสามชิ้นที่ถูกมองว่าเป็นผลงานจริงระดับรองซึ่งมีต้นแบบมาจากเสื้อเกราะบนร่างของผู้สวมเสื้อเกราะหนึ่งในห้าเทพสูงสุดของสรวงสวรรค์บรรพกาล ก็เป็นผู้หล่อหลอมหนึ่งในสิบสองเทพชั้นสูงที่หลังจากได้รับคำอนุญาตจากเทพอัคคีและเทพวารีก็ได้ไปดึงเอาแก่นตะวันมา จากนั้นใช้ดาวอังคารหนึ่งในพระราชวังสำหรับแปรพระราชฐานของเทพอัคคีมาเป็นเตาหลอม ใช้แม่น้ำแห่งกาลเวลามาเป็นน้ำ เสียเวลาไปมากกว่าจะหล่อหลอมอย่างประณีติ สร้างจำลองเสื้อเกราะต้นแบบขึ้นมาได้สำเร็จ
ตัวแทนเถ้าแก่ที่เสี่ยวโม่เจอในร้านเหล้าของนครบินทะยาน เจิ้งต้าเฟิงในอดีตชาติก็เคยได้สวมเสื้อเกราะ ‘ต้าซวง’ สีเงินยวงไว้บนร่าง นั่นก็คือหนึ่งในสามเสื้อเกราะเทพ
น่าเสียดายก็แต่ในศึกเดินขึ้นฟ้าที่นักพรตและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ล้วนตายดับกันไปนับไม่ถ้วนครั้งนั้น ‘เจิ้งต้าเฟิง’ แม่ทัพเทพผู้เฝ้าประตูที่ไม่ยอมเปิดทางให้ ภายใต้สถานการณ์ที่ไร้ซึ่งความหวังแล้ว สุดท้ายก็ยังถูกคนบางคนใช้กระบี่ปักตรึงให้ตายอยู่บนประตูใหญ่ เสื้อเกราะวิเศษต้าซวงจึงแตกสลายแล้วหล่นร่วงลงมาอยู่ในโลกมนุษย์นับแต่นั้น
มีจุดจบเช่นเดียวกับปิ่นปักผมของนักพรตคนแรกบนโลกมนุษย์
ภายหลังบรรพบุรุษรุ่นแรกของสำนักการทหารได้ทำการอนุมานบนมหามรรคาโดยอิงจากเสื้อเกราะทั้งสามตัวนี้ สร้างเม็ดเสื้อเกราะสำนักการทหารสามชนิดขึ้นมาในโลกยุคหลัง เป็น ‘ของเลียนแบบ’ ที่ถูกสร้างขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า ก็คือผลงานเปิดภูเขาของเสื้อเกราะจิงเหว่ย เสื้อเกราะจินอูและเสื้อเกราะเทพรับน้ำค้างของโลกยุคหลัง คือบรรพบุรุษของเสื้อเกราะวิเศษสามชนิดของสำนักการทหาร ‘บรรพบุรุษ’ ของเสื้อเกราะจินเหว่ยมีสองชิ้น โดยแยกกันสร้างตามเส้นแวงและเส้นรุ้ง (จิงกับเหว่ย) ผู้ฝึกลมปราณสวมใส่ไว้บนร่าง อย่างแรกประหนึ่งได้รับการปกป้องคุ้มครองจากวิชาอภินิหารอย่างไร้ที่สิ้นสุดจากลัทธิพุทธ ไม่ว่าจะยืนเคียงข้างอยู่กับใคร ต่อให้ยืนอยู่ตรงหน้าในระยะประชิด ไม่ว่าจะเป็นกระบี่บินหรือเวทคาถาก็จะกลายมาเป็นเหมือนแมลงวันไร้หัวที่พยายามตามหาศัตรูซึ่ง ‘อยู่ใกล้เพียงตรงหน้าอยู่ห่างสุดขอบฟ้า’ อย่างไร้ประโยชน์
อย่างหลังจะด้อยกว่าเล็กน้อย แต่กลับมีความลี้ลับมหัศจรรย์ไม่ต่างกัน ผู้ฝึกลมปราณสามารถค่อยๆ สะสมปราณวิญญาณบนร่างไว้ทีละนิดแล้วกรอกเทเข้าไปข้างใน ต่อให้จะเป็นปราณวิญญาณที่มีมากมายดุจเม็ดทรายในแม่น้ำ แต่กระนั้นก็ยังไม่อาจถมหลุมไร้ก้นนี้ให้เต็มได้ ถ้าอย่างนั้นระดับความแข็งแกร่งทนทานของเสื้อเกราะวิเศษตัวนี้ก็ย่อมต้องอยู่เหนือการคาดการณ์ของทุกคน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!