กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 927

สรุปบท บทที่ 927.2 ยืมพันภูเขาหมื่นสายน้ำจากท่านทั้งหลาย (เจ็ด): กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

อ่านสรุป บทที่ 927.2 ยืมพันภูเขาหมื่นสายน้ำจากท่านทั้งหลาย (เจ็ด) จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บทที่ บทที่ 927.2 ยืมพันภูเขาหมื่นสายน้ำจากท่านทั้งหลาย (เจ็ด) คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ภายหลัง​ต่อให้​จะจำต้อง​เปิด​ประตู​ต้อน​รับแขก​ แต่​ทำ​อะไร​ก็​ยัง​ไม่มีความพิถีพิถัน​อยู่​เหมือนเดิม​

ก็​เหมือน​ฮว่อ​หลง​เจิน​เห​ริน​อยาก​จะไป​พบ​หลิว​จวี้​เป่า​ที่​ศาล​บรรพชน​ประจำ​ตระกูล​แต่​จำต้อง​ผ่าน​ด่าน​ให้​ได้เสีย​ก่อน​

ขี่​ลา​หา​ลา​อะไร​นั่น​ ม้วน​ภาพ​ทั้งหมด​สิบสอง​ภาพ​ ฟ้าดิน​มายา​สิบสอง​แห่ง​ การ​หยั่งเชิง​มากมาย​ที่​ชิงถงจัดวาง​ไว้​ต่อเนื่อง​ร้อย​เรียง​กัน​ล้วน​เป็นการ​สาว​เส้น​ไหม​บน​จิต​แห่ง​มรรคา​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ ลงแรง​กับ​ใจคน​ ซักไซ้​สืบเสาะ​ให้​รู้​แน่ชัด​บน​ผืน​นา​หัวใจ​ ไป​เยี่ยมเยียน​ลาน​ประกอบ​พิธีกรรม​ใน​ภูเขา​ของ​ผู้ฝึก​ตน​

นี่​เท่ากับ​เป็นการ​ประลอง​มรรค​กถา​ การ​ถามมรรคา​อย่างหนึ่ง​ของ​ผู้ฝึก​ตน​

นี่​ก็​คือ​การ​ถามกระบี่​ระหว่าง​ผู้ฝึก​กระบี่​ การ​ถามหมัด​ระหว่าง​ผู้ฝึก​ยุทธ​เต็มตัว​

หาก​จะให้​ลอง​ยกตัวอย่าง​อีก​ข้อ​หนึ่ง​ก็​เหมือน​เฉิน​ชิงตู​ออกจาก​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ ไป​เป็น​แขก​ที่​ศาล​บุ๋น​แผ่นดิน​กลาง​

จะต้อง​ผ่านการทดสอบ​ความรู้​ด้าน​บทกวี​บทประพันธ์​แต่ละ​ขั้น​ให้​ได้เสีย​ก่อน​

เสี่ยว​โม่หันหน้า​มาถาม “ชิงถง จะถามเจ้าเป็น​ครั้งสุดท้าย​ มีภัย​แฝงอะไร​ที่​ยาก​จะเอื้อนเอ่ย​หรือไม่​?”

ถามคำถาม​จบ​ เสี่ยว​โม่ก็​รอ​ฟังคำตอบ​ ชิงถงทำ​ท่าจะ​พูด​แต่​ก็​ไม่พูด​อยู่​หลายครั้ง​ สุดท้าย​ก็​ยังคง​เงียบงัน​ไม่เอ่ย​คำ​ใด​

เสี่ยว​โม่จึงพยักหน้า​พูด​กับ​ตัวเอง​ว่า​ “ไม่พูด​ก็​จะถือว่า​เจ้ายอมรับ​แล้ว​”

ใน​สายตา​ของ​เสี่ยว​โม่ นี่​ก็​คือ​การ​ไว้หน้า​แต่​ไม่ยอม​ให้หน้า​กัน​ตามแบบฉบับ​อย่างหนึ่ง​

อดทน​กับ​เจ้ามานาน​มาก​พอแล้ว​นะ​

ก่อนหน้านี้​เจอ​กับ​สารถี​เฒ่าใน​เมืองหลวง​ อีก​ฝ่าย​ก็​เป็น​แค่​ขุนนาง​หลัก​กก​อง​พิฆาต​หน่วย​อวี้​ซูกรม​สายฟ้า​ใน​ยุค​บรรพกาล​เท่านั้น​ ตำแหน่ง​ขุนนาง​ไม่ใหญ่​ ความสามารถ​ไม่มาก​พอ​

อีก​อย่าง​เรื่อง​พวก​นั้น​ก็​เป็น​เรื่องเก่าแก่​ปีมะโว้​แล้ว​ แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​ก็​ไม่ถือว่า​เป็น​เรื่องใหญ่​อะไร​ เปิดบัญชี​ผ่าน​มานาน​แล้ว​ กลับมา​พลิก​เปิดบัญชี​เก่าๆ​ ไม่ใช่นิสัย​การกระทำ​ของ​เสี่ยว​โม่

ส่วน​อวี่จิ่น​ผี​เซียน​ที่อยู่​ข้าง​กาย​จงขุย​ก็​เหมือน​เรื่องตลก​ที่​ล้อเล่น​กัน​ขำ​ๆ มากกว่า​

เสี่ยว​โม่เก็บ​ไม้เท้า​เดินป่า​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​

จิต​หยิน​ของ​ชิงถงตระหนก​ลน​ทันที​ ไม่ทำตัว​เป็น​คน​ใบ้​อีกต่อไป​ รีบร้อน​เอ่ย​ว่า​ “ช้าก่อน​!”

เพียงแต่​เสี่ยว​โม่ไม่ได้​สนใจ​ชิงถงอีกแล้ว​

อีก​ทั้ง​ต่อจากนี้​ชิงถงก็​มิอาจ​ห้ามปราม​ไม่ให้​เสี่ยว​โม่…ออก​กระบี่​ได้​อีก​

ฟ้าดิน​เล็ก​สอง​แห่ง​ที่​เหมือน​มีกระจก​บาน​หนึ่ง​แบ่ง​บน​ล่าง​ เส้นเขตแดน​ที่​เชื่อมโยง​ฟ้าดิน​กับ​ฟ้าดิน​เข้าด้วยกัน​คล้าย​ผ้า​ผืน​หนึ่ง​ที่​ปกคลุม​หมื่น​สรรพสิ่ง​ใน​ฟ้าดิน​เอาไว้​ ผล​กลับ​ถูก​คนใช้​นิ้ว​ขยุ้ม​หยิบ​ขึ้น​มา สุดท้าย​ฉีก​ออก​จน​เกิด​เป็น​รู​ขาด​

แล้วก็​เหมือน​รัง​ไหม​รัง​หนึ่ง​ที่​มีผู้ฝึก​กระบี่​แหว​กรัง​ไหม​ออกมา​

ห่าง​ไป​ไกล​ เฉิน​ผิง​อัน​ที่​สัมผัส​ถึงความผิดปกติ​ได้​อย่าง​เฉียบ​ไว​หันหน้า​ไป​มอง​ทาง​เสี่ยว​โม่

ครั้งแรก​ที่​ได้​พบ​เจอ​กับ​เสี่ยว​โม่คือ​ใน​ดวงจันทร์​ฮ่าวไฉ่​ อีก​ฝ่าย​มีใบ​หน้าเป็น​คนแก่​ พลัง​อำนาจ​ดุร้าย​กำเริบเสิบสาน​ ออก​กระบี่​อย่าง​เฉียบคม​

รอ​กระทั่ง​ทั้งสองฝ่าย​ได้​พบ​เจอกัน​อีกครั้ง​ก็​คือ​คนหนุ่ม​ที่​สุภาพ​สง่างามคน​หนึ่ง​แล้ว​

แต่​เสี่ยว​โม่ในเวลานี้​ ตัว​คน​ก็​เหมือนกับ​ชื่อ​คือ​ ‘แปลกหน้า​’ (โม่เซิง) อย่าง​มาก​แล้ว​

ไม่เห็น​ร่าง​จริง​ เห็น​เพียง​กาย​ธรรม​

ชุด​คลุม​อาคม​ตัว​หลวมโพรก​บน​ร่าง​ ใบ​หน้าที่​เดี๋ยว​ผลุบ​เดี๋ยว​โผล่​ แสงสีขาวนวล​กระจ่าง​ ร่าง​ทั้ง​ร่าง​โปร่งใส​แวววาว​ สะอาด​บริสุทธิ์​ประหนึ่ง​แก้ว​ใส มองไม่เห็น​กระดูก​ เส้นเอ็น​เส้น​ชีพจร​หรือ​เลือดเนื้อ​ใดๆ​

เส้น​ผม​สีขาว​หิมะ​ยาวเหยียด​ ล่องลอย​ดุจ​ภาพมายา​ กลิ่นอาย​เซียน​อบอวล​แผ่​ความ​ศักดิ์สิทธิ์​

มือหนึ่ง​ถือ​กระบี่​ พลัง​อำนาจ​โอ่อ่า​เคร่งขรึม​ ปณิธาน​กระบี่​เฉียบขาด​เด็ดเดี่ยว​ ปราก​ฎกาย​อยู่​ใน​ท่วงท่า​ถือ​กระบี่​บิน​ทะยาน​

นี่​คงจะ​เป็น​ท่วงท่า​ใน​ยาม​ที่​เสี่ยว​โม่อยู่​บน​ยอดเขา​ขั้น​สมบูรณ์แบบ​ของ​ขอบเขต​กระมัง​?

มายัง​ฟ้าดิน​ที่อยู่​เหนือ​ผิว​กระจก​

ร่าง​จริง​ของ​ต้น​อู๋ถง​ก็​อยู่​ที่นี่​

เสี่ยว​โม่ยัง​ไม่ได้​ปล่อย​กระบี่​อย่าง​จริงจัง​เลย​สักครั้ง​ ทว่า​ปราณ​กระบี่​บน​ร่าง​กลับ​อัด​แน่น​ท่วมท้น​ฟ้าดิน​เสียแล้ว​

ทั่ว​ทั้ง​ฟ้าดิน​ เพียง​ชั่วพริบตา​นั้น​ก็​มี ‘เสาค้ำ​’ ปราณ​กระบี่​นับไม่ถ้วน​ผุด​ครืน​ขึ้น​มาเสียงดัง​สนั่นหวั่นไหว​ แทง​ทะลุ​ลอด​ฟ้าดิน​อย่าง​ไร้​ความ​ยำเกรง​

ฟ้าดิน​ที่​น่าสงสาร​เหมือน​ผ้าแพร​ผืน​หนึ่ง​ที่​ผ่าน​การ​ถัก​ทอ​เย็บ​ปะ​อย่าง​ประณีต​ แต่กลับ​ต้อง​ถูก​แท่ง​น้ำแข็ง​ปลาย​แหลม​ฉาย​ประกาย​เฉียบคม​นับ​ร้อย​นับ​พัน​แทง​ทะลุ​เป็น​รู​พร้อมๆ กัน​

ฟ้าดิน​ที่​กว้างใหญ่​ไพศาล​ถูก​แสงกระบี่​จำนวน​หลาย​หมื่น​กรีด​เฉือน​ กลาย​มาเป็น​เศษเล็กเศษน้อย​ จุด​ที่​น่ากลัว​ที่สุด​นั้น​อยู่​ที่ว่า​จำนวน​ของ​แสงกระบี่​ที่​ปราก​ฎอยู่​ใน​มุมหลากหลาย​ไร้​ระเบียบ​ให้​กล่าวถึง​พวก​นี้​ยัง​เพิ่มจำนวน​ทับซ้อน​อย่าง​บ้าคลั่ง​ เป็นเหตุให้​ลำแสง​เก่า​ที่เกิด​จาก​การ​รวมตัวกัน​ของ​ปราณ​กระบี่​ถูก​แสงกระบี่​ใหม่เอี่ยม​กะเทาะ​แตก​ได้​อย่าง​ง่ายดาย​เพียง​ชั่วพริบตา​

ผู้ฝึก​ตน​ห้า​ขอบเขต​บน​ของ​ใบ​ถงทวีป​ พลังจิต​แข็งแกร่ง​หรือ​อ่อนด้อย​จะอิง​ตาม​ขอบเขต​สูงต่ำ​ของ​แต่ละคน​ แรง​สั่นสะเทือน​บน​จิต​แห่ง​มรรคา​จะเกิดขึ้น​ใน​ระดับ​ไม่เท่ากัน​ ทำให้​สัมผัส​ได้​ถึงความผิดปกติ​อย่าง​เลือนราง​

อริยะ​ปราชญ์​ลัทธิ​ขงจื๊อ​สามท่าน​ที่​เฝ้าพิทักษ์​ม่าน​ฟ้าของ​ใบ​ถงทวีป​ทอดสายตา​มอง​มาไกลๆ​ แล้ว​พลัน​หัวเราะ​ เห็น​เพียง​ว่า​กลางอากาศ​เหนือ​ภาค​กลาง​ของ​ใบ​ถงทวีป​คล้าย​กับ​มีลูก​แสงลูก​หนึ่ง​ปรากฏ​ขึ้น​มา เพียงแต่​ไม่รู้​ว่า​เหตุใด​ถึงเต็มไปด้วย​หนาม​แหลม​ ปราณ​กระบี่​อึมครึม​น่าสะพรึงกลัว​

อาจารย์​ผู้เฒ่า​ท่าน​หนึ่ง​ที่อยู่​ใกล้​กับ​ลูก​แสงมาก​ที่สุด​พูด​กลั้ว​หัวเราะ​เบา​ๆ ว่า​ “หอ​สยบ​ปีศาจ​ตัวดี​ เหตุใด​ถึงกลายเป็น​…เม่น​ตัว​หนึ่ง​ไป​แล้ว​เล่า​?”

บุญคุณ​ความแค้น​ส่วนตัว​ระหว่าง​ผู้ฝึก​ตน​ประเภท​นี้​ จะขัดขวาง​ไป​ไย​

อีก​อย่าง​อาจารย์​ผู้เฒ่า​ไม่วิ่ง​ไป​ช่วย​ไกล่เกลี่ย​แบบ​ลำเอียง​เข้าหา​ฝ่าย​หนึ่ง​ก็​ถือว่า​ไว้หน้า​สหาย​ชิงถงผู้​นี้​มาก​แล้ว​

หลาย​ปี​มานี้​ที่​สงคราม​ใหญ่​ปิดฉาก​ลง​ เนื่องจาก​ไม่รู้​ว่าด้วย​เหตุใด​ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​ ห​ลี่​เซิ่ง หย่า​เซิ่งถึงไม่พูด​อะไร​สัก​คำ​ หอ​สยบ​ปีศาจ​แห่ง​นี้​ก็​แสร้ง​ทำเป็น​หูหนวก​เป็น​ใบ้​ไป​ด้วย​ ราวกับ​ผี​ขี้เหนียว​ที่​กำ​ถุงเงิน​เอาไว้​แน่น​ ไม่ยอม​ควัก​เงิน​จ่าย​แม้แต่​แดง​เดียว​ เอาแต่​นั่ง​ดูดาย​อยู่​เฉย​ๆ เป็นเหตุให้​การ​เก็บกวาด​แผงลอย​เละเทะ​ที่​ภูเขา​สายน้ำ​ย่อยยับ​ ใจคน​แตกฉานซ่านเซ็น​ของ​ใบ​ถงทวีป​ได้​แต่​ให้​เจ้าขุนเขา​ วิญญูชน​และ​นักปราชญ์​ของ​สำนักศึกษา​สามแห่ง​วิ่ง​วุ่น​ไป​ทั่ว​ เหน็ดเหนื่อย​กัน​จน​สายตัวแทบขาด​ เนื่องจาก​มิอาจ​เข้า​ร่วมกับ​กิจธุระ​ใน​โลก​มนุษย์​คือ​กฎ​เหล็ก​ข้อ​หนึ่ง​ที่​ห​ลี่​เซิ่งตั้ง​ไว้​ให้​กับ​อริยะ​ปราชญ์​ผู้​มีเทวรูป​ซึ่งทำ​หน้าที่นั่ง​พิทักษ์​ม่าน​ฟ้าอย่าง​พวกเขา​นาน​แล้ว​ ดังนั้น​พวกเขา​สามคน​จึงได้​แต่​เป็นกังวล​เท่านั้น​ ไม่อาจ​พูด​บ่น​แสดง​ความไม่พอใจ​ต่อ​หอ​สยบ​ปีศาจ​ได้​แม้แต่​ครึ่ง​คำ​

อันที่จริง​ขัดหู​ขัดตา​อีก​ฝ่าย​มานาน​หลาย​ปี​แล้ว​

มิอาจ​เรียกร้อง​ให้​คนอื่น​ทำตัว​เป็น​อริยะ​ปราชญ์​ได้​

อาจารย์​ผู้เฒ่า​ที่​เคย​เอ่ย​ชมอิ่น​กวาน​หนุ่ม​เอง​กับ​ปา​กว่า​ ‘เด็ก​รุ่นหลัง​ช่างมีมาด​สง่างามเหลือเกิน​’ ผู้​นี้​สะบัด​ชาย​แขน​เสื้อ​ ปิดบัง​ภาพ​บรรยากาศ​ผิดปกติ​แห่ง​ฟ้าดิน​นั้น​เอาไว้​

ทำไม​ เป็น​หน้าที่​ที่​ต้อง​ทำ​ ใคร​จะมาหา​ข้อ​ตำหนิ​ข้า​ได้​?

หอ​สยบ​ปีศาจ​แห่ง​หนึ่ง​ที่​ได้รับ​การ​แต่งตั้ง​อย่าง​ถูกต้อง​จาก​ศาล​บุ๋น​ กับ​ลูกศิษย์​ลัทธิ​ขงจื๊อ​สาย​ของ​เห​วิน​เซิ่งคน​หนึ่ง​ ถือเป็น​คนบ้านเดียวกัน​ที่​ปิดประตู​ตี​กันเอง​ นี่​เรียก​ว่า​เรื่อง​น่าอาย​ไม่ควร​เอา​ไป​แพร่งพราย​นอกบ้าน​

สนามรบ​แห่ง​ใหม่​ใน​ฟ้าดิน​ จิต​หยิน​ของ​ชิงถงกับ​ผู้เฒ่า​ร่าง​กำยำ​ที่​เป็น​จิต​หยาง​กาย​นอกกาย​สลาย​หายวับ​ไป​พร้อมกัน​ กลับคืน​สู่ร่าง​จริง​อีกครั้ง​

เพราะ​ถึงอย่างไร​ก็​ต้อง​รับมือ​กับ​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​คน​หนึ่ง​ ชิงถงหรือ​จะกล้า​ประมาท​

ส่วน​ร่าง​จริง​ของ​ต้น​อู๋ถง​ก็ได้​กลายเป็น​บุรุษ​เรือน​กาย​สูงเพรียว​ มีเส้น​แสงมืด​สว่าง​ตัด​สลับ​กัน​ ใบหน้า​พร่า​เลือน​ บน​ศีรษะ​สวม​กวาน​เต๋า​พุดตาน​ บน​ร่าง​สวม​เสื้อเกราะ​ใหม่เอี่ยม​ตัว​หนึ่ง​ ด้านใน​สวม​ชุด​คลุม​อาคม​สีทอง​หนึ่ง​ตัว​ เท้า​สวม​รองเท้า​สีเขียว​มรกต​ ตรง​เอว​ห้อย​แผ่น​หยก​โบราณ​เรียบง่าย​หนึ่ง​ชิ้น​ บน​แขน​สอง​ข้าง​มีกำไล​รัด​แขน​สีแดงสด​ สรุป​ก็​คือ​อะไร​ที่​เอา​มาสวม​ได้​ก็​ล้วน​ถูก​นำมาใช้​หมด​แล้ว​ สมบัติ​อาคม​บน​ภูเขา​สารพัด​อย่าง​ การ​แต่งกาย​ฉูดฉาด​สะดุดตา​…

ขณะเดียวกัน​นั้น​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ที่​มีอายุขัย​ใน​การ​ฝึก​ตน​ยาวนาน​ผู้​นี้​ก็​ไม่ได้​อยู่​เฉย​รอ​ความตาย​ เท้า​ย่ำ​ดารา​ สอง​มือ​ทำ​มุทรา​ เรือน​กาย​ประหนึ่ง​ดอกไม้​ที่​เบ่งบาน​

ร่าง​จำแลง​ของ​ชิงถงมีมาก​นับ​พัน​ร่าง​ ต่าง​คน​ต่าง​ร่าย​วิชา​อภินิหาร​ พา​กัน​เรียก​สมบัติ​อาคม​ที่​ไม่เหมือนกัน​ ร่าย​คาถา​ทั้ง​โจมตี​และ​ป้อง​กันที่​แตก​ต่างกัน​

ช่างสมกับ​คำ​ว่า​ทักษะ​มาก​ไม่ทับ​ตัว​ตาย​จริงๆ​

เพียงแต่ว่า​เวท​คาถา​มีมาก​ ประเภท​ของ​คาถา​ก็​คละปน​กัน​ยุ่ง​ ไม่พูดถึง​ความลี้ลับ​ของ​มรรค​กถา​และ​ความสูง​ของ​ตบะ​ คาด​ว่า​ลำพัง​เพียงแค่​วิธีการ​ที่​ชิงถงร่าย​ใช้ใน​วันนี้​ก็​น่าจะ​เลื่อน​เป็น​สิบ​อันดับ​แรก​ของ​ไพศาล​ได้​แล้ว​

ร่าง​จำแลง​เหล่านี้​ของ​ชิงถงมีร้อย​กว่า​คน​ที่​รับผิดชอบ​สร้าง​ค่าย​กล​ขึ้น​มาชั่วคราว​ สร้าง​เป็น​ค่าย​กล​ขุนเขา​สายน้ำ​ ส่วนที่เหลือ​ซึ่งมีจำนวน​มากกว่า​เป็น​ร่าง​จำแลง​ของ​ยันต์​ เพื่อ​ป้อง​กันแสง​กระบี่​ที่​ผุด​พุ่ง​ออกมา​ไม่หยุดยั้ง​เหล่านั้น​ ก็​ถึงกับ​ยอม​ที่จะ​ให้​พินาศ​วอดวาย​กัน​ไป​ทั้งคู่​

และ​ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ที่​บอ​กว่า​ตัวเอง​เป็น​ยันต์​ใหญ่​อยู่​สอง​สามชนิด​อย่าง​ชิงถง ยันต์​ใหญ่​ทั้งหลาย​ที่​เป็น​วิชา​ก้น​กรุ​ก็ได้​ถูก​เรียก​ออกมา​พร้อมกัน​ด้วย​ แต่ละ​ชนิด​ต่าง​ผสาน​กับ​มหา​มรรคา​ของ​ห้า​ธาตุ​ เรียก​ได้​ว่า​บรรลุ​สู่ขั้นสูงสุด​ของ​เส้นทาง​แห่ง​ยันต์​

ชุด​คลุม​อาคม​สีแดงสด​กำลัง​ข้าม​ร่อง​ฟ้าดิน​ที่​เสี่ยว​โม่แหวก​ไว้​ออกมา​ ประหนึ่ง​เซียน​จาก​สวรรค์​ยุค​บรรพกาล​ที่​เดิน​ขึ้น​สู่ที่สูง​ เท้า​เหยียบย่าง​ลง​บน​ความว่างเปล่า​ เดิน​ขึ้น​บันได​มาทีละขั้น​ ค่อยๆ​ เผย​กาย​ช้าๆ

สอง​มือ​สอด​กัน​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ ดาบ​สอง​เล่ม​ทับซ้อน​กัน​ไว้​ตรง​เอว​ ข้าง​กาย​มีกระบี่​เย่​โหย​ว​ที่​พุ่งตัว​มากลางอากาศ​ด้วยตัวเอง​ติด​ตามมา​ด้วย​

แต่​ชั่วพริบตา​ชิงถงกลับ​รู้สึก​เหมือน​ร่าง​หล่น​ลง​ใน​โพรง​น้ำแข็ง​ เมื่อ​เทียบ​กับ​เสี่ยว​โม่ที่​ถือ​กระบี่​ขยับ​ประชิดตัว​ สอง​ฝ่าย​สวน​ผ่าน​กัน​ไป​ ชิงถงที่​ยืน​อยู่​ที่​เดิม​ถูก​แสงกระบี่​โค้ง​ตัดหัว​ไป​แล้ว​

ศีรษะ​ลอย​กระเด็น​ขึ้น​สูง

บางที​อาจ​เป็น​เพราะ​เฉิน​ผิง​อัน​ไม่ทัน​ส่งเสียง​ห้ามปราม​เสี่ยว​โม่ บางที​อาจ​ใช้เสียง​ใน​ใจพูดคุย​แล้ว​ แต่​เสี่ยว​โม่เก็บ​กระบี่​ไม่ทัน​

บางที​เสี่ยว​โม่อาจ​ได้ยิน​เสียง​ใน​ใจ ทว่า​นิสัย​เหี้ยม​อำมหิต​ของ​ผู้ฝึก​กระบี่​เผ่า​ปีศาจ​ยุค​บรรพกาล​ผู้​นี้​กลับ​บัง​เกิดขึ้น​มาแล้ว​ จึงไม่ยินดี​จะหยุด​กระบี่​

หรือ​อาจ​เป็นไปได้​ยิ่งกว่า​ว่า​ เฉิน​ผิง​อัน​ไม่ได้​ส่งเสียงเตือน​ เพราะ​เขา​ไม่ยินดี​จะเปิดปาก​ตั้งแต่แรก​อยู่แล้ว​

คร้าน​จะเปิดปาก​

ใคร​เล่า​จะรู้​ได้​

กระบี่​ยาว​ที่เกิด​จาก​ปณิธาน​กระบี่​ซึ่งรวมตัวกัน​อยู่​ใน​มือ​ของ​เสี่ยว​โม่เล่ม​นั้น​สลาย​หาย​ไป​ด้วยตัวเอง​ เขา​เปลี่ยนมือ​ที่​ถือ​กระบี่​ กวาดตา​มอง​ไป​รอบด้าน​ ยิ้ม​บาง​ๆ จะดี​จะชั่ว​ก็​เป็น​ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​คน​หนึ่ง​ ไหน​เลย​จะถูก​สังหาร​ตายคาที่​ได้​อย่าง​ง่ายดาย​ถึงเพียงนี้​ ห่าง​จาก​คำ​ว่า​กาย​ดับ​มรรคา​สลาย​อยู่​อีก​ช่วง​ระยะทาง​หนึ่ง​

แต่​ไม่ว่า​จะอย่างไร​ก็​ง่ายก​ว่าการ​พยายาม​สังหาร​หย่า​งจื่อ​ใน​ปี​นั้น​ หนึ่ง​เพราะ​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ของ​หย่า​งจื่อ​อยู่​บน​ยอดเขา​สูงยิ่งกว่า​ อีก​ทั้ง​ร่างกาย​ของ​นาง​เกิด​มาก​็แข็งแกร่ง​อยู่แล้ว​ บวก​กับ​ที่​โลก​มนุษย์​ใน​ยุค​บรรพกาล​ อาณาบริเวณ​กว้างใหญ่​ไพศาล​ และ​เส้น​ทางการ​ฝึก​ตน​ของ​หย่า​งจื่อ​ก็​ได้รับ​เงื่อนไข​พิเศษ​จาก​สวรรค์​ บน​ร่าง​แบกรับ​โชคชะตา​น้ำ​บน​มหา​มรรคา​ไว้​ส่วนหนึ่ง​ เป็นเหตุให้​ทุกครั้งที่​เจอ​กับ​ดินแดน​ที่​มีน้ำ​ หย่า​งจื่อ​จะหนี​ได้​ไว​มาก​เป็นพิเศษ​ ความเร็ว​ใน​การ​หลบหนี​เร็ว​กว่า​แสงกระบี่​เสีย​อีก​

ทว่า​ชิงถงผู้​นี้​กลับ​ตก​อยู่​ใน​สภาวะ​ที่​วาด​พื้นที่​เป็น​กรงขัง​

ศีรษะ​นั้น​สูญสลาย​ด้วย​ความเร็ว​ที่​ตาเปล่า​มองเห็น​ประหนึ่ง​ต้นไม้​ที่​แห้งเหี่ยว​ร่วงโรย​ ก่อน​จะกลายเป็น​เถ้าธุลี​ที่​กระจาย​หาย​ไป​ระหว่าง​ฟ้าดิน​

ด้านหลัง​ของ​เสี่ยว​โม่ ตำแหน่ง​ที่​ร่าง​จริง​ของ​ชิงถงอยู่​ เสื้อเกราะ​วิเศษ​ร่วง​ลงพื้น​ดัง​เค​ร้ง​ เสียงดัง​กังวาน​ ส่วน​ชุด​คลุม​อาคม​ตัว​นั้น​ก็​หล่น​ลง​อย่าง​หม่นหมอง​ กอง​ทับ​อยู่​บน​เสื้อเกราะ​วิเศษ​

ใช้วิธี​หลบหนี​ที่​คล้าย​กับ​วิชา​อภินิหาร​จักจั่น​ลอกคราบ​

ต้นไม้​ใหญ่​ต้น​หนึ่ง​ แค่​กิ่ง​ใบ​เท่านั้น​ที่​ได้รับ​ความเสียหาย​ ลำต้น​ยัง​ดี​อยู่​

แน่นอน​ว่า​ความเสียหาย​บน​มหา​มรรคา​ของ​ชิงถงกลับเป็น​สิ่งที่​เลี่ยง​ไม่ได้​

สี่ทิศ​ของ​ฟ้าดิน​มีเสียงคำราม​เดือดดาล​ประดุจ​เสียง​อสนีบาต​ดัง​กึกก้อง​ “อย่า​หวัง​ว่า​ได้​คืบ​แล้​วจะ​เอา​ศอก​!”

ที่นี่​คือ​หอ​สยบ​ปีศาจ​หนึ่ง​ใน​เก้า​หอ​พิทักษ์​เมือง​ของ​ไพศาล​

เจ้าเสี่ยว​โม่ก็​คือ​เผ่า​ปีศาจ​ที่​มาจาก​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​!

ทว่า​เสี่ยว​โม่กลับ​คลี่​ยิ้ม​เจิดจ้า​ พริบตาเดียว​ก็​มองไม่เห็น​กาย​ธรรม​แล้ว​ เพราะ​เขา​ตาม​เบาะแส​เส้น​นั้น​ไป​ไล่​ฆ่าอีก​ฝ่าย​ต่อ​

กาย​ธรรม​ที่​กลิ่นอาย​เซียน​ล่องลอย​ แสงจันทร์​ดอก​อ้อ​ไร้​ร่องรอย​ให้​ตามหา​

ครู่​ต่อมา​ ขอบฟ้า​ก็​มีดวงจันทร์​สีดำทะมึน​พิลึกพิลั่น​อย่าง​ถึงที่สุด​ลอย​ขึ้น​มา เป็น​ชิงถงที่​ถูก​บีบ​ให้​เผย​ร่าง​ จำต้อง​ร่าย​วิชา​อภินิหาร​รักษา​ชีวิต​ซึ่งเป็น​วิชา​ก้น​กรุ​อย่าง​ร่าง​ดวงจันทร์​ออกมา​

ส่วน​กาย​ธรรม​ของ​เสี่ยว​โม่ เมื่อ​เปรียบเทียบ​กัน​แล้วก็​เหมือน​เมล็ด​งากับ​ปาก​บ่อน้ำ​ ทว่า​บริเวณ​ใกล้เคียง​ดวงจันทร์​กลับ​มีแสงที่​เล็ก​มาก​จุด​หนึ่ง​ส่องสว่าง​ขึ้น​มาก่อน​ จากนั้น​ก็​พลัน​กลายเป็น​เส้น​ที่​ลาก​ยาว​ไป​ใน​ชั่วพริบตา​ สุดท้าย​เส้น​ยาว​แสงกระบี่​เส้น​นั้น​ก็​เหมือน​เจียว​หลง​ตัว​มหึมา​ที่​ทะยาน​ร่าง​ขึ้น​กลางอากาศ​ เลื้อย​คดเคี้ยว​ขึ้นไป​เหนือ​ดวงจันทร์​

นี่​คือ​เวท​กระบี่​ที่​เสี่ยว​โม่คิดค้น​ขึ้น​เอง​หลังจากที่​แอบ​ทอ​ตาข่าย​ดัก​กิน​ดวงจันทร์​ดวง​หนึ่ง​บน​วิถี​โคจร​ของ​ตะวัน​จันทรา​ใน​ปี​นั้น​ เรียก​ว่า​เวท​กลืน​จันทร์​

เพียงแต่​เมื่อ​เทียบ​กับ​มรรค​กถา​ ‘กิน​ตะวัน​’ ที่​สมชื่อจริง​แท้​แน่นอน​ของ​สหาย​ใน​ยุค​บรรพกาล​ที่​ได้​ครอบครอง​ ‘เสื้อเกราะ​เหว่​ย’​ ผู้​นั้น​แล้ว​ เสี่ยว​โม่ยอมรับ​ว่า​ตัวเอง​ยัง​ด้อย​กว่า​ไม่น้อย​

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!