ตอนนั้นปีศาจใหญ่บนยอดเขากลุ่มของพวกเขาได้รับคำสั่งจากป๋ายเจ๋อจึงจำต้องพากันตื่นจากการหลับใหล สิ่งมีชีวิตบรรพกาลผู้หนึ่ง เนื่องจากลานประกอบพิธีกรรมหมื่นปี หรือควรจะเรียกว่าสถานที่พักฟื้นรักษาบาดแผลอยู่ในดวงตะวันของใต้หล้าเปลี่ยวร้าง เป็นเหตุให้สตรีที่เป็นผู้ฝึกกระบี่เหมือนกันผู้นั้นเคยใช้วิชาเฉพาะพูดคุยกับเสี่ยวโม่ที่เป็น ‘เพื่อนบ้าน’ บนฟ้า แต่ร่างอยู่ในดวงจันทร์ฮ่าวไฉ่สองสามประโยค เดิมทีทั้งสองฝ่ายนัดหมายสถานที่ที่จะมาพบเจอกันในโลกมนุษย์ไว้เรียบร้อยแล้ว อีกฝ่ายยังบอกด้วยว่าทุกวันนี้ได้ตั้งนามแฝงให้กับตัวเองแล้ว ชื่อว่า
เซี่ยโก่ว
ก่อนหน้านี้ที่เสี่ยวโม่พูดคุยเรื่องของบุคคลยุคบรรพกาลกลุ่มของพวกเขาให้เฉินผิงอันฟัง ในเรื่องของตบะและพลังการต่อสู้ เสี่ยวโม่ที่เป็นนักรบพลีชีพปฏิบัติต่อเฉินผิงอันอย่างจริงใจ บอกว่าตัวเองไม่ใช่ทั้งคนที่พลังพิฆาตสูงสุด แล้วก็ไม่ใช่คนที่ป้องกันได้แข็งแกร่งที่สุด เพียงแต่ว่าเสี่ยวโม่มั่นใจได้เรื่องหนึ่งว่า การป้องกันและโจมตีของตัวเองล้วนต้องติดสามอันดับแรก เนื่องจากเสี่ยวโม่เพิ่งจะรู้จักกับเฉินผิงอันได้ไม่นาน บวกกับที่นิสัยของผู้ฝึกกระบี่นำพา ดังนั้นตอนนั้นจึงยังมีบางเรื่องที่เขาเก็บงำเอาไว้ ไม่ได้บอกเรื่องวงในให้เฉินผิงอันรู้ไปมากกว่านั้น ยกตัวอย่างเช่นสามอันดับแรกของสองเส้นทางอย่างโจมตีและป้องกัน อันที่จริงหากไม่นับสองตำแหน่งที่ตนเองยึดครองแล้ว ส่วนที่เหลือไม่ได้มีสี่คน แต่มีแค่สามคนเท่านั้น เพราะ ‘เซี่ยโก่ว’ เองก็เป็นผู้แข็งแกร่งบนยอดเขาที่ควบทั้งโจมตีและป้องกันเช่นกัน
ส่วนเรื่องราวระหว่างเสี่ยวโม่กับสหายที่ทุกวันนี้ใช้นามแฝงว่า ‘เซี่ยโก่ว’ แน่นอนว่าย่อมมีความรักความแค้นแต่หนหลังที่ยาวนานมากช่วงหนึ่งต่อกัน
นี่ก็คงเป็นหนึ่งในสาเหตุที่เสี่ยวโม่ไม่ยินดีจะเล่าความจริงให้ฟังมากกว่านั้น
ไหล่ของเฉินผิงอันพลันหนักอึ้ง ร่างยิ่งงองุ้มกว่าเดิม
เป็นชิงถงที่ยกเอาสถานะเจ้าของหอสยบปีศาจออกมาอีกครั้ง
ครู่หนึ่งต่อมา พื้นที่แต่ละจุดยังคงมีแสงกระบี่เปล่งวูบขึ้นมาในฉับพลันก่อนจะหายไปเร็วปานกัน
ในที่สุดชิงถงก็เผยโฉมหน้าที่แท้จริงให้เห็นเป็นครั้งแรก สภาพกระเซอะกระเซิงยิ่ง เลือดท่วมเต็มร่าง รอยแผลบนร่างมากมายหลายจุด บาดแผลไม่ต่ำกว่าสิบแผลลึกจนเห็นกระดูกขาวโพลน สภาพน่าอนาถจนแทบมิอาจทนมองได้
มีรูปโฉมเป็นคนหนุ่ม ใบหน้าหล่อเหลาค่อนไปทางงดงาม ยากจะแยกแยะว่าเป็นชายหรือหญิง
เพียงแต่ชิงถงไม่ได้มีมาดของความสุขุมไม่สะทกสะท้านของผู้ฝึกตนใหญ่บนยอดเขาอีกแล้ว เห็นได้ชัดว่าเป็นเดือดเป็นแค้นอย่างหนัก มายืนอยู่ห่างจากเฉินผิงอันไปไม่ไกล ราวกับว่ามีเพียงทำแบบนี้เท่านั้นถึงจะพอได้พักหายใจหายคอบ้าง
การเลือกของชิงถงนั้นถูกต้องแล้ว
เสี่ยวโม่ไม่ได้ส่งกระบี่ต่อจริงๆ มือข้างที่ถือกระบี่อ้อมไปด้านหลังเพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ
ปล่อยให้เจ้าได้พักอยู่ข้างกายคุณชายของข้าสักครู่ก็แล้วกัน
พอเฉินผิงอันได้เห็นโฉมหน้าของชิงถงแล้วก็พลันทำหน้าเหยเกทันใด
ตามบันทึกลับในคฤหาสน์หลบร้อน คำโบราณบอกไว้ว่าอู๋ตัวผู้ถงตัวเมีย ‘อู๋ถง’ เติบโตพร้อมกันแก่ชราพร้อมกัน เกิดพร้อมกันตายพร้อมกัน
และลู่ไถที่มีชาติกำเนิดจากสกุลลู่สำนักหยินหยางแผ่นดินกลางก็คือร่างปลาหยินหยางที่พันปีก็ยากจะพานพบ
ปีนั้นก็เป็นลู่ไถที่เดินทางมาเที่ยวเยือนใบถงทวีปพร้อมกับเฉินผิงอัน
เป็นผู้ฝึกลมปราณคนหนึ่งกลับกลัวความสูงมาตั้งแต่เกิด
โจวจื่อกับเผยหมิ่นแห่งเวทกระบี่ต่างก็เป็นอาจารย์ผู้ถ่ายทอดมรรคาของลู่ไถ
ปีนั้นหลังจากลู่ไถแยกจากกับตนจะเคยถูกโจวจื่อพามาที่นี่ด้วยหรือไม่?
เฉินผิงอันกลับไม่ได้ถามชิงถงเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ไม่สำคัญแล้ว ลู่ไถก็ดี ผู้ฝึกกระบี่หลิวไฉก็ช่าง เชื่อว่าในอนาคตต้องมีวันที่ได้กลับมาพบเจอกันใหม่อีกครั้งหรือต้องได้เจอหน้ากันแน่นอน
เสี่ยวโม่ผงกปลายคางไปทางชิงถง บอกเป็นนัยว่าเจ้าสามารถไปจากที่นี่ได้แล้ว
ชิงถงกัดฟันกรอด ก่อนจะเผ่นหนีไปไกล
รอกระทั่งเผยกายเป็นครั้งที่สอง แขนข้างหนึ่งของชิงถงก็ถูกเสี่ยวโม่ตัดขาดไปแล้ว เพียงแต่ว่าสะบัดไหล่หนึ่งครั้ง ชิงถงก็มีแขนงอกออกมาได้ใหม่
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ยังคิดหาถ้อยคำเหมาะๆ ไม่ได้อีกหรือ? เวลานี้คิดไม่ตกอย่างมากเลยใช่ไหม? ทั้งไม่มั่นใจว่าจะหลอกข้าได้ แล้วก็ไม่กล้าพอที่จะถ่ายทอดโองการปลอมของปรมาจารย์มหาปราชญ์? เพียงแต่ว่าหากไม่แต่งเรื่องก็จะถูกเสี่ยวโม่ไล่ฟันไม่เลิก ต่อให้ยังไม่ตายง่ายๆ แต่ความเสียหายของตบะ โดนกระบี่ไปหนึ่งทีกลับเป็นความเสียหายหลายสิบปีหรือนับร้อยปีอย่างจริงแท้แน่นอน อย่าว่าแต่เวลาหนึ่งก้านธูปสองเค่อเลย เกรงว่าแค่เค่อเดียว ขอบเขตก็คงถดถอยแล้วกระมัง?”
ชิงถงยกหลังมือเช็ดคราบเลือดมุมปาก “เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะยอมให้หอสยบปีศาจถูกทำลายไปพร้อมกัน แล้วค่อยวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากอริยะปราชญ์ผู้มีเทวรูปที่เฝ้าพิทักษ์ม่านฟ้าหรือ?”
เฉินผิงอันผายมือข้างหนึ่งออกมาจากชายแขนเสื้อ ชูขึ้นสูง “ไปเถอะ”
ชิงถงเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันพูด “แม้ว่าปรมาจารย์มหาปราชญ์จะไม่เคยให้ข้านำความมาบอกเจ้า แต่ถึงอย่างไรปรมาจารย์มหาปราชญ์ก็เคยมาที่นี่ เคยพูดคุยกับข้าจริงแท้แน่นอน หวังให้ข้าฝึกตนให้ดี หากเจ้ากล้าทำลายหอสยบปีศาจ ปล่อยตามใจให้ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตบินทะยานที่มาจากใต้หล้าเปลี่ยวร้างคนหนึ่งทำลายมหามรรคาของข้า…”
เฉินผิงอันเก็บมือมา พยักหน้าเอ่ย “วันหน้าหากข้ามีเวลาว่างจะไปขอรับโทษกับทางศาลบุ๋นเอง อืม ไปหาอาจารย์ของข้าก่อนได้ แล้วค่อยไปหาหลี่เซิ่งก็แล้วกัน”
สีหน้าของชิงถงเดี๋ยวมืดเดี๋ยวสว่างไม่แน่นอน
เจ้าชิงถงชอบนอนรอเสวยสุขนักไม่ใช่หรือ?
ได้สิ
ไม่มีปัญหาเลยสักนิด
ก่อนหน้านี้ฉวยโอกาสตอนที่แสงกระบี่ของเสี่ยวโม่แหวกทะลุตราผนึกฟ้าดิน อันที่จริงเฉินผิงอันก็ได้ใช้นกในกรงกับจันทร์กลางบ่อส่งกระบี่บินแจ้งข่าวไปหาอาจารย์ผู้เฒ่าท่านนั้นแล้ว
มีสัญญาวิญญูชนร่วมกับอริยะปราชญ์ผู้มีเทวรูปท่านนั้น
ขอให้เขาช่วยส่งจดหมายไปให้หลี่เซิ่งโดยต้องปิดบังอาจารย์ของตน
ขอร้องให้หลี่เซิ่งย้ายกำแพงเมืองปราณกระบี่ครึ่งหนึ่งมาที่นี่
ส่วนเรื่องที่จะถูกหักคุณความชอบ ก็หนีไม่พ้นการคิดบัญชีกันอย่างเปิดเผย หลี่เซิ่งกับศาลบุ๋นทำไปตามกฎระเบียบได้เลย
กับอาจารย์ซีผิง เกี่ยวกับสมุดคุณความชอบที่มีชื่อของเฉินผิงอัน ควรจะหักลบไปเท่าไรก็หักลบไปเท่านั้น
แต่ขอบเขตสิบสี่ของเจ้าชิงถง ชีวิตนี้ก็อย่าได้หวังอีกเลย
จะว่าไปแล้วก็น่าขำ ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้เฉินผิงอันคิดอยู่ตลอดว่าหากบรรพจารย์สามลัทธิสลายมรรคา ผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตสิบสี่บางคนอาจเปิดฉากเข่นฆ่าอย่างใจกล้า หรือไม่ก็แอบวางแผนเล่นงานผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตบินทะยานขั้นสูงสุดอย่างลับๆ
คิดไม่ถึงว่าจะจับผลัดจับผลูกลายเป็นตนคนแรกที่ขัดขวางไม่ให้คนอื่นเลื่อนเป็นขอบเขตสิบสี่
ถ้าอย่างนั้นต่อจากนี้เจ้าชิงถงที่อยู่ในใบถงทวีปจะต้องรักษาตัวหนึ่งร้อยปีหรือหนึ่งพันปี หรืออาจจะหมื่นปี จะมีอะไรแตกต่างกันเล่า?
เพียงแต่เรื่องนี้ เหตุการณ์ดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องเปิดปากเอ่ยอีก
หลีกเลี่ยงไม่ให้ดูเป็นการข่มขู่ใคร
แม้จะบอกว่าราคาที่ต้องจ่ายค่อนข้างสูง แต่ผลกำไรก็ไม่น้อยเหมือนกัน
ขุนเขาสายน้ำของหนึ่งทวีป อีกไม่นานโชคชะตาก็จะมั่นคงได้แล้ว
อีกทั้งวันหน้าเรื่องของการบูรณะซ่อมแซมก็จะราบรื่นกว่าเดิมเยอะมาก
มีคนสามัคคีก่อน ก็มีดินอวยพร แล้วจึงตามมาด้วยฟ้าอำนวย
เรื่องมากมายที่เดิมทีต้องขอให้ชิงถงช่วยเหลือ ตนก็จะสามารถลงมือได้ด้วยตัวเองแล้ว
ปัญหาเพียงหนึ่งเดียวก็คือ คาดว่าพออาจารย์รู้เรื่องนี้ก็คงจะโมโหตนไม่เบาเลยกระมัง
ไม่สนแล้ว
มารดามันเถอะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!