กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 928

เดิมที​เฉิน​ผิง​อัน​คิด​ว่า​จะตรง​ดิ่งไป​ที่​จวน​วารี​ของ​ห​ลิง​หยวน​กง​ เพียงแต่​เปลี่ยนใจ​กะทันหัน​ คิด​ว่า​จะอ้อม​ไป​ที่อื่น​ก่อน​ เมื่อ​ความคิด​บังเกิด​ก็​มองข้าม​ระยะห่าง​ระหว่าง​ภูเขา​สายน้ำ​ คน​ชุด​เขียว​มายืน​อยู่​ใต้​ต้น​อู๋ถง​ต้น​หนึ่ง​ใน​เมืองหลวง​ของ​ราชวงศ์​ต้า​หยวน​ เงยหน้า​มอง​ไป​ยัง​ทิศ​ไกล​ เฉิน​ผิง​อัน​เดิน​ก้าว​ออก​ไป​หนึ่ง​ก้าว​ก็​มาถึงตำหนัก​แห่ง​หนึ่ง​ที่​มีเพียง​สีขาว​และ​สีดำ​สอง​สีเท่านั้น​ ราวกับ​คน​ไร้​ขอบเขต​ที่​ก้าว​เข้ามา​ใน​ดินแดน​ไร้​ผู้คน​

ราชวงศ์​ต้า​หยวน​แห่ง​นี้​ก่อตั้ง​แคว้น​ด้วย​ดาว​พระพุทธ​ (สุ่ยเต๋อ​ ถือเป็น​ดาว​ธาตุ​น้ำ​) คราวก่อน​เฉิน​ผิง​อัน​ไป​ที่​ตำหนัก​นภา​กา​ศหน่วย​ฉงเสวียน​ พูดคุย​เรื่อง​การค้า​กับ​ฮ่องเต้​สกุล​หลู​ ตอนนั้น​ข้าง​กาย​ของ​ฮ่องเต้​พา​องค์​ชาย​เด็กหนุ่ม​มาแค่​คนเดียว​ มีชื่อว่า​หลูจ​วิน​ ตอนนี้​ได้​กลายเป็น​รัชทายาท​แล้ว​ นอกจาก​เฉิน​ผิง​อัน​จะมอบ​เทียบ​อักษร​ลายมือ​ของ​อาจารย์​ให้​กับ​องค์​ชาย​หลูจ​วิน​แล้ว​ยัง​มอบ​ตำรา​หมัด​ฉบับ​สำเนา​เขียน​มือ​ให้​กับ​เด็กหนุ่ม​ด้วย​ ก็​คือ​ตำรา​หมัด​เขย่า​ขุนเขา​ที่​ได้​มาจาก​กู้​โย่ว​ผู้ฝึก​ยุทธ​ขอบเขต​ปลายทาง​แห่ง​ราชวงศ์​ต้าจ้วน​

ส่วน​คุณสมบัติ​ใน​การ​ฝึก​ตน​และ​ฝึก​วร​ยุทธ​ของ​หลูจ​วิน​นั้น​ อันที่จริง​ธรรมดา​มาก​ ตอนนั้น​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​บอก​อีก​ฝ่าย​ไป​ตามตรง​อย่าง​จริงใจ​ ไม่ได้​ใช้ถ้อยคำ​เกรงใจ​ตามมารยาท​ตอบรับ​อย่าง​ขอไปที​

สุดท้าย​กลับ​กลายเป็น​ว่า​ผี​และ​เทพ​ดลบันดาล​ ทั้งสองฝ่าย​จึงกลาย​มาเป็น​อาจารย์​และ​ศิษย์​ที่​ไม่ได้รับ​การ​บันทึก​ชื่อ​กัน​

ฟ้ายัง​ไม่สว่าง​ ยังอยู่​ห่าง​จาก​การ​ว่าราชการ​เช้าอีก​พัก​หนึ่ง​ ฮ่องเต้​หลู​ยาง​ตื่น​จาก​บรรทม​นาน​แล้ว​ ยาก​จะบรรทม​ต่อ​ได้​อีก​ จึงสั่งให้​ขันที​จุด​ตะเกียง​ นั่งขัดสมาธิ​อยู่​บน​เตียง​เตา​ของ​ห้อง​อุ่น​ขนาดเล็ก​ กำลัง​อ่าน​ฎีกา​พลาง​นวด​คลึง​หว่าง​คิ้ว​ ห้อง​อุ่น​มีมังกร​ดิน​ ต่อให้​เป็น​หน้าหนาว​ก็​ยัง​อบอุ่น​เหมือน​ฤดูใบไม้ผลิ​ เพียงแต่ว่า​บางครั้ง​ฮ่องเต้​ก็​จะออกคำสั่ง​ให้​นางกำนัล​หยุด​ก่อไฟ​ บอ​กว่า​ใช้อากาศ​หนาวเย็น​มาขัดเกลา​เส้นเอ็น​และ​กระดูก​เสียหน่อย​กลับ​ทำให้​ร่างกาย​แข็งแรง​ได้ดี​ หันมา​มอง​พวก​องค์​ชาย​สกุล​หลู​ที่​กำลัง​เล่าเรียน​อยู่​ใน​ตำหนัก​อิง​เห​วิน​ นอก​เสีย​จาก​เจอ​กับ​อากาศ​หนาวเหน็บ​เสียดแทง​กระดูก​ที่​หลาย​สิบ​ปี​ถึงจะพบ​เจอ​สักครั้ง​จึงจะมอบ​เตา​อุ่น​มือ​ให้​ ไม่อย่างนั้น​ก็​ต้อง​ท่อง​ตำรา​เสียงดัง​พลาง​แอบ​กระทืบเท้า​ตัวสั่น​เยือก​ไป​ด้วย​ เข้าเรียน​ยาม​เห​ม่า (07.00-09.00) เลิกเรียน​ยาม​เซิน​ (15.00-17.00) อย่าง​ที่​ฟ้าผ่า​ก็​ไม่สะเทือน​ แค่​เรียนหนังสือ​เท่านั้น​ จะว่า​ลำบาก​ก็​ไม่ถึงขนาด​นั้น​ ก็​แค่​ไม่สบาย​เท่านั้นเอง​

เพียงแต่​อยู่ดีๆ​ ก็​รู้สึก​ง่วง​ขึ้น​มา ระหว่าง​ที่​หลู​ยาง​กำลัง​สะลึมสะลือ​ก็​คล้าย​ได้ยิน​เสียงเคาะ​ประตู​ดัง​มาแว่ว​ๆ จึงตอบรับ​ตาม​จิตใต้สำนึก​ “เข้ามา​”

นอก​ธรณีประตู​ห้อง​อุ่น​ คน​ชุด​เขียว​คน​หนึ่ง​ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ฝ่าบาท​ บุ่มบ่าม​แวะ​มาหา​ โปรด​อภัย​ให้​ด้วย​”

หลู​ยาง​ลืมตา​ขึ้น​มอง​คน​ชุด​เขียว​ที่อยู่​นอก​ประตู​ เหม่อลอย​ไป​พัก​หนึ่ง​ เพียงแต่​ไม่นาน​สีหน้า​ก็​กลับคืน​มาเป็นปกติ​ ลง​มาจาก​เตา​อุ่น​ สวม​รองเท้า​หุ้ม​ข้อ​ง่ายๆ​ ไม่ได้​สวม​ให้​เรียบร้อย​ก็​เดิน​เร็ว​ๆ ไป​ทาง​หน้า​ประตู​ หัวเราะ​เสียงดัง​กังวาน​ “ที่แท้​ก็​อาจารย์​เฉิน​ที่​ให้เกียรติ​มาเยี่ยมเยือน​นี่เอง​ โปรด​อภัย​ที่​ไม่ได้​ไป​รอ​ต้อนรับ​แต่ไกล​ ขอโทษ​ด้วย​ ขอโทษ​ด้วย​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยืน​อยู่​ที่​เดิม​ กุมมือ​เป็น​หมัด​ เอ่ย​ขออภัย​ “เหตุการณ์​ฉุกละหุก​ ไม่อาจ​แจ้งยาม​เฝ้าประตู​ได้​ รับรอง​ว่า​มีแค่​ครั้งนี้​ครั้ง​เดียว​”

“คน​มหัศจรรย์​ย่อม​ต้อง​มีเรื่อง​ประหลาด​เสมอ​ อาจารย์​เฉิน​คือ​ผู้​บรรลุ​มรรคา​ ไย​ต้อง​ถือสา​พิธีการ​ยิบ​ย่อย​พวก​นี้​ด้วย​เล่า​”

หลู​ยาง​เอื้อมมือ​มาจับ​แขน​ของ​คน​ชุด​เขียว​ ยิ้ม​เอ่ย​ “ข้า​กลับ​หวัง​ให้​อาจารย์​เฉิน​มาเป็น​แขก​ที่นี่​บ่อยๆ​ ไป​ ไป​นั่ง​คุย​ใน​ห้อง​ของ​ข้า​กัน​เถอะ​”

เฉิน​ผิง​อัน​เดิน​ข้าม​ธรณีประตู​มาแล้ว​ หลู​ยาง​ก็​ปล่อยมือ​ ทั้งสองฝ่าย​นั่ง​กัน​คนละ​ด้านบน​เตา​อุ่น​ หลู​ยาง​ผลัก​กอง​ฎีกา​ไป​ไว้​บน​โต๊ะ​ด้าน​ข้าง​ ไม่คิด​จะปิดบัง​แม้แต่น้อย​

หลู​ยาง​ได้ยิน​คำอธิบาย​ที่​กระชับ​ได้​ใจความ​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​ เมื่อ​รู้​ความจริง​แล้วก็​ประหลาดใจ​มาก​ อดไม่ไหว​เอ่ย​อย่าง​ปลงอนิจจัง​ว่า​ “ไม่น่าเชื่อ​เลย​ มหัศจรรย์​ยิ่งนัก​”

ฮ่องเต้​สกุล​หลู​ที่​ขึ้นชื่อว่า​มีอัจฉริยะ​และ​แผนการ​อัน​ล้ำลึก​ท่าน​นี้​เอ่ย​อย่าง​ไม่ลังเล​ว่า​ “อันที่จริง​อาจารย์​เฉิน​ไม่จำเป็นต้อง​มาถึงเมืองหลวง​ให้​เสียเวลา​เลย​ เพราะ​ง่าย​ที่จะ​ถ่วง​รั้ง​ธุระ​สำคัญ​ของ​ท่าน​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ต่อให้​หน่วย​ฉงเสวียน​จะฐานะ​โดดเด่น​แค่​ไหน​ ถึงอย่างไร​ก็​เป็น​แค่​หนึ่ง​ใน​องค์กร​ใต้​อาณัติ​ของ​ราชวงศ์​ต้า​หยวน​ หยาง​เทียน​จวิน​แห่ง​ตำหนัก​นภา​กา​ศจะมีคุณธรรม​ชื่อเสียง​สูงส่งเพียงไร​ ลูกหลาน​สกุล​หยาง​จะทำ​เพื่อ​ส่วนรวม​ไร้​ความเห็นแก่ตัว​แค่​ไหน​ ถึงอย่างไร​ก็​เป็น​ชาว​ประชา​ของ​ราชวงศ์​ต้า​หยวน​”

หลู​ยาง​หัวเราะ​ฮ่าๆ ชอบใจ​ เผย​ความรู้สึก​ที่​แท้จริง​ออกมา​อย่าง​เต็มเปี่ยม​ ตั้ง​แต่ต้นจนจบ​ไม่ได้​เหลือบมอง​ไป​ทาง​ประตู​แม้แต่​แวบเดียว​

คำพูด​ที่​ดี​? แน่นอน​ว่า​ต้อง​เป็น​คำพูด​ที่​ดี​

เป็น​แค่​คำพูด​ที่​ดี​ที่​น่าฟัง​? ไม่เพียง​เท่านั้น​

เดิมที​นี่​ก็​คือ​ท่าที​ที่​แน่ชัด​ที่​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​มีต่อ​ความสัมพันธ์​ระหว่าง​เชื้อพระวงศ์​ต้า​หยวน​กับ​หน่วย​ฉงเสวียน​

เทพ​เซียน​บน​ภูเขา​และ​ฮ่องเต้​ล่าง​ภูเขา​ก็​เหมือนว่า​คน​หนึ่ง​ดูแล​ฟ้าคน​หนึ่ง​ดูแล​ดิน​ ความสัมพันธ์​ของ​ทั้งสองฝ่าย​ซับซ้อน​ มีสุข​และ​ทุกข์​ร่วมกัน​ หาก​มีเกียรติ​ก็​มีเกียรติ​ด้วยกัน​ รู้ใจ​กัน​โดย​ไม่ต้อง​เอื้อนเอ่ย​ แต่กระนั้น​ก็​ไม่ขาด​เรื่อง​โสมม ภายนอก​ปรองดอง​ภายใน​ห่างเหิน​ ถึงขั้น​ที่​ว่าต่าง​ฝ่าย​ต่าง​วางแผน​เล่นงาน​กันเอง​ หันหลัง​เดิน​ไป​คนละ​ทาง​ ต่าง​คน​ต่าง​มอง​กัน​เป็น​ศัตรู​คู่อาฆาต​

จวิน​เอ๋อร์​บ้าน​ตน​ช่างโชคดี​ วาสนา​ดี​ ไม่ได้รับ​อาจารย์​สอน​หมัด​ผู้​นี้​ไว้​เปล่าๆ​ อาจารย์​เฉิน​ที่​มีหลาย​สถานะ​ผู้​นี้​ เข้าข้าง​แต่​คนกันเอง​ไม่เข้าข้าง​คนนอก​เลย​จริงๆ​

เป็น​อิ่น​กวาน​แห่ง​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ ได้​แกะสลัก​ตัวอักษร​หรือไม่​ก็​มีความต่าง​ราว​ฟ้ากับ​เหว​

คราว​ก่อนที่​ทั้งสองฝ่าย​คุย​ธุระ​กันที่​ตำหนัก​นภา​กา​ศ เฉิน​ผิง​อัน​ยัง​ไม่ได้​เดินทาง​ไป​เยือน​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ ยัง​ไม่ได้​แกะสลัก​ตัวอักษร​ลง​บน​หัว​กำแพงเมือง​

หลู​ยาง​ยิ้ม​ถาม “ฉวยโอกาส​ตอนที่​ยังมี​เวลา​เหลือ​อีก​ครึ่ง​ชั่ว​ยาม​ก่อน​ประชุม​เช้า ข้า​สามารถ​ไป​เดินเที่ยว​ชมหน่วย​ฉงเสวียน​ตำหนัก​นภา​กา​ศกับ​ท่าน​อาจารย์​ได้​หรือไม่​?”

ไม่ได้คิด​จะหยั่งเชิง​อะไร​ ยิ่ง​ไม่ใช่ว่า​ไม่เชื่อใจ​อีก​ฝ่าย​ หลู​ยาง​เป็น​แค่​จักรพรรดิ​ของ​หนึ่ง​แคว้น​ เป็น​เจ้าเหนือหัว​ของ​ปวงประชา​ ทว่า​สำหรับ​เรื่อง​อย่าง​การ​ทะยาน​เมฆขี่​หมอก​นั้น​ เขา​ก็​ยัง​ใฝ่หา​อยู่​หลาย​ส่วน​

เฉิน​ผิง​อัน​พยัก​หน้ายิ้ม​เอ่ย​ “เสียมารยาท​แล้ว​”

อิ่น​กวาน​หนุ่ม​พูดยังไม่ทันขาดคำ​ หลู​ยาง​ก็​รู้สึก​ผิดหวัง​เล็กน้อย​ เพราะ​ดูเหมือนว่า​ตน​แค่​กระพริบตา​ทีเดียว​ก็ได้​ย้าย​สถาน​ที่แล้ว​ มาอยู่​ใน​สถานที่​ที่​พบ​หน้า​กัน​คราวก่อน​ ไม่ได้​ทะยาน​เมฆขี่​หมอก​อย่าง​ที่​เทพ​เซียน​ทำ​เลย​ ไม่เกี่ยวข้อง​กับ​ความรู้สึก​ล่องลอย​เบาหวิว​ที่​คาดการณ์​ไว้​ล่วงหน้า​สักนิด​

เฉิน​ผิง​อัน​ยืน​เคียง​บ่า​อยู่​กับ​หลู​ยาง​ เพียง​ไม่นาน​ก็​มีเจิน​เห​ริน​ผู้เฒ่า​ปรากฏตัว​และ​มาที่​หน่วย​ฉงเสวียน​ ก็​คือ​หยาง​ชิงข่ง​ผู้​เป็น​ราชครู​ เจิน​เห​ริน​ผู้เฒ่า​ถือ​แส้ปัดฝุ่น​หาง​กวาง​ด้าม​หยก​ขาว​ แกะสลัก​สอง​คำ​ว่า​ ‘เทพ​วาโย​’

เฉิน​ผิง​อัน​ทำ​บ่อย​จน​เกิด​เป็น​ความชำนาญ​ เขา​เอ่ย​ขออภัย​เทียน​จวิน​ลัทธิ​เต๋า​ท่าน​นี้​ หยาง​ชิงข่ง​ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ไม่เป็นไร​ ผิน​เต้า​จะถือว่า​ปล่อย​ดวงจิต​ออกมา​ท่องเที่ยว​ครั้งหนึ่ง​ก็แล้วกัน​”

หยาง​ชิงข่ง​คำนับ​ฮ่องเต้​ตาม​ขนบ​ลัทธิ​เต๋า​ “คารวะ​ฝ่าบาท​”

หลู​ยาง​ไพล่​สอง​มือ​ไว้​ข้างหลัง​ ผงกศีรษะ​ให้​กับ​ราชครู​ ยิ้ม​เรียบๆ​ เอ่ย​ว่า​ “กว่า​เห​ริน​ก็​แค่​มาร่วมวง​ความ​ครึกครื้น​ ราชครู​ก็​ถือ​เสีย​ว่า​กว่า​เห​ริน​ไม่ได้​อยู่​ด้วย​ก็แล้วกัน​”

หาก​จะบอ​กว่า​หน่วย​ฉงเสวียน​คือ​องค์กร​ใน​วงการ​ขุนนาง​ที่​ราชสำนัก​ต้า​หยวน​ก่อ​ตั้งขึ้น​ ถ้าอย่างนั้น​ตำหนัก​นภา​กา​ศก็​เหมือนกับ​ภูเขา​มังกร​พยัคฆ์​ ต่าง​ก็​เป็น​จื่อ​ซุน​ฉงหลิน​ (รูปแบบ​การ​จัดการ​องค์กร​รูปแบบ​หนึ่ง​ของ​อาราม​เต๋า​) แม้ว่า​ราชสำนัก​ต้า​หยวน​จะก่อตั้ง​ที่ว่าการ​ลัทธิ​เต๋า​แห่ง​หนึ่ง​ไว้​ที่นี่​ แต่​อันที่จริง​กลับเป็น​แค่​ของ​ตกแต่ง​อย่างหนึ่ง​ ถึงอย่างไร​เต้า​กวาน​น้อย​ใหญ่​หาก​ไม่แซ่หยาง​ก็​ได้รับ​หนังสือรับรอง​การ​ออกบวช​จาก​ตำหนัก​นภา​กา​ศ

แม้ว่า​นักพรต​ของ​ตำหนัก​นภา​กา​ศจะไม่ใช่เทพ​วารี​ ทว่า​ราชครู​หยาง​ท่าน​นี้​กลับ​มีทั้ง​กลิ่นอาย​เต๋า​และ​โชคชะตา​น้ำ​เข้มข้น​ แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่ตั้ง​ศาล​ของ​ซือ​ถูจีสุ่ยเจิ้ง​แห่ง​ศาล​ตอน​บน​ของ​ลำน้ำ​ใหญ่​ที่​ยัง​ไม่ได้​เลื่อนขั้น​เป็น​กง​โหว​ก็​ตั้งอยู่​ใน​บริเวณ​ใกล้เคียง​ด้วย​

คน​ทั้ง​สามต่าง​ก็​นั่งลง​บน​ม้านั่ง​หิน​ใต้​ต้นไม้​ อันที่จริง​ก็​คือ​ตำแหน่ง​ที่นั่ง​กัน​คราวก่อน​ เมื่อ​ได้ยิน​การค้า​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​คิด​จะทำ​ หยาง​ชิงข่ง​ก็​คลี่​ยิ้ม​อย่าง​สง่างาม “พูดถึง​แค่​คุณ​ความชอบ​ที่​นำมา​ส่งให้​ถึงที่​ส่วน​นี้​ หากว่า​ผิน​เต้า​ยังมี​ความ​ยอก​แสลงใจ​อีก​ก็​เท่ากับ​ว่า​ฝึก​ตน​ได้​ไม่มาก​พอ​ อีก​ทั้ง​ยัง​จิตใจ​ก็​ไม่เพียง​พอแล้ว​”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!