ส่งฮ่องเต้สกุลหลูกลับห้องทรงพระอักษรในเมืองหลวงแล้ว เฉินผิงอันก็ไปเยือนศาลลำคลองเหยาเย่ ไปพบกับพ่อปู่ลำคลองที่ชื่อว่าเซวียหยวนเซิ่งอีกครั้ง
ครั้งแรกที่เดินทางมาเที่ยวเยือนอุตรกุรุทวีป หลังจากที่เฉินผิงอันออกมาจากนครปี้ฮว่าก็เป็นพ่อปู่ลำคลองที่ชอบถ่อเรือผู้นี้ที่เป็นคนพายเรือพาตนไปส่งรอบหนึ่ง
เซวียหยวนเซิ่งยังคงเหมือนเดิม คือผู้เฒ่าผิวดำเกรียมเหมือนชาวนาอายุมากคนหนึ่งที่หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดินอยู่ตลอดทั้งปี
เพียงแต่ว่าเฉินผิงอันในเวลานั้นกลับแต่งกายด้วยการสวมงอบห้อยกาเหล้าโดยสารเรือข้ามแม่น้ำ
หลังจากแน่ใจในตัวตนของเฉินผิงอันแล้ว ผู้เฒ่าผู้เป็นพ่อปู่ลำคลองก็จุ๊ปากด้วยความประหลาดใจ ส่ายหน้าเอ่ยว่า “ไม่กล้าเชื่อเลยว่าศาลเล็กๆ ของตัวเองจะเคยรับรองควันธูปของใต้เท้าอิ่นกวานมาก่อน”
ปีนั้นเซวียหยวนเซิ่งเข้าใจผิดคิดว่าตัวเองเจอกับเจ้าโง่ที่ไม่เข้าใจเรื่องทางโลกคนหนึ่ง
ถึงกับปล่อยให้โชควาสนาใหญ่เทียมฟ้าเช่นนั้นหลุดลอดผ่านร่องนิ้วของตัวเองไป สุดท้ายคลาดกับโอกาสที่จะถูกเทพหญิงฉีลู่ของนครปี้ฮว่ารับเป็นนาย
เซวียหยวนเซิ่งกับเซียนกระบี่ชุดเขียวเดินออกมาจากศาล เดินเล่นไปริมลำคลองด้วยกัน ยากจะจินตนาการได้ว่าผู้เฒ่าที่ร่างทองไม่ด้อยไปกว่าเทพวารีของแม่น้ำใหญ่ผู้นี้ ทุกวันนี้จะยังคงเป็นพ่อปู่ลำคลองของศาลเถื่อนที่ไม่ได้รับการแต่งตั้งจากทางราชสำนัก
เซวียหยวนเซิ่งชี้ไปยังมุมหนึ่งของลำคลอง ยิ้มเอ่ยว่า “ปีนั้นแม่นางน้อยแซ่เผยก็มาฝ่าทะลุขอบเขตอยู่ที่นี่ พลานุภาพยิ่งใหญ่น่าตกใจ ดีนักนะ นี่เพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่ปี ทุกวันนี้ก็ต้องเรียกนางว่าปรมาจารย์ใหญ่เผยแล้ว”
หลังจากที่ภูเขาลั่วพั่วเข้าร่วมงานพิธีของภูเขาตะวันเที่ยง เรื่องนี้ก็กลายมาเป็นหัวข้อพูดคุยที่ไม่เล็กบนโต๊ะสุราของเซวียหยวนเซิ่งกับพวกสหายเก่าแก่ทั้งหลาย
อาจารย์ผู้เฒ่าเคยยืนนิ่งไม่ขยับรับหนึ่งหมัดจากการฝ่าทะลุขอบเขตของปรมาจารย์ใหญ่เผยผู้นั้น
หลังจากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ถือว่าไม่ตีกันไม่รู้จักกันในยุทธภพกระมัง อาจารย์ผู้เฒ่าถ่อเรือพานางข้ามแม่น้ำ พูดคุยกันอย่างถูกคอมาก
เฉินผิงอันพยักหน้ายิ้มรับ
ตอนนั้นโอกาสในการฝ่าทะลุขอบเขตของเผยเฉียนอยู่ที่การต่อสู้ระหว่างหลักการเหตุผลในใจนางกับหลักการเหตุผลบนโลก
เฉินผิงอันเคยสอบถามถึงเรื่องราวน้อยใหญ่ระหว่างที่ท่องผ่านขุนเขาสายน้ำร่วมกับเผยเฉียนจากหลี่ไหวอย่างละเอียดมาก่อน
แม่นางน้อยเติบใหญ่แล้ว กลายเป็นเด็กสาว แล้วจึงกลายมาเป็นหญิงสาว ก็น่าจะมีเรื่องบางอย่างที่เก็บซ่อนไว้ในใจ
ต่อให้เฉินผิงอันจะเป็นอาจารย์ของนางก็ยังไม่สะดวกจะถามมากนัก
เซวียหยวนเซิ่งนั่งยองตามความเคยชิน หยิบดินขึ้นมาปั้น หัวเราะหึหึเอ่ยว่า “ปีนั้นเจ้าคิดอย่างไรกันแน่ โชควาสนาที่คนอื่นอยากได้มาครอบครองแทบตาย แต่เจ้ากลับอยากหลบให้พ้นใจจะขาด แรกเริ่มข้าเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าเป็นตอไม้ที่ไม่เข้าใจเรื่องความรัก หรือไม่ก็เป็นเจ้าโง่ที่สมองไม่สมประดี มิฉะนั้นก็อธิบายเรื่องนี้ไม่ได้เลยจริงๆ ตอนนี้มานึกดู คนผู้หนึ่งที่กลายเป็นเซียนกระบี่ เป็นอิ่นกวานได้ จะเป็นคนโง่ได้อย่างไร ถ้าอย่างนั้นปีนั้นเจ้าก็ต้องแกล้งโง่แน่”
เฉินผิงอันนั่งลงริมฝั่งง่ายๆ พยักหน้าเอ่ยว่า “ตอนนั้นข้าแกล้งโง่จริงๆ แต่ก็กลัวจริงๆ ด้วยนั่นแหละ”
เซวียหยวนเซิ่งหัวเราะ “เทพหญิงฉีลู่ผู้นั้นสูงส่งนัก มีแต่นางที่ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา ผลคือไม่รู้ว่าคนจากต่างถิ่นโผล่มาจากที่ใด ปีนั้นนางถูกเจ้าทำให้โมโหเกือบตายแล้ว หากได้ยินคำพูดทุเรศประโยคนี้ของเจ้าอีกคงต้องถูกเจ้าทำให้โมโหปางตายอีกหน”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ก็แค่ต่างคนต่างมีสิ่งที่ตัวเองชื่นชอบ ไม่มีการแบ่งแยกสูงต่ำอะไร”
พ่อปู่ลำคลองแอบนินทาในใจอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน น่าประหลาดนัก ดูเหมือนว่าเซียนกระบี่หนุ่มที่อยู่ข้างกายผู้นี้ ปีนั้นเคยเดินทางผ่านมารอบหนึ่ง เทพหญิงแปดท่านที่เป็นภาพสีสันในนครปี้ฮว่าอย่างชุนกวาน เป่าไก้ หลิงจือ จ่างฉิง เซียนจั้ง ฉีลู่ สิงอวี่ กว้าเยี่ยน ต่างก็กลายมาเป็นภาพลายเส้นขาวดำกันหมด แน่นอนว่าห้าท่านแรกได้ออกไปจากนครปี้ฮว่ากันนานแล้ว บ้างเป็นบ้างตาย ต่างคนต่างมีโชควาสนากระมัง
แต่ใต้เท้าอิ่นกวานผู้นี้จะถือว่าเป็นคนสุดท้ายที่คอยนั่งชมอยู่ด้านข้างหรือไม่?
เฉินผิงอันหยิบน้ำเต้าเลี้ยงกระบี่ลูกนั้นออกมาดื่มเหล้าหนึ่งอึก นี่ก็คือการแสร้งดื่มเหล้าของจริงที่จริงไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว
ภาพวาดฝาผนังลงสีสันที่เหลือเพียงสามภาพในปีนั้น เทพหญิงฉีลู่ นางเคยถูกคนต่างถิ่นอายุน้อยบางคนทำให้เสียใจอย่างสุดแสน เพียงแต่ว่าภายใต้โชควาสนาอำนวยจึงหันไปสวามิภักดิ์กับเจ้าสำนักชิงเหลียงที่จิตแห่งมรรคาสอดคล้องต้องกันอย่างเฮ้อเสี่ยวเหลียง ส่วนเทพหญิงสิงอวี่ที่เชี่ยวชาญวิชาหมากล้อม มีนามว่าซูสื่อ ก็ได้มีสัญญาหกสิบปีร่วมกับผู้ฝึกตนหนุ่มที่ในมือถือป้ายหยกโบราณ คุกเข่าโขกหัวจนกระทั่งกระดูกหน้าผากปริออกมา จากนั้นนางถึงจะไปขอรับโทษจาก ‘หลี่หลิ่ว’
ส่วนเทพหญิงกว้าเยี่ยนก็ได้ติดตามเจ้านายไปยังหลิวเสียทวีป ก่อนจะออกไปจากชายหาดโครงกระดูกนางได้ไปเยือนหุบเขาผีร้ายมารอบหนึ่ง เก็บบ่อสายฟ้าขนาดจิ๋วของภูเขาจีเซียวมาไว้ในกระเป๋าของตัวเอง
และเจ้านายที่นางยอมรับก็คือเจ้านครของนครหรงเม่าที่อยู่บนเรือราตรี เส้าเป่าเจวี้ยน
ทุกครั้งที่เฉินผิงอันคิดถึงเรื่องนี้ก็ไม่รู้ว่าโทสะผุดมาจากไหน ปีนั้นข้าผู้อาวุโสอาศัยความสามารถขุดเอาแส้สายฟ้าจากภูเขาจีเซียวมาได้แค่ไม่กี่เส้นเท่านั้น ไปเกิดความขัดแย้งบนมหามรรคากับเจ้าได้อย่างไร? มหามรรคาบ้านเจ้าคือทางเส้นเล็กริมคันนาอย่างนั้นหรือ? ต่อให้เป็นทางเส้นเล็กริมคันนาก็ยังดี ต่างคนต่างเบี่ยงตัวเดินหลบกันก็เดินสวนไหล่ผ่านกันไปได้แล้ว จากนั้นต่างคนก็ต่างเดินหน้าไปสิ
เซวียหยวนเซิ่งถามอย่างใคร่รู้ “นี่อยู่ในความฝันของใต้เท้าอิ่นกวานหรือ?”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ
เซวียหยวนเซิ่งทอดถอนใจอย่างอดไม่ได้ “แบบนี้ก็ได้ด้วยหรือ?! ฝึกตนประสบความสำเร็จมากแล้วจริงๆ คำว่าจากลาสามวันต้องหันมามองกันเสียใหม่ช่างกล่าวได้ดีจริงๆ”
“แค่ใช้วิธีเล่นเหลี่ยมเอาเท่านั้น”
“บัณฑิตอย่างพวกเจ้าพูดจารัดกุมน้ำไม่ไหลสักหยดจริงๆ”
“ก็มีค่าแค่เงินแปดเฉียนเท่านั้นเอง”
เซวียหยวนเซิ่งอึ้งตะลึง จากนั้นก็หัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง “ว่ามาเถอะ ครั้งนี้มาหาข้าด้วยเรื่องอะไร”
พอได้รับคำตอบจากเฉินผิงอัน เซวียหยวนเซิ่งก็ขมวดคิ้ว “เพื่ออะไร? คุ้มค่าหรือ?”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “คำถามประเภทนี้ ใครก็ถามได้ มีเพียงอาจารย์เซวียที่ถามแล้วเกินความจำเป็น”
หากทำเพื่อความคุ้มค่า ระดับความสูงของร่างทองของเซวียหยวนเซิ่งในทุกวันนี้ อย่างน้อยก็สามารถเพิ่มสูงขึ้นได้อีกห้าเท่า
หากเป็นเช่นนี้ ด้วยการแต่งตั้งลำน้ำใหญ่ในทุกวันนี้ เซวียหยวนเซิ่งก็ถือว่ามีคุณสมบัติมากพอเหลือแหล่ที่จะเข้าเสริมตำแหน่งสุ่ยเจิ้งของศาลลำน้ำที่ว่างอยู่ได้แล้ว
เซวียหยวนเซิ่งยกสองมือขึ้นขยี้ใบหน้าอย่างแรง พยักหน้าเอ่ยว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ ก็แค่ธูปหนึ่งดอกด้วยความจริงใจเท่านั้น ถือว่ากราบไหว้ความไม่คุ้มค่าในใจของเจ้าและข้านั้นก็แล้วกัน”
ทั้งสองฝ่ายคุยธุระกัน ต่างก็เป็นคนที่ตัดสินใจฉับไว จึงเป็นแค่เรื่องของการพูดคุยสองสามประโยคเท่านั้น
กลับเป็นตอนพูดถึงเผยเฉียนที่เหมือนกับเปิดกล่องบทสนทนา คนหนึ่งยินดีพูดเยอะ อีกคนก็ยินดีจะฟังเรื่องพวกนี้ ตัดใจจะจากไปไม่ได้
เซวียหยวนเซิ่งเล่าว่าไม่อาจเอาแม่นางน้อยหน้าเงินในปีนั้นมาเชื่อมโยงเข้ากับ ‘เจิ้งซาเฉียน’ และ ‘เผยเฉียน’ ในภายหลังได้อย่างไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!