หลี่เย่โหวส่ายหน้าอย่างจนใจ โบกมือบอกเป็นนัยว่าตนไม่ส่งแขกแล้ว
ถึงอย่างไรใครเป็นแขกใครเป็นเจ้าบ้านก็บอกได้ยาก
มารดามันเถอะ ผู้ฝึกกระบี่นี่ช่าง…ตรงไปตรงมานัก
ทางฝั่งของสำนักอวี่หลง วันนี้น่าหลันไฉ่ฮ่วนผู้เป็นเจ้าสำนักอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ มาหาผู้คุมกฎอวิ๋นเชียน โยนป้ายหยกแผ่นหนึ่งให้กับนาง
ลักษะเป็นป้ายสงบสุขปลอดภัยที่เรียบง่ายที่สุด ไม่ถือว่าดีหรือไม่ดี ด้านหนึ่งแกะสลักเป็นคำว่ากำแพงเมืองปราณกระบี่ อีกด้านหนึ่งแกะสลักคำว่าใต้หล้าไพศาล
เพียงแต่ว่าด้านที่เป็นกำแพงเมืองปราณกระบี่นั้นนอกจากสองตัวอักษรขนาดเล็กคำว่า ‘อิ่นกวาน’ แล้ว ยังมีตัวเลขที่เขียนแบบบรรจงตัวเท่าหัวแมลงวันอีกหนึ่งตัว
อวิ๋นเชียนถามอย่างสงสัย “นี่คือ?”
น่าหลันไฉ่ฮ่วนยิ้มกว้าง “ข้าเพิ่งจะรับลูกศิษย์ผู้สืบทอดแทนเจ้ามาคนหนึ่ง นี่คือของขวัญกราบอาจารย์ของเขา”
อวิ๋นเชียนรู้สึกโมโหเล็กน้อย มีใครทำเหมือนเด็กเล่นแบบนี้กันบ้าง ตนยังไม่เคยพบหน้าอีกฝ่าย กลับมีลูกศิษย์ผู้สืบทอดเพิ่มมาคนหนึ่งแล้วอย่างนั้นหรือ?
น่าหลันไฉ่ฮ่วนยิ้มกล่าว “วางใจเถอะ คุณสมบัติในการฝึกตนของเด็กหนุ่มผู้นั้นไม่เลว อีกทั้ง…ยังไม่ใช่คนบ้าตัณหาน้อยแน่นอน!”
น่าหลันไฉ่ฮ่วนเอนกายพิงเก้าอี้ในห้องอวิ๋นเชียน ยกขาไขว่ห้างแล้วแกว่งไปแกว่งมา “หากว่าเขาเป็นผู้ฝึกกระบี่ ไหนเลยจะตกมาถึงเจ้าได้”
อวิ๋นเชียนยังพูดได้ง่าย นางกุมแผ่นหยกเอาไว้ในมือ ยกมือขึ้น ถามว่า “มีข้อพิถีพิถันอะไรหรือไม่?”
น่าหลันไฉ่ฮ่วนชี้มาที่นาง “ฝึกตนฝึกตนรู้แต่ฝึกตน นิสัยเสียๆ ที่สองหูไม่ฟังเรื่องนอกบ้านของเจ้านี่นะ ช่วงนี้ไม่ได้อ่านรายงานฉบับใหม่ล่าสุดบ้างเลยหรือ?”
อวิ๋นเชียนเอ่ยอย่างเขินอาย “อ่านบ้างเป็นบางครั้ง แต่ไม่ได้บ่อยนัก”
น่าหลันไฉ่ฮ่วนจึงยกเรื่องเก่ามาพูดให้ฟังอีกครั้ง บอกเล่าเรื่องวงในบางอย่างกับผู้คุมกฎบ้านตนคนนี้
ปีนั้นในการประชุมที่เรือนชุนฟาน พวกคนอย่างป๋ายซีของเรือข้ามฝาก ‘อ่างกระเบื้อง’ ไต้เฮาจาก ‘ไท่เกิง’ แห่งธวัลทวีป หลิ่วเซินเจ้าของเรือ ‘หนีซาง’ ของเกาะเซียนเจีย และยังมีฝูอวี่ของเรือ ‘หลิวจง’ หลิวเสียทวีป ฯลฯ เจ้าของเรือและผู้ดูแลห้าสิบสี่ท่านที่มาจากแปดทวีปของไพศาลเหล่านี้ แต่ละคนได้ของขวัญเล็กๆ ชิ้นหนึ่งไปจากอิ่นกวานหนุ่ม ถือว่าใครที่มาล้วนมีส่วนแบ่ง
นอกจากนี้ตัวเลขบนป้ายหยกของอู๋ฉิวเป็นเลขเก้า ถังเฟยเฉียนคือเลขสิบสอง หลิ่วเซินคือเก้าสิบหก
ใต้หล้าไพศาลในทุกวันนี้มีพวกชอบสอดรู้สอดเห็นทำการรวบรวมสถิติมาไว้ ถึงท้ายที่สุดก็ยังไม่อาจรวบรวมแผ่นหยกได้ครบเก้าสิบเก้าแผ่น มีแค่แปดสิบกว่าแผ่นเท่านั้น ถึงอย่างไรก็ไม่ถึงเก้าสิบ
นี่ก็เพราะจำนวนครั้งที่อิ่นกวานหนุ่มมาเข้าร่วมการประชุมมีไม่มาก บวกกับที่ถึงอย่างไรเรือข้ามทวีปที่ไปเยือนภูเขาห้อยหัวก็มีจำนวนจำกัด ต่อให้รวมทวีปแดนเทพแผ่นดินกลางเข้าไปด้วย รวมแล้วก็ยังมีแค่หนึ่งร้อยห้าสิบหกสิบลำเท่านั้น ในบรรดานี้ยังมีเรือข้ามฟากอีกไม่น้อยที่หลายปีหรืออาจถึงขั้นหลายสิบปีถึงจะไปเยือนภูเขาห้อยหัวสักรอบหนึ่ง
ว่ากันว่าเป็นตัวอักษรที่อิ่นกวานหนุ่มแกะสลักเองกับมือ แผ่นหยกทุกแผ่นล้วนมีปราณกระบี่ของเซียนกระบี่สองถึงสามท่านซุกซ่อนอยู่ หากอิงตามคำพูดของหมี่อวี้ในเวลานั้นก็คือ ไม่ถือว่ามีค่า แต่มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก
ไม่มีค่าจริงหรือ? หลอกผีน่ะสิ
ปีนั้นเจียงเกาไถก็เคยเป็นฝ่ายขอนำแผ่นหยกที่อยู่ในมือไปเปลี่ยนเป็นเลขเก้าสิบเก้ากับตัวเองมาก่อน
ตอนนี้มาลองนึกดูแล้วเจ้าของเรือเจียงผู้นี้ช่างมีสายตาสูงส่งมองการณ์ไกลจริงๆ! น่าเสียดายที่ทำไม่สำเร็จ
ส่วน ‘หนึ่ง’ และ ‘เก้าสิบเก้า’ นั้น แผ่นหยกที่ตัวเลขพิเศษที่สุดสองแผ่นนี้เคยปรากฏมาก่อนหรือไม่ หากปรากฎแล้วตกไปอยู่ในมือของใคร? จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีคนรู้
แผ่นหยกจำนวนไม่น้อยต่างก็ถูกเจ้าของเรือนำไปมอบให้กับลูกศิษย์ปิดสำนักหรือไม่ก็มอบให้กับลูกศิษย์ผู้สืบทอดในตระกูลบางคนที่มีหวังจะสร้างเกียรติยศให้กับวงศ์ตระกูล ต่างก็บอกให้ฝ่ายหลังเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี เพราะแผ่นหยกแผ่นนี้ ในช่วงเวลาที่เป็นกุญแจสำคัญก็คือยันต์คุ้มกันกายแผ่นหนึ่ง ถึงขั้นที่ว่ายังเป็น…ยันต์ช่วยชีวิต!
ส่วนของขวัญร่วมงานพิธีเปิดยอดเขาของเซียนดินโอสถทองบางส่วน ในฐานะงานเลี้ยงฉลองของศาลบรรพจารย์ในสำนัก ของขวัญชิ้นนี้ก็เคยเผยตัวบ้างเป็นบางครั้งเช่นกัน จากนั้นโลกภายนอกถึงได้เริ่มรู้จักมัน
การที่มีเรื่องประหลาดเช่นนี้ปรากฏขึ้นมา ก็เพราะว่าสำนักกระบี่หลงเซี่ยงแห่งทักษินาตยทวีปได้อาศัยรายงานของสำนักศึกษาจากสกุลเฉินผู้รอบรู้ให้นำข่าวหนึ่งไปป่าวประกาศแก่ทั่วทั้งใต้หล้า
สำนักกระบี่หลงเซี่ยงทั้งยอมรับคน แล้วก็ยอมรับแผ่นป้าย แต่ไม่ยอมรับภูเขาอย่างเดียวเท่านั้น สำนักกระบี่หลงเซี่ยงจะพิจารณาไปตามสถานการณ์ จะช่วยจัดการปัญหานั้นให้ จะช่วยให้ข้ามผ่านด่านยากไปหรือไม่ หากทำสำเร็จก็จะเก็บป้ายหยกคืนมา แต่หากช่วยไม่ได้ วันหน้าก็ค่อยว่ากัน
พูดง่ายๆ ก็คือป้ายหยกที่ได้มาจากเรือนชุนฟานภูเขาห้อยหัวเหล่านี้สามารถสืบทอดต่อกันไปเป็นรุ่นๆ ประหนึ่ง ‘บรรดาศักดิ์ขุนนาง’ แต่หากป้ายพวกนี้ไปตกอยู่ในมือของสำนักหรือตระกูลเซียนที่ถือป้ายหยกมาขอให้สำนักกระบี่หลงเซี่ยงช่วยเหลือ ขอโทษด้วย ทิ้งป้ายไว้ คนกลับไปซะ
หลังจากนั้นมาเซียนกระบี่ทั้งหลายที่เคยไปเยือนกำแพงเมืองปราณกระบี่มาก่อนอย่างเช่นเซี่ยซงฮวา ซ่งพิ่นและผูเหอ ต่างก็พากันขานรับ ทั้งเหมือนช่วยผลักดันให้สำนักกระบี่หลงเซี่ยงโดดเด่นขึ้น แต่ก็เหมือนกำลัง…แย่งการค้าด้วย?
อวิ๋นเชียนรู้ความจริงพวกนี้แล้วก็พยักหน้า “มิน่าเล่าถึงได้มีค่าขนาดนี้ เป็นยันต์ช่วยชีวิตจริงๆ สำหรับผู้ฝึกตนของใต้หล้าไพศาลแล้ว ต่อให้เก็บป้ายหยกไว้ไม่ใช้ สืบทอดต่อกันไปเป็นรุ่นๆ ก็จะกลายเป็นบารมีสยบขวัญที่มองไม่เห็นอย่างหนึ่งต่อศัตรูคู่แค้น เพียงแต่ว่าป้ายหยกประเภทนี้ สำหรับเจ้าสำนักแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีความจำเป็นเท่าไรกระมัง?”
น่าหลันไฉ่ฮ่วนกลอกตามองบน “เจ้าโง่หรือไร มีป้ายหยกแผ่นนี้ ในอนาคตหากว่าสำนักอวี่หลงมีเรื่องสำคัญ ยกตัวอย่างเช่นต้องหาตัวช่วย หรือไม่ก็เป็นเรื่องบางอย่างที่พวกเราไม่สะดวกจะเปิดเผย ก็สามารถไปหาลู่จือ หรือไม่ก็ซ่งพิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าผูเหอที่ใช้วิธีการป่าเถื่อนผู้นั้น ให้พวกเขาช่วยฟันคนแทนพวกเราได้อย่างไรล่ะ”
อวิ๋นเชียนพลันกระจ่างแจ้ง ก่อนจะถอนหายใจ ตนเป็นแค่ผู้คุมกฎที่เป็นเครื่องประดับเท่านั้นจริงๆ น่าหลันไฉ่ฮ่วนมาเป็นเจ้าสำนักก็ถูกต้องแล้ว
น่าหลันไฉ่ฮ่วนหันไปมองนอกหน้าต่าง ฤดูใบไม้ผลิกำลังจะมาเยือนแล้ว ทว่าอาณาเขตของสำนักอวี่หลงกลับมีหิมะใหญ่ตกลงมา
หวนนึกถึงอดีตอันห่างไกล เจ้าคนที่อายุน้อยๆ แต่กลับอยู่ในตำแหน่งสูงผู้นั้น ตอนที่อยู่ในห้องประชุมของเรือนชุนฟานก็นั่งเอามือข้างเดียวเท้าคาง เหม่อมองหิมะใหญ่เท่าขนห่านที่ตกอยู่นอกประตูอยู่อย่างนั้น
มารดามันเถอะ ตอนนี้น่าหลันไฉ่ฮ่วนมาย้อนนึกดูถึงเพิ่งรู้สึกว่าอีกฝ่ายไร้มารยาทสิ้นดี
เรือข้ามทวีปลำแรกที่ไปเยือนภูเขาห้อยหัวในประวัติศาสตร์คือเรือ ‘เจิ่นสุ่ย’ ของทักษินาตยทวีป
ลำที่สองเป็นของสำนักแห่งหนึ่งของฝูเหยาทวีปที่ชื่อว่าภูเขาอวิ๋นตู้ เรือข้ามฟากมีชื่อว่า ‘ฝู่หย่าง’ และเรือข้ามฟากลำที่สามก็คือ ‘ถงส่าน’ ของใบถงทวีป ซึ่งกลายเป็นซากเรืออับปางไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้กำแพงเมืองปราณกระบี่เคยมีการเซ่นไหวอยู่ไกลๆ ครั้งหนึ่ง
ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่การเซ่นกระบี่ทั่วทั้งทวีปของอุตรกุรุทวีปก็มีจุดเริ่มต้นมาจากเหตุนี้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!