สายตาของเด็กสาวฉายแววไม่พอใจ พลิกเปิดบัญชีเก่าไปแล้วนางก็กลับมามีท่าทีผ่อนคลายได้อีกครั้ง โบกมือเอ่ย “ช่างเถอะๆ ข้ารู้แต่แรกแล้วว่าเจ้ามาจากสำนักโองการเทพที่สูงส่งเหนือใคร ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางสวมกวานเต๋าเช่นนี้ สถานะนักพรตของเจ้าย่อมเป็นของจริง แต่ข้าก็ไม่ใช่ภูตในป่าเขาที่เป็นกบในกะลา รู้ว่านักพรตสายของพวกเจ้าไม่ใช่สายดั้งเดิม กับฉีเทียนจวินก็ไม่ใช่นักพรตบนเส้นทางเดียวกัน ควันธูปกระจัดกระจายจนน่าสงสาร อยู่ในสำนักโองการเทพก็มีสภาพน่าอนาถมากขึ้นทุกปี ได้แต่อาศัยการขายเอกสารรับรองการออกบวชส่วนตัวมาประทังชีวิตไปวันๆ”
นักพรตหนุ่มเองก็ถอนหายใจเหมือนกัน “แม่นางกล่าวได้ถูกแล้วจริงๆ คือสภาพการณ์ที่น่าอนาถซึ่งย่ำแย่ขึ้นทุกปีจริงเสียด้วย”
เด็กสาวเอ่ย “ยังไม่ไปอีกหรือ? นึกว่ายันต์ผุๆ บนประตูแผ่นเดียวก็สามารถสกัดขวางข้าไว้ได้แล้ว?”
ลู่เฉินยิ้มกล่าว “คำโบราณบอกไว้ว่าช่วยคนอื่นก็คือการช่วยตัวเอง ออกมาอยู่ข้างนอกอาศัยสหาย ข้าก็แค่มาอาศัยสถานที่กินอาหารมื้อข้ามปีเท่านั้นเอง ไม่แน่อาจช่วยให้เจ้าหลบพ้นหายนะไปได้”
พูดมาถึงตรงนี้ ลู่เฉินก็หัวเราะร่า “คำว่า ‘คำโบราณ’ กับ ‘คำพังเพยว่าไว้’ ไม่ว่าตามหลังมาจะเป็นประโยคว่าอะไร ทางที่ดีที่สุดพวกเราก็ควรจะฟังไว้บ้างนะ”
เด็กสาวเอ่ยเย้ยหยัน “นักพรตน้อย เจ้ารู้หรือไม่ว่ากูไหน่ไนมีขอบเขตอะไร?”
ลู่เฉินทำสีหน้าตกตะลึง “คงจะไม่ใช่เทพเซียนผู้เฒ่าก่อกำเนิดที่เก็บงำประกายอย่างลึกล้ำหรอกนะ?”
เด็กสาวพลันโมโห เพราะนางคือเซียนดินโอสถทอง
เพียงแต่ว่าพ่อปู่ลำคลองที่ศาลเทพลำคลองเฝินเหอนอกเมืองกับศาลเทพอภิบาลเมืองในอำเภอต่างก็เข้าใจผิดคิดว่านางเป็นภูตต้นไม้ขอบเขตชมมหาสมุทรคนหนึ่ง เป็นเหตุให้ชื่อเสียงของนางไม่โด่งดังมาโดยตลอด
หลักๆ แล้วก็เป็นเพราะแคว้นเมิ่งเหลียงมีภูเขาจวนเซียนอยู่สองลูกที่ทำให้นางกริ่งเกรงอย่างมาก หากไม่เป็นเพราะมียันต์ช่วยชีวิตที่เก็บซ่อนไว้เป็นอย่างดีติดตัว หาไม่แล้วป่านนี้นางก็คงถูกเซียนซือกักตัวไปขังไว้บนภูเขาแล้ว
ใน ‘เรือนผีร้าย’ แห่งนี้ ย่อมต้องมีผีสาวแน่อยู่แล้ว เพียงแต่ว่าสิ่งชั่วร้ายที่เป็นผู้นั่งบัญชาการณ์อย่างแท้จริงกลับเป็นผีโอสถทองเฒ่าตนหนึ่ง นอกจากจะตบะสูงส่งแล้ว ยังมีจิตใจอำมหิตโหดร้าย ในอดีตก็เป็นเพราะมันที่แอบวางแผนอย่างลับๆ อาศัยมือของขุนนางในโลกคนเป็นถึงได้รื้อศาลหลวี่กง ยึดครองพื้นที่ฮวงจุ้ยมงคลแห่งนี้มาเป็นลานประกอบพิธีกรรมของตัวเอง หมายจะอาศัยสิ่งนี้มาเลื่อนเป็นก่อกำเนิด ถึงขั้นยังจงใจย้ายดอกโบตั๋นดอกหนึ่งมาปลูกไว้ที่นี่ อาศัยกลิ่นหอมของดอกไม้ดอกนี้มาอำพรางกลิ่นอายชั่วร้ายที่เหม็นคาวอย่างถึงที่สุดบนร่างของมัน และการที่ชายทรยศนามว่าเฉียนถงเสวียนมาพักอาศัยอยู่ที่นี่ก็เพราะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของเรือนแห่งนี้ เพื่อปราบผีที่สร้างภัยร้ายให้กับในพื้นที่ก็ได้สร้างค่ายกลใหญ่ไว้ก่อน ป้องกันไม่ให้เดือดร้อนไปถึงผู้บริสุทธิ์ จากนั้นก็เปิดฉากเข่นฆ่ากับผีโอสถทอง ยอมให้วัตถุแห่งชะตาชีวิตสองชิ้นแหลกสลายและรากฐานมหามรรคาถูกทำลายอย่างไม่เสียดาย ถึงกำราบผีตนนั้นไว้ในห้องลับที่อยู่ลึกใต้ดินได้ ใช้ยันต์ผนึกมันเอาไว้ บอกว่าจะกลับไปที่สำนักโองการเทพแล้วเชิญให้ผู้อาวุโสในภูเขามาถอนรากถอนโคนภัยร้ายนี้ เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าพอเขาจากไปก็จะไม่มีวันได้หวนคืนกลับมาอีก
เวลาผ่านไปนานหลายปีแล้ว ทุกๆ หลายปีที่ผ่านไป นางก็จะใช้วิชายันต์ที่เรียนมาจากนักพรตคนนั้นมาเพิ่มยันต์อีกแผ่นหนึ่งลงไปที่หน้าประตูห้องลับในใต้ดิน ทับซ้อนกันไว้เป็นชั้นๆ ยันต์เก่าสลายหายไปก็มียันต์ใหม่เพิ่มเข้ามา แต่เพียงแค่เพราะธรณีประตูของสายยันต์สูงเกินไป นางเองก็แค่พอจะมีพรสวรรค์ในการฝึกตนอยู่บ้างเล็กน้อย ไม่ได้รับการถ่ายทอดวิชาที่แท้จริง จึงได้แต่อาศัยปริมาณมาเอาชนะเท่านั้น
เบื้องหน้าบุปผาภายใต้แสงจันทร์ เหมือนเวลาเพิ่งผ่านไปได้ไม่นาน
ดวงดาวบนท้องฟ้าเคลื่อนคล้อย ม่านมุกทิ้งตัวสู่โลกมนุษย์ อาศัยอยู่ในภูเขามิอาจจำปีที่ผันผ่าน ชมบุปผาก็เหมือนชมเซียน
ผู้ที่กล่าวเพียงกล่าวจากปาก ผู้ที่ฟังกลับสลักไว้ในใจ
ลู่เฉินกอดกระบอกไม้ไผ่ไว้ในอ้อมอก สายตาอ่อนโยนลงหลายส่วน ยิ้มเอ่ยว่า “ขบวนทัพด้านนอกไม่เล็กเลย ผู้ฝึกตนอิสระกลุ่มนั้นมาเยือนครั้งนี้มีความคิดว่าจะต้องเอาชนะให้ได้ แม่นางเจ้าเองก็สัมผัสได้แล้วหรือ? อีกฝ่ายเรียกท่าไม้ตายออกมาแล้ว สามารถ ‘เชิญเทพมาจุติ’ ได้ แม้จะบอกว่ามีสองคนคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากศาลเถื่อนที่ได้แต่มีชีวิตอยู่รอดไปวันๆ แต่สำหรับการรับมือกับพี่สาวผีหญิงทั้งสามที่เป็นลูกน้องของเจ้ากลับมากพอเหลือแหล่ อีกอย่างเจ้าที่เป็นโอสถทองสามารถปกป้องร่างจริงของตัวเองได้ แต่จะปกป้องประตูบานนั้นไว้ได้หรือ? ถึงอย่างไรผินเต้าก็คิดว่ายาก ยากมากๆ เลยล่ะ”
สีหน้าของเด็กสาวเปลี่ยนไปเล็กน้อย เตรียมจะวิ่งไปขอความช่วยเหลือ
คิดไม่ถึงว่านักพรตหนุ่มแค่เป่าลมหนึ่งครั้ง ยันต์กระดาษเหลืองที่แปะบนประตูห้องครัวก็ลอยไปตามลมแล้วมาหล่นลงบนไหล่ของเด็กสาวพอดี
ดูเหมือนเด็กสาวจะถูกแปะยันต์กักร่าง เซียนดินโอสถทองผู้ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าอย่างไรก็มีอาจโคจรโอสถทองให้ควบคุมปราณวิญญาณได้ ถึงกับมิอาจขยับได้แม้แต่ครึ่งก้าว
ลู่เฉินเอาหน้าแนบกระบอกไม้ไผ่ มองเด็กสาวที่ร้อนใจราวกับไฟลน ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “จะร้อนใจไปไย รอดูงิ้วสนุกๆ ก็พอแล้ว ผินเต้าคนนี้ อย่างอื่นมีไม่มาก มีแต่สหายบนภูเขาที่มีมาก บังเอิญนัก วันนี้ก็มีอยู่คนหนึ่งพอดี”
ก่อนหน้านี้บนร่างมีเส้นด้ายผลกรรมสองเส้นชักนำ หนึ่งคนหนึ่งเรื่องราว หนึ่งหนาหนึ่งบาง อย่างหลังก็คือเด็กชายคนนั้น ส่วนอย่างแรกก็คือสหายเก่าคนหนึ่ง
คนผู้นี้เดิมทีไม่ได้เร่งเดินทาง แต่พอสัมผัสได้ถึงความผิดปกติก็เริ่มทะยานลมมายังที่แห่งนี้อย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบแล้ว
เด็กสาวยืนนิ่งไม่ขยับ ได้แต่เบิกตามองนักพรตหนุ่มคนนั้นเริ่มง่วนทำอาหารคืนข้ามปี มือเท้าของเขาเคลื่อนไหวคล่องแคล่ว คุ้นเคยจนเหมือนมีหน้าที่ทำอาหารอยู่ในอารามเต๋าโดยเฉพาะ
เป็นคนจะปฏิบัติกับตัวเองแย่ๆ ไม่ได้
เหล้าสองกา
ทำอาหารคาวสามจาน ไก่ตุ๋นหนึ่งหม้อ หน่อไม้หน้าหนาวตุ๋นเนื้อเค็มหนึ่งหม้อ ปูนึ่งหนึ่งจานใหญ่
นักพรตหนุ่มยังหยิบเอาถาดเก้าช่องที่วาดลวดลายดอกไม้งดงามออกมาด้วย ทว่าในถาดกลับวางลิ้นจี่ไว้จนเต็ม ไม่ใช่ลิ้นจี่สดใหม่ แต่เป็นลิ้นจี่แห้ง
หน่อไม้คือของดีในบรรดาผัก ลิ้นจี่คือของดีในบรรดาผลไม้ ปูคือของดีในบรรดาอาหารทะเล เหล้าคือของดีของเครื่องดื่ม
ของดีทั้งสี่อย่างขึ้นโต๊ะครบครัน
นอกศาลเทพลำคลองเฝินเหอ ริมสระน้ำ เฉินผิงอันยังตกปลาไม่ได้สักตัว
ชิงถงมองภาพในน้ำแล้วก็เอ่ยอย่างตะลึงว่า “ถึงกับเป็นเขา?”
ตามหลักแล้วคนผู้นี้ไม่ควรปรากฏตัวที่นี่เด็ดขาด
มิน่าเล่าเจ้าลัทธิลู่ถึงได้เร่งเดินทางมาที่นี่ ที่แท้ก็มารำลึกความหลังนี่เอง
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “เจ้ารู้จักอีกแล้วหรือ?”
ชิงถงเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “คนผู้นี้เป็นทั้งอาจารย์ผู้ถ่ายทอดวิชาให้กับสุยโย่วเปียน ทั้งยังเป็นอาจารย์สอนวรยุทธให้กับนาง ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร”
อีกอย่างคนผู้นี้ก็ยังเป็น ‘หลูเซิง’ ที่เคยเดินไปบนเส้นทางฝั่งซ้ายสู่หานตัน ทั้งยังถูกนักพรตฉุนหยางถือโอกาสให้คำชี้แนะด้วย
เฉินผิงอันถาม “ถ้าอย่างนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าหลังจากเขาออกไปจากพื้นที่มงคลดอกบัว เลือกที่จะปิดบังชื่อแซ่อยู่ในพื้นที่มงคลถ้ำเมฆานานหลายปีขนาดนั้นเพราะวางแผนจะทำเรื่องอะไร?”
ชิงถงส่ายหน้า “เรื่องที่เกี่ยวข้องกับเจ้าอารามผู้เฒ่า ข้าไม่กล้าพูดมาก”
เฉินผิงอันจึงเปลี่ยนคำถามใหม่ “เกี่ยวกับการสืบทอดควันธูปของพรรคโหลวกวานลัทธิเต๋า รวมไปถึงบรรพบุรุษของแซ่ ‘เส้า’ ระดับฐานะของตระกูล การเคลื่อนย้ายและกระจายตัว ในมือของเจ้ามีบันทึกหรือหนังสือที่เกี่ยวข้องอยู่บ้างหรือไม่?”
ชิงถงกล่าว “ไม่มีจริงๆ”
ระบบสายเต๋าของอารามจินติ่งมีต้นกำเนิดมาจากพรรคโหลวกวานของลัทธิเต๋า เคยมีนักพรตที่ผูกหญ้าให้กลายเป็นหอเรือน มองดาวพิศลมปราณ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!