กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 938

สรุปบท บทที่ 938.1 ข้าคือเจ้าแห่งวิถีบูรพา (เจ็ด): กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!

อ่านสรุป บทที่ 938.1 ข้าคือเจ้าแห่งวิถีบูรพา (เจ็ด) จาก กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! โดย Internet

บทที่ บทที่ 938.1 ข้าคือเจ้าแห่งวิถีบูรพา (เจ็ด) คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายกำลังภายใน กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

ทาง​ฝั่งของ​ศาล​เทพ​ลำคลอง​เฝิน​เห​อ​ ทัศนียภาพ​ที่​เฉิน​ผิง​อัน​กับ​ชิงถงได้​เห็น​มีมุมมอง​ที่​แตกต่าง​ ดังนั้น​ต่าง​คน​จึงต่าง​เห็น​กัน​คนละอย่าง​ แบ่ง​เป็น​ก่อน​และ​หลัง​

รอ​กระทั่ง​ชิงถงเดินเที่ยว​ไป​ตาม​ตำหนัก​ทั้งหลาย​เสร็จ​แล้ว​ถึงสังเกตเห็น​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​ไม่ได้​อยู่​ใน​ศาล​พ่อ​ปู่​ลำคลอง​แห่ง​นี้​แล้ว​

เดิน​ออกจาก​ประตู​ใหญ่​ของ​ศาล​มา ชิงถงเห็น​คน​ชุด​เขียว​นั่ง​อยู่​บน​ม้านั่ง​ไม้ไผ่​ตัวเล็ก​ที่​ตั้งอยู่​ใน​ร่ม​ต้น​หลิว​ริม​สระน้ำ​กว้างใหญ่​ ทั้ง​ยัง​เริ่ม​เหวี่ยง​เบ็ด​ตกปลา​

ชิงถงเดิน​ไปหา​ ถามว่า​ “ยังมี​เก้าอี้​อีก​ไหม​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ชี้นิ้ว​ไป​ที่​ปาก​ บอกเป็นนัย​ให้​เบา​เสียง​หน่อย​ จากนั้น​บิด​ข้อ​มือหนึ่ง​ที​ก็​มีเก้าอี้​ไม้ไผ่​เขียว​ตัวเล็ก​อีก​ตัว​เพิ่ม​มา ยื่น​ส่งให้​ชิงถง

ชิงถงนั่งลง​ด้าน​ข้าง​ กด​เสียง​ลง​ต่ำ​ ถามอย่าง​สงสัย​ “นี่​คือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​พูด​กลั้ว​หัวเราะ​เบา​ๆ “รอคอย​ฟ้าอำนวย​”

เห็น​ชิงถงมีท่าทาง​มึนงง​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ผงก​ปลาย​คาง​ เอ่ย​เตือน​ว่า​ “มอง​น้ำ​ไป​ก่อน​ชั่วคราว​”

ชิงถงจึงจ้องมอง​ไป​ที่​ผิวน้ำ​ น้ำ​ใน​สระ​ใสเหมือน​กระจก​ และ​ใน​กระจก​ก็​มีภาพ​จวน​ที่​ผุพัง​สภาพ​เก่า​โทรม​ ใน​ม้วน​ภาพ​มีเงาคน​วูบวาบ​

คือ​การ​มอง​ขุนเขา​สายน้ำ​ผ่าน​ฝ่ามือ​ วิธีการ​ของ​เซียน​ดิน​ที่​ไม่ถือว่า​สูงส่งสัก​เท่าไร​

หลังจากที่​จากลา​กับ​เด็กชาย​ที่​หมู่บ้าน​ชนบท​คน​นั้น​ นักพรต​หนุ่ม​ที่​ใน​อ้อม​อก​ตุง​ป่อง​ก็​ทะยาน​ร่าง​ขึ้น​จาก​พื้นดิน​ ลอยตัว​อยู่​กลางอากาศ​ เขย่ง​ปลายเท้า​ยืด​คอ​มอง​มาทางใน​เมือง​ ร้อง​เอ๊ะ​หนึ่ง​ที​ ถึงกับ​มีกลิ่นอาย​สกปรก​ชั่วร้าย​และ​ภาพ​บรรยากาศ​ของ​การ​ประลอง​เวท​คาถา​ของ​เทพ​เซียน​? คง​ไม่ใช่ว่า​เป็น​เรือน​ผี​หลัง​หนึ่ง​หรอก​กระมัง​? ไม่รู้​หรือว่า​วันนี้​ผิน​เต้า​ชื่อว่า​สวี​อู๋กุ่ย​แล้ว​นะ​ ดี​ๆๆ หากว่า​พวก​เจ้ายอม​พูดคุย​กัน​ดี​ๆ ก็​จะเป็นน้ำ​บ่อ​ที่​ไม่ยุ่ง​กับ​น้ำ​คลอง​ แต่​หาก​แม้แต่​ห้องครัว​ก็​ไม่ยอมให้​ผิน​เต้า​ยืม​ ถ้าอย่างนั้น​ก็​จะโทษ​ที่​ผิน​เต้า​ผดุง​ธรรม​แทน​สวรรค์​ไม่ได้​นะ​

ลู่​เฉิน​หันหน้า​ไป​มอง​เด็กชาย​แซ่เย่คน​นั้น​ ในอนาคต​เมื่อ​ไป​ถึงสำนัก​โองการ​เทพ​ ไม่แน่​ว่า​สามารถ​เป็นเพื่อน​กับ​นักพรต​น้อย​ที่​ชื่อว่า​อา​โห​ย่ว​ของ​อาราม​ชิวหา​ว​ผู้​นั้น​ได้​ ฝึก​ตน​ไป​ด้วยกัน​ เติบโต​ไป​ด้วยกัน​ อยู่​ด้วยกัน​นาน​วัน​เข้า​ก็​เป็น​สหาย​กัน​ได้​แล้ว​

อักษร​คำ​ว่า​ดวงจันทร์​คู่​กัน​ก็​คือ​คำ​ว่า​สหาย​ (เพื่อน​ภาษาจีน​คือ​ 朋友 ซึ่งคำ​ว่า​ 朋 ประกอบ​จาก​อักษร​ 月 สอง​ตัว​ ซึ่ง 月 ตัว​เดียว​แปล​ว่า​ดวงจันทร์​) อยู่​ใน​ใต้​หล้า​ไพศาล​ที่​มีเพียง​ดวงจันทร์​ดวง​เดียว​แห่ง​นี้​ หา​ได้​ยาก​ถึงเพียงใด​ ดังนั้น​จึงยิ่ง​ต้อง​ทะนุถนอม​เห็น​ค่า​สหาย​ที่​แท้จริง​ไว้​ให้​มาก​

ลู่​เฉิน​เดิน​ก้าว​ออก​ไป​หนึ่ง​ก้าว​ ตรงดิ่ง​มาถึงถนน​นอกบ้าน​หลัง​หนึ่ง​ที่​เล่าลือ​กัน​ว่า​มีผี​ร้าย​อาละวาด​ จากนั้น​ทำ​มุทรา​ รู้​ว่า​พื้นที่​ใกล้เคียง​มีชื่อว่า​ตรอก​อู้​เจิน​ เรือน​ใหญ่​เคย​เป็น​ศาล​หลวี่กง​ ประตู​ใหญ่​สีชาด​เต็มไปด้วย​หยากไย่​ สถานที่​แห่ง​นี้​ควัน​ธูป​ขาดสะบั้น​ไป​นาน​แล้ว​ ใน​ประวัติศาสตร์​เคย​ถูก​รื้อถอน​แล้ว​สร้าง​ขึ้น​มาเป็น​เรือน​พัก​ส่วนตัว​ หลังจากนั้น​ก็​เจอ​กับ​เหตุ​เปลี่ยนแปลง​อยู่​หลายครั้ง​ ส่วนใหญ่​ล้วน​มีผี​อาละวาด​ สุดท้าย​วัสดุ​ไม้เกิน​ครึ่ง​ที่​ใช้สร้าง​เรือน​ก็​ถูก​ย้าย​ไป​ไว้​ที่​ศาล​เทพ​ลำคลอง​เฝิน​เห​อ​ หน้า​ประตู​เหลือ​เพียง​สิงโต​หิน​ตัว​หนึ่ง​ ตรง​ลำคอ​มีหลุม​เว้า​เล็ก​ๆ เรียง​ยาว​คล้าย​รอย​ประทับตรา​ของ​ไข่มุก​

สถานที่​แห่ง​นี้​ถึงกับ​เป็นที่ตั้ง​เก่า​ของ​ศาล​ที่บูชา​นักพรต​ฉุน​หยาง​ คือ​เรื่อง​ที่​น่า​ประหลาดใจ​แต่​ก็​สมเหตุสมผล​ดี​

ลู่​เฉิน​ถอนหายใจ​ “สหาย​ฉุน​หยาง​เอ๋ย​สหาย​ฉุน​หยาง​ ที่แท้​ปี​นั้น​อยู่​ที่​ป๋า​ยอ​วี้​จิง พวกเรา​สอง​คน​ที่​เป็น​คนบ้านเดียวกัน​ก็ได้​ไป​พบ​เจอ​กันที่​ต่างบ้านต่างเมือง​หรือ​นี่​ ทุกวันนี้​เจ้าไม่อยู่​ไพศาล​ที่​เป็น​บ้านเกิด​มานาน​แล้ว​ กว่า​จะมีศาล​สัก​แห่ง​หนึ่ง​ได้​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​ คาดไม่ถึง​ว่า​จะตก​มามีสภาพ​เช่นนี้​ได้​ ก็ดี​เหมือนกัน​ ถือ​เสีย​ว่า​วันนี้​ผิน​เต้า​ได้​ใช้กำลัง​อันน้อย​นิด​ที่​มีช่วย​เพิ่ม​ควัน​ธูป​ให้​กับ​ศาล​ของ​เจ้าสัก​เล็กน้อย​ก็แล้วกัน​”

เพียงแต่​ไม่รู้​ว่า​หลวี่เหยียน​ผู้​นี้​ ทุกวันนี้​อยู่​ที่ไหน​ ทาง​ฝั่งของ​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ก็​ไม่มีข่าวคราว​ของ​หลวี่เหยียน​มานาน​มาก​แล้ว​

ลู่​เฉิน​หยิบ​ยันต์​ที่​ทำ​จาก​วัสดุ​สำหรับ​ใช้ประทับ​หยก​ลัญจกร​แผ่น​หนึ่ง​ออก​มาจาก​ชาย​แขน​เสื้อ​ ปาก​ท่อง​พึมพำ​ว่า​ ‘ฟ้าศักดิ์สิทธิ์​ดิน​ศักดิ์สิทธิ์​ เทพ​แสดง​อิทธิฤทธิ์​ ข้า​ทำตาม​’ ถอย​ไป​ข้างหลัง​หลาย​ก้าว​ ใช้มือ​ข้างเดียว​กด​ลมปราณ​สู่จุด​ตันเถียน​ ตวาด​เบา​ๆ หนึ่ง​ที​ ก้าว​เร็ว​ๆ ราวกับ​บิน​วิ่ง​ไป​ข้างหน้า​ ปลายเท้า​ดีด​พื้น​กระโดด​ขึ้น​สูง ผล​คือ​ได้​แต่​เหยียบ​ลง​บน​หัว​กำแพง​เท่านั้น​ โงนเงน​อยู่​หลาย​ที​ก็​ยัง​ยืน​ได้​ไม่มั่นคง​ ล้ม​ผลึ่ง​หงายหลัง​กลับ​ลงมา​บน​ถนน​อีกครั้ง​ โชคดี​ที่​ถนน​เส้น​นี้​ว่างเปล่า​ไร้​ผู้คน​จึงไม่มีใคร​เห็นภาพ​น่าขัน​นี้​

เห็น​เพียง​ว่า​นักพรต​หนุ่ม​ที่​ถือ​ยันต์​สีเหลือง​พยายาม​อีก​สอง​ครั้ง​ ในที่สุด​ก็​นั่ง​แปะ​ลง​ไป​บน​หัว​กำแพง​ได้​ หลังจาก​ลุกขึ้น​ยืน​แล้วก็​วิ่ง​ก้มตัว​ไป​บน​หัว​กำแพง​ตลอดทาง​ เดิน​ย่อง​ปีน​ข้าม​เรือน​หลัง​หนึ่ง​เข้าไป​ ยืด​คอ​มอง​ไป​ก็​เห็น​การเข่นฆ่า​ที่​อันตราย​กำลัง​ปะทุ​ดุเดือด​ ผู้ฝึก​ตน​อิสระ​ที่​เหมือน​มาจาก​สำนัก​เดียวกัน​หลาย​คน​ต่าง​ก็​ร่าย​วิชา​อภินิหาร​สู้รบ​พัวพัน​อยู่​กับ​สตรี​วัยกลางคน​สวม​กระโปรง​สีแดง​หน้าซีด​ขาว​ พอ​จะมองเห็น​ได้​อย่าง​เลือนราง​ว่า​ตรง​ลำคอ​ของ​นาง​ห้อย​เชือก​เส้น​หนึ่ง​ น่าจะเป็น​ผี​ที่​ผูกคอตาย​ เสียง​ตวาด​ของ​นาง​ดัง​ไม่หยุด​ ควัน​ดำ​กลิ้ง​หลุนๆ​ ถูก​พวก​เทพ​เซียน​ผู้เฒ่า​ที่มา​กำจัด​ปีศาจ​ปราบ​มาร​กลุ่ม​นั้น​อาศัย​เวท​คาถา​อัน​สูงส่งสลาย​ควัน​ดำ​ไป​ทีละ​กลุ่ม​ มอง​โดย​ภาพรวม​แล้ว​ถือว่า​ผลัดกัน​รุก​ผลัดกัน​รับ​ ฝ่าย​หนึ่ง​ขว้าง​คาถา​เซียน​ อีก​ฝ่าย​หนึ่ง​ก็​ใช้วิธีการ​ลับๆ ล่อๆ​ ตระการตา​น่าดู​ชมยิ่งนัก​ ถือได้ว่า​เจอ​กับ​คู่มือ​ที่​สมน้ำสมเนื้อ​

ลู่​เฉิน​นั่ง​อยู่​บน​หลังคา​เงียบๆ​ ขยับ​สายตา​ไป​มอง​ดอก​โบตั๋น​ดอก​หนึ่ง​ใน​เรือน​ด้านหลัง​ น่าจะ​ย้าย​มาปลูก​จาก​ที่อื่น​ ผ่าน​กาลเวลา​มาหลาย​ยุค​หลาย​สมัย​ หลังจาก​กลายเป็น​ภูต​หลอม​เรือน​กาย​สำเร็จ​ อายุขัย​ใน​การ​ฝึก​ตน​ก็​ไม่น้อย​ น่าจะ​เป็นเจ้าของ​ที่​แห่ง​นี้​ครึ่งตัว​แล้ว​ คอย​นำพา​พวก​ผี​พยาบาท​กลุ่ม​หนึ่ง​มาสร้าง​ความหวาดกลัว​ให้​กับ​คน​บน​โลก​มนุษย์​ ยึด​ครองเรือน​ใหญ่​หลัง​นี้​ ดูท่า​แล้ว​น่าจะ​ยัง​ไม่เคย​ก่อกรรมทำเข็ญ​อะไร​ อย่าง​มาก​ก็​แค่​หลอก​พวก​บุรุษ​ฉกรรจ์​ขี้เมา​ที่​ดึกดื่น​ไม่ยอม​กลับบ้าน​ หรือไม่​ก็​พวก​คน​ตี​ฆ้อง​บอก​เวลา​ ให้​พวกเขา​เดิน​ละเมอ​แล้ว​พา​มาร่วม​สร้าง​เมฆก่อ​ฝน​ด้วยกัน​คำรบ​หนึ่ง​เพื่อ​ขโมย​ปราณ​หยาง​ ตอน​ฟ้าสว่าง​ก็​โยน​ออก​ไป​จาก​บ้าน​

ก็​ไม่แปลกที่​เทพ​วารี​ที่​ศาล​เทพ​ลำคลอง​เฝิน​เห​อ​แห่ง​นั้น​เลือก​ที่จะ​เอา​หู​ไป​นา​เอา​ตา​ไป​ไร่​กับ​ทุกอย่าง​ที่​เกิดขึ้น​ที่นี่​ หนึ่ง​เพราะ​ไม่มีการกระทำ​ที่​เป็นการ​ก่อกรรมทำเข็ญ​ สอง​คือ​คิด​จะสยบ​กำราบ​ ‘เรือน​ผี​’ แห่ง​นี้​ก็​ต้อง​โยกย้าย​กองกำลัง​ เท่ากับ​ว่า​ทั้งสองฝ่าย​ฉีกหน้า​แตกหัก​กัน​อย่าง​สิ้นเชิง​ เมื่อ​ต่อสู้​กัน​อย่าง​จริงจัง​ขึ้น​มา อย่าง​น้อย​คาด​ว่า​อำเภอ​แห่ง​นี้​ก็​คง​รักษา​ไว้​ไม่อยู่แล้ว​ นอกจากนี้​ความสามารถ​ของ​เทพ​อภิบาล​เมือง​และ​สิ่งศักดิ์สิทธิ์​แห่ง​ภูเขา​สายน้ำ​ที่อยู่​ใกล้เคียง​ กับ​กองกำลัง​น้อย​นิด​ใต้​อาณัติ​ของ​พวกเขา​ หาก​คิด​จะงัดข้อ​กัน​จริงๆ​ ก็​มีแต่​จะบุก​มาเอาเรื่อง​อย่าง​ดุดัน​ แต่​ต้อง​กลับ​ไป​ด้วย​หน้าตา​มอมแมม​หมองหม่น​

คน​และ​ผี​สอง​ฝ่าย​ที่​ประลอง​คาถา​กัน​อยู่​ใน​เรือน​ มีคน​ผู้​หนึ่ง​ตาแหลม​มองเห็น​นักพรต​หนุ่ม​ที่​ทำท่า​ลับๆ ล่อๆ​ อยู่​บน​หลังคาเรือน​ พลัน​สบถ​ด่า​ดังลั่น​ “เจ้าจมูก​โค​หน้า​เหม็น​ตัว​น้อย​ ถึงกับ​กล้า​มาแย่ง​การค้า​กับ​นาย​ท่าน​ใหญ่​ที่นี่​เชียว​หรือ​?! รีบ​ไสหัวไป​ให้​ไกล​เลย​!”

เห็น​เพียง​ว่า​นักพรต​หนุ่ม​คน​นั้น​พูด​ด้วย​ท่าทาง​เที่ยงธรรม​มีเหตุมีผล​ “นับแต่​โบราณ​มาการ​กำจัด​ปีศาจ​ปราบ​มาร​ คน​ที่​ผ่าน​ทาง​มาพบเห็น​ล้วน​มีส่วน​ด้วย​ แล้ว​นับประสาอะไร​กับ​ที่​ผิน​เต้า​เกิด​มาก็​มีกระดูก​ที่​แข็งแกร่ง​ มีจิตใจ​ของ​จอม​ยุทธ​…”

คน​ผู้​นั้น​ตวาด​ดังลั่น​ “ไร้ยางอาย​!”

จากนั้น​ก็​มีมีด​บิน​พุ่ง​ออก​มาจาก​ชาย​แขน​เสื้อ​ รวดเร็ว​เหมือน​ดาวตก​ แต่​กลับเป็น​แค่​ปลาย​ด้าม​มีด​เท่านั้น​ที่​พุ่งชน​หน้าผาก​ของ​นักพรต​ปากมาก​ผู้​นั้น​ ได้ยิน​เสียงร้อง​โอ้ย​ด้วย​ความเจ็บปวด​ นักพรต​หนุ่ม​ถูก​โจมตี​ก็​หงายหลัง​ผลึ่ง​ กลิ้ง​หล่น​ไป​จาก​หลังคา​แล้ว​หาย​ไป​ไม่เห็น​เงาอีก​

ผี​หญิง​ใน​เรือน​ที่​ตรง​คอ​มีเชือก​รัด​พัน​มีกระบวนท่า​วิชา​ผี​ให้​ใช้ซ้ำไปซ้ำมา​แค่​ไม่กี่​ท่า​เท่านั้น​ อีก​ฝ่าย​กลับ​มาก​คน​มาก​อำนาจ​ อีก​ทั้ง​ผู้ฝึก​ตน​กลุ่ม​นั้น​ยัง​เป็น​บุรุษ​ เดิมที​ก็​มีปราณ​หยาง​เต็ม​ร่าง​ เมื่อ​รวมตัว​อยู่​ด้วยกัน​ พลัง​อำนาจ​จึงค่อนข้าง​กร้าว​แกร่ง​ นาง​เริ่ม​ค่อยๆ​ ตก​เป็นรอง​ จึงรีบ​หันหน้า​ไป​ตะโกนเรียก​ “น้องสาว​รีบ​มาช่วย​ข้า​เร็ว​เข้า​!”

ทว่า​คำพูด​สุภาพ​ไพเราะ​พวก​นี้​ของ​เจ้า ดูเหมือนว่า​จะไม่ค่อย​คล้องจอง​สัก​เท่าไร​เลย​นะ​

นักพรต​หนุ่ม​เหมือน​จะมอง​ความคิด​ของ​นาง​ออก​จึงพูดจา​วางโต​อย่าง​ไม่ละอาย​ว่า​ “แม่นาง​เจ้าแค่​เข้าใจ​ความหมาย​ก็​พอแล้ว​ นี่​เรียก​ว่า​ได้​ใจความสำคัญ​แต่​ลืม​ภาพลักษณ์​ (สามารถ​เปรียบเปรย​ถึงคน​ที่​ดีใจ​จน​หลงระเริง​ได้​ด้วย​) ส่วน​คล้องจอง​หรือไม่​คล้องจอง​ ล้วน​เป็นเรื่อง​รอง​ลงมา​ เท่ากับ​ว่า​เป็น​ข้อปลีกย่อย​ที่​ไม่สำคัญ​”

เด็กสาว​พลัน​พูด​ด้วย​สีหน้า​ดุร้าย​ “ข้า​เปลี่ยนใจ​แล้ว​ เดิมที​แค่​เห็น​เจ้าแล้ว​รู้สึก​รำคาญ​ ที่แท้​ได้ยิน​เจ้าพูด​กลับ​รำคาญ​ยิ่งกว่า​ ไม่รั้ง​แขก​ไว้​แล้ว​ รีบ​ออก​ไป​จาก​ที่นี่​ซะ!”

“อย่า​เพิ่ง​เปลี่ยนใจ​สิ ผิน​เต้า​แซ่สวี​นาม​อู๋กุ่ย​ ส่วน​ฉายา​น่ะ​หรือ​ ประสบการณ์​ใน​ภูเขา​ยัง​ตื้นเขิน​ แล้วก็​ออกมา​ฝึก​ประสบการณ์​นอก​ภูเขา​ได้​ไม่นาน​เท่าไร​ ยัง​ไม่อาจ​สะสมบุญบารมี​ได้​ครบ​สามพัน​ครั้ง​ ตอนนี้​ยัง​ไม่มีฉายา​”

นักพรต​หนุ่ม​ร้อนใจ​แล้ว​เหมือนกัน​ “นอกจากนี้​สาย​นี้​ของ​ผิน​เต้า​ก็​มีกฎ​อยู่​ข้อ​หนึ่ง​ว่า​พูดถึง​บรรพบุรุษ​ไม่พูดถึง​อาจารย์​ ดังนั้น​หาก​เจ้าจะถามถึงอาจารย์​ผู้​ถ่ายทอดวิชา​ให้​กับ​ข้า​ หรือ​เรื่อง​ระบบ​สาย​เต๋า​ โปรด​อภัย​ที่​ผิน​เต้า​ไม่อาจ​บอก​ได้​”

พอ​เด็กสาว​ได้ยิน​มาถึงตรงนี้​ก็​เก็บ​สีหน้า​เดือดดาล​มา เพียงแค่​หลุด​หัวเราะ​พรืด​ “ถ้าอย่างนั้น​ก็​แสดงว่า​มีอาจารย์​ที่​ธรรมดา​สินะ​ ต่อให้​ยก​ชื่อ​อาจารย์​มาก็​ทำให้​คน​ตกใจกลัว​ไม่ได้​”

นักพรต​หนุ่ม​พูด​คล้าย​คน​ที่​อับอาย​จน​พาน​เป็น​โกรธ​ “ไม่ทำให้​คน​ตกใจกลัว​? ผี​ก็​ยัง​ตกใจกลัว​เลย​!”

เด็กสาว​เหลือบมอง​กวาน​เต๋า​ของ​อีก​ฝ่าย​แล้ว​โบกมือ​ “ไป​เถอะ​ๆ อย่า​มาร่วมวง​ความ​ครึกครื้น​ที่นี่​เลย​ หาก​ไม่เป็น​เพราะ​เห็นแก่​วาสนา​ที่​มีกับ​ลัทธิ​เต๋า​ใน​อดีต​ วันนี้​อย่าง​น้อย​เจ้าก็​ต้อง​นอน​ออก​ไป​แล้ว​ จะทำให้​เจ้ามีบทเรียน​ให้ได้​ว่า​ใน​เมื่อ​มรรค​กถา​ตื้นเขิน​ วิชา​คาถา​ไม่ได้เรื่อง​ก็​อย่า​คิด​ว่า​มีอาจารย์​เป็น​ที่พึ่ง​แล้ว​จะทำ​อะไร​ตามใจ​ วิ่ง​เตร็ดเตร่​ไป​ทั่ว​ได้​ เหนือ​คน​ยังมี​คน​ ต้อง​เจอ​กับ​ความลำบาก​ใหญ่หลวง​แน่​”

ดวงตา​คลอ​ประกาย​น้ำ​ของ​เด็กสาว​เกิด​ริ้ว​กระเพื่อม​ไหว​ ชี้นิ้ว​ไป​ที่​กวาน​เต๋า​เหนือศีรษะ​ของ​นักพรต​หนุ่ม​ อีก​มือหนึ่ง​ปิดปาก​หัวเราะ​คิกคัก​ “นักพรต​น้อย​ยัง​เสแสร้ง​สวมรอย​เป็นยอด​ฝีมือ​ให้​ข้า​ดู​ ทำไม​ คิด​ว่า​อีก​เดี๋ยว​หาก​สู้ไม่ได้​ก็​จะยก​อาจารย์​ออกมา​ขู่​กู​ไห​น่​ไน​อย่าง​ข้า​หรือ​? ถ้าอย่างนั้น​เจ้ารู้​หรือไม่​ว่า​ ข้า​กับ​อาจารย์​ปู่​ของ​เจ้ายัง​เคย​เป็น​คนรัก​เก่า​กัน​ด้วย​นะ​”

“คนรัก​เก่า​?!”

เห็น​เพียง​ว่า​นักพรต​หล่อเหลา​ที่​มีริมฝีปาก​แดงก่ำ​ฟัน​ขาว​ ได้ยิน​ประโยค​นี้​แล้ว​ทำท่า​เหมือน​ถูก​ฟ้าผ่า​ ดวงตา​ไร้​แวว​ พูด​พึมพำ​ว่า​ “ทำไม​ผิน​เต้า​ถึงไม่รู้​เลย​ล่ะ​?!”

“เจ้าจะรู้​ได้​อย่างไร​ เป็นเรื่อง​เก่าเก็บ​หลาย​ร้อย​ปี​มาแล้ว​ หลัง​ออก​ไป​จาก​ที่นี่​ กลับ​ไป​ที่​อาราม​เต๋า​ใน​ภูเขา​ หาก​สนใจ​ก็​ลอง​ไป​พลิก​ดู​ทำเนียบ​ หา​อ่าน​อย่าง​ละเอียด​ว่า​มีคน​ที่​ชื่อว่า​เฉียนฉง​เสวียน​ ฉายา​หลง​เหว่​ย​ซาน​เห​ริน​อยู่​หรือไม่​ ก็​คือ​เขา​นั่นแหละ​ เจ้าคน​ใจจืดใจดำ​ มีใจเป็น​โจร​แต่​ไม่มีความกล้า​จะเป็น​โจร​ รังเกียจ​ว่า​ชาติกำเนิด​ของ​ข้า​ไม่ถูกต้อง​ ไม่กล้า​พา​กลับ​ภูเขา​ไป​ด้วย​ เป็น​ภูต​ต้นไม้​แล้ว​อย่างไร​ จวน​เทียน​ซือ​ภูเขา​มังกร​พยัคฆ์​ที่​ทวีป​แดน​เทพ​แผ่นดิน​กลาง​ก็​มีโถงเซียน​จิ้งจอก​อยู่​แห่ง​หนึ่ง​ไม่ใช่หรือ​ ชาติกำเนิด​ของ​นาง​ยัง​สู้ข้า​ไม่ได้​เลย​นะ​”

——

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!