กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 937

คำ​ว่า​เมล็ด​พันธ์​เต๋า​ ครรภ์​เซียน​แต่กำเนิด​ แทบจะ​มีลักษณะ​ร่วมกัน​อยู่​อย่างหนึ่ง​ นั่น​ก็​คือ​…ห่างเหิน​ไร้​น้ำใจ​

คน​หลาย​คน​ที่​เดิน​ขึ้น​เขา​ฝึก​ตน​ตั้งแต่​อายุ​ยัง​น้อย​ บน​ร่าง​มักจะ​พกพา​เอา​กลิ่นอาย​เซียน​นี้​ไป​ไม่มาก​ก็​น้อย​ สายตา​เย็นชา​ บุคลิก​เย็นชา​ เย็นชา​ลึก​ถึงกระดูก​

อยู่​ห่างไกล​จาก​ฝุ่นผง​ใน​โลก​โลกีย์​ ออกห่าง​จาก​ผู้คน​ใช้ชีวิต​อยู่​เพียงลำพัง​ ใช้พื้นที่​เพียง​คืบ​ พื้นที่​เท่า​เบาะ​รอง​นั่ง​เล็ก​ๆ ใบ​หนึ่ง​ หรือไม่​ก็​เรือน​แห่ง​ใจเล็ก​ๆ แห่ง​หนึ่ง​ ฝึก​ตน​จน​มีกิ่งทองใบหยก​ หลอม​อวัยวะภายใน​ให้​เหมือน​หิมะ​

สามารถ​เรียกขาน​ผู้ฝึก​ตน​ใน​ใต้​หล้า​ว่า​ ‘คนปัญญาอ่อน​’ ได้​ คาด​ว่า​ก็​คง​มีแค่​ลู่​เฉิน​คนเดียว​เท่านั้น​จริงๆ​

ถึงอย่างไร​ก็​ไม่เคย​กลัว​ว่า​จะถูก​คน​ตี​อยู่แล้ว​

ลู่​เฉิน​ขยับ​ก้น​ไป​เก็บ​กิ่งไม้​ที่​โยนทิ้ง​ไป​ก่อนหน้านี้​กลับมา​อีก​คั้ง​ เขียน​อักษร​คำ​ว่า​ ‘หลา​ง’ ลง​ไป​บน​พื้น​ ลังเล​เล็กน้อย​ก็​เพิ่ม​อีก​คำ​หนึ่ง​เป็น​คำ​ว่า​ ‘แจว๋’​

ลู่​เฉิน​ยิ้ม​ถาม “เจ้าคิด​ว่า​ตัวอักษร​ตัว​ไหน​ถูกชะตา​มากกว่า​?”

เด็กชาย​ก้มหน้า​มอง​ตัวอักษร​สอง​ตัว​ด้วย​สีหน้า​จริงจัง​ ไม่ยินดี​จะพูดโกหก​ พอ​เงยหน้า​ขึ้น​จึงกล่าว​ด้วย​สีหน้า​ลำบากใจ​ว่า​ “ดี​ทั้งสอง​ตัว​”

ได้​รู้จัก​ตัวอักษร​อีก​สอง​ตัว​แล้ว​

ลู่​เฉิน​ร้อง​โอ้โห​หนึ่ง​ที​ ก่อน​จะยิ้ม​กล่าวว่า​ “ดีมาก​ๆ ชื่อ​ก็​คือ​เย่​หลา​ง ในอนาคต​บน​เส้น​ทางการ​ฝึก​ตน​ แม้แต่​ฉายา​ก็​มีแล้ว​ เรียก​ว่า​ ‘โฮ่ว​แจว๋’”​

ล้วน​เป็น​คน​ที่​ยัง​ไม่ตื่น​อยู่​ใน​ร่ม​แห่ง​ต้น​ไหว​ ต้อง​ดู​แค่​ว่า​ฝัน​ใหญ่​ใคร​จะตื่นขึ้น​มาก่อน​

“เจี้ย​วจา​ก​คำ​ว่า​ ‘สุ้ยเจี้ยว’​ นอนหลับ​ แจว๋​จาก​คำ​ว่า​ ‘แจว๋​สิ่ง’ สำนึก​ตื่น​ ออกเสียง​ต่างกัน​ แต่​เป็น​คำ​เดียวกัน​ สอง​ความหมาย​”

ลู่​เฉิน​ถือ​กิ่งไม้​ชี้ไป​ที่​อักษร​คำ​ว่า​ ‘แจว๋’​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ลำพัง​เพียงแค่​อักษร​ตัว​นี้​ พวกเรา​ก็​ต้อง​โขก​หัว​ให้​กับ​ท่าน​บรรพ​จารย์​หนึ่ง​พัน​ครั้ง​แล้ว​”

มอง​เด็กชาย​ตรงหน้า​ผู้​นี้​ทำให้​ลู่​เฉินอด​นึก​ไป​ถึงเด็กหนุ่ม​จาก​ตรอก​หนี​ผิง​ผู้​นั้น​ไม่ได้​

คิดดู​แล้ว​สำหรับ​พวกเขา​ การ​ไป​ไหว้​ที่​หน้า​หลุมศพ​ใน​วัน​เทศกาล​ชิงหมิง​ การ​ชมพระจันทร์​ใน​วัน​ไหว้​พระจันทร์​ การ​กิน​อาหาร​มื้อ​ข้าม​ปี​ใน​คืน​วันที่​สามสิบ​ ก็​คือ​ด่าน​ทางใจ​สามด่าน​ใหญ่​กระมัง​

ลู่​เฉิน​ถอนหายใจ​ “สายน้ำ​ภูเขา​สายลม​จันทรา​ เดิมที​ก็​ไม่มีอะไร​แน่นอน​ ทัศนียภาพ​จาก​โบราณ​จนถึง​ปัจจุบัน​ล้วน​ไม่มีอะไร​คงอยู่​ มีเพียง​ต้นไม้​โบราณ​ เห็น​เพียง​ต้นไม้​ยักษ์​ พวกเรา​เคย​ได้ยิน​คำ​ว่า​ต้น​หญ้า​โบราณ​ เคย​เห็น​ต้น​หญ้า​ยักษ์​บ้าง​หรือไม่​เล่า​?”

“ต้น​หญ้า​แห้งเหี่ยว​ตาย​ ต้นสน​ต้น​ป่าย​ดำรงอยู่​ยาวนาน​ นี่​ก็​คือ​ชะตาชีวิต​ ดอก​จือห​ลัน​เป็น​เส้นทาง​ ต้นไม้​หยก​เป็น​ขั้นบันได​ นี่​ก็​คือ​ชะตาชีวิต​เช่นกัน​ ทุกคน​ต่าง​ก็​มีชะตาชีวิต​ เดิน​ไป​ตาม​โชควาสนา​นำพา​ ประหนึ่ง​จอก​แหน​ลอย​ล่อง​กลับ​ลง​สู่ทะเล​”

สายตา​ของ​เด็กชาย​เป็นประกาย​เจิดจ้า​ ฟังด้วย​ความ​ไม่เข้าใจ​ใดๆ​ เพียงแค่​รู้สึก​ว่า​มีความรู้​อย่าง​มาก​ ดูเหมือนว่า​จะน่าสนใจ​กว่า​เรื่อง​ที่​อาจารย์​ใน​โรงเรียน​ของ​หมู่บ้าน​สอน​เสีย​อีก​ คง​เป็น​เพราะ​เลื่อมใส​อย่าง​มาก​ ถึงได้​ถามเสียง​เบา​ว่า​ “ท่าน​นักพรต​ ท่าน​เข้าใจ​อะไร​มากมาย​ขนาด​นี้​ เคย​เป็น​อาจารย์​สอนหนังสือ​มาก่อน​สินะ​?”

ลู่​เฉิน​โบกมือ​ปฏิเสธ​เป็น​พัลวัน​ “เป็น​ไม่ได้​ เป็น​ไม่ได้​ ข้า​ไม่ได้ดี​ไป​กว่า​เจ้าสัก​เท่าไร​หรอก​ เจ้าขอ​ข้าว​กินเปล่า​ดื่ม​เปล่า​อยู่​ใน​บ้านเกิด​ ข้า​ก็​แค่​หลอก​กินข้าว​หลอก​ดื่ม​จาก​ต่างบ้านต่างเมือง​ มรรค​กถา​ตื้นเขิน​ มีหรือ​จะกล้า​เรียก​ตัวเอง​ว่า​อาจารย์​ด้วย​ความภาคภูมิใจ​”

หาก​เป็น​แค่​อาจารย์​ที่​ถ่ายทอดวิชา​ไขข้อข้องใจ​ แน่นอน​ว่า​ใช่ว่า​ลู่​เฉิน​จะเป็น​ไม่ได้​ แค่​ดูแคลน​จะเป็น​ก็​เท่านั้น​

ห้า​นคร​สิบสอง​หอ​เรือน​ใน​ป๋า​ยอ​วี้​จิงต่าง​ก็​มีเจ้าของ​ มีเพียง​เจ้าลัทธิ​สามลู่​เฉิน​เท่านั้น​ที่​แทบจะ​ไม่เคย​ถ่ายทอด​มรรคา​ให้​กับ​ใคร​ ชอบ​แวะเวียน​ไป​ตามที่​ต่างๆ​ ไป​ฟังคำบรรยาย​ของ​คนอื่น​

บางครั้ง​ที่​มีข้อยกเว้น​ น่าเสียดาย​ที่​มิอาจ​บอก​กับ​คนอื่น​ได้​ เพียงแค่​สวม​กวาน​ดอกบัว​หัน​เข้าหา​ดาว​เป่ย​โต้​ว​ ข้า​พูดถึง​เรื่อง​ความ​เป็น​อม​ตะแก่​ดวงดาว​

เพียงแต่ว่า​ลู่​เฉิน​มีความเข้าใจ​ต่อ​คำ​ว่า​ ‘อาจารย์​’ เป็น​ของ​ตัวเอง​ สามบุปผา​รวมกัน​เหนือศีรษะ​ก็​คือ​เจิน​เห​ริน​ ห้า​ลมปราณ​สู่พลัง​ต้นกำเนิด​ก็​คือ​เทียน​เซียน​ อาจารย์​? ก็​คือ​ ‘เกิด​มาพร้อม​ฟ้าดิน​’ (คำ​ว่า​อาจารย์​อ่าน​ว่า​เซียน​เซิง เกิด​มาพร้อม​ฟ้าดิน​ภาษาจีน​คือ​ เซียน​เทียน​ตี้​เอ่อ​เซิง) นั่นเอง​

เด็กชาย​ถาม “ท่าน​นักพรต​ชื่อ​อะไร​หรือ​? วันหน้า​ข้า​สามารถ​ไปหา​ท่าน​นักพรต​ได้​หรือไม่​?”

ได้รับ​บุญคุณ​จาก​ผู้อื่น​ ก็​ต้อง​ตอบแทน​บุญคุณ​ ตอบแทน​ได้​เท่าไร​ก็​เท่านั้น​ อีก​ทั้ง​ได้​แต่​ตอบแทน​มากกว่า​ไม่อาจ​น้อยกว่า​

ส่วน​หลักการ​เหตุผล​ข้อ​นี้​ได้มา​อย่างไร​ เด็กชาย​ไม่เคย​คิด​มาก่อน​ แล้วก็​ไม่แน่​เสมอไป​ว่า​จะครุ่นคิด​ให้​มากความ​

ลู่​เฉิน​ยิ้ม​อย่าง​รู้ทัน​

อะไร​คือ​มรรคา​ อะไร​คือ​เหตุผล​? ก็​คือ​เส้นทาง​ที่​มองไม่เห็น​ซึ่งอยู่​ใต้​ฝ่าเท้า​ของ​พวกเรา​ คือ​เรื่อง​ที่​มิอาจ​พูด​เป็น​คำพูด​แต่กลับ​ลงมือ​กระ​ทำได้​

ถึงได้​บอก​ว่าการ​ใช้เหตุผล​กับ​ผู้อื่น​มักจะ​ยาก​เสมอ​ เพียงแค่​เพราะว่า​หนทาง​แตกต่าง​จึงมิอาจ​ร่วมทาง​

ลู่​เฉิน​ยิ้ม​กล่าว​ “ชื่อ​ของ​ข้า​มีเยอะ​นัก​ล่ะ​ เจิ้งเห​ริน​ที่​ซื้อ​กล่อง​คืน​ไข่มุก​ หนันกวอ​ที่​เป็น​นักดนตรี​เก๊​แสร้ง​เป่าขลุ่ย​ หลัว​ฉี่ที่​ ‘ทั่ว​ร่าง​เต็มไปด้วย​หลัว​และ​ฉี่’ (หลัว​และ​ฉี่เปรียบเปรย​ถึงเสื้อผ้า​ที่​ถัก​ทอ​จาก​ผ้าไหม​ คือ​เนื้อผ้า​ที่​ล้ำค่า​หา​ยาก​อย่างหนึ่ง​) คือ​ซิ่งโหย​ว​ที่​กังวล​ว่า​จะขาย​ถ่าน​ไม่ได้​จึงหวัง​ให้​หน้าหนาว​อากาศ​หนาวเย็น​กว่า​เดิม​ คือ​เถาเจ่อ​ที่​ ‘สิบ​นิ้ว​ไม่สัมผัส​ดิน​ อาศัย​อยู่​ใน​หอ​สูงใหญ่​ปู​เต็ม​ด้วย​กระเบื้อง​’ แต่ว่า​วันนี้​ ชื่อ​ของ​ผิน​เต้า​คือ​สวี​อู๋กุ่ย​ (สวี​ไร้​ผี​) ก็​วันที่​สามสิบ​ของ​สิ้นปี​นี่​นะ​ อีก​เดี๋ยว​ก็​ต้อง​บอกลา​ปี​เก่า​ต้อนรับ​ปีใหม่​แล้ว​ เพื่อให้​เป็น​นิมิตหมาย​ที่​ดี​ หวัง​ว่า​ใต้​หล้า​จะไม่มีผี​เร่ร่อน​อีกต่อไป​ ฟ้านอก​ฟ้าก็​ไม่มีสิ่งใด​ คน​มีชีวิต​มีที่พึ่ง​ คนตาย​ก็​มีทาง​ไป​ อีก​ทั้ง​ชื่อ​สวี​อู๋กุ่ย​นี้​เป็น​บุคคล​คน​หนึ่ง​ใน​ตำรา​เล่ม​หนึ่ง​ที่​ผิน​เต้า​เรียบเรียง​ขึ้น​ รู้​นร​ลักษณ์​ศาสตร์​ เชี่ยวชาญ​การ​มอง​ม้า ทั้ง​ยัง​ชำนาญ​ใน​การ​เลือก​ม้าดี​วิ่ง​ได้​พัน​ลี้​มาก​ที่สุด​ ชาวนา​ทำนา​ พ่อค้า​หาเงิน​ สวี​อู๋กุ่ย​ดู​ม้า ล้วน​ต้อง​ตื่น​แต่เช้า​”

เด็กชาย​ถูก​คำกล่าว​ประโยค​นี้​ของ​นักพรต​หนุ่ม​ทำให้​อึ้ง​ตะลึง​ไป​อย่าง​สิ้นเชิง​ “นักพรต​สวี​ยัง​เคย​เขียนหนังสือ​ออก​หนังสือ​มาก่อน​ด้วย​หรือ​?!”

พวก​อาจารย์​ใน​โรงเรียน​ยัง​ได้​แค่​สอนหนังสือ​เลย​นะ​

ลู่​เฉิน​ลำพองใจ​อย่าง​มาก​ ลูบคลำ​ปลาย​คาง​ ยิ้ม​ตาหยี​เอ่ย​ว่า​ “ใช่น่ะ​สิ ใช่น่ะ​สิ”

หวน​นึกถึง​อดีต​อัน​ห่างไกล​ก็​มีสายตา​ประมาณ​เดียวกัน​นี้​มอง​มา ที่แท้​ท่าน​นักพรต​นอกจาก​จะตั้ง​แฝงดูดวง​หลอก​เอา​เงิน​คนอื่น​แล้ว​ ยัง​เขียน​เทียบ​ยา​ได้​ด้วย​หรือ​?

บางที​ใน​ใจของ​ทุกๆ​ คน​ต่าง​ก็​มีทะเลสาบ​ซูเจี่ยน​แห่ง​หนึ่ง​ที่​ไม่อยาก​มอง​ย้อนกลับ​ไป​มอง​ และ​ใน​ใจของ​ทุกๆ​ คน​ก็​น่าจะ​มีตรอก​หนี​ผิง​ที่​ได้​แต่​เดิน​ป้วนเปี้ยน​ไม่จากไป​ไหน​

มีเพียง​ภูเขา​ลั่วพั่ว​เท่านั้น​ที่​เป็น​บ้านเกิด​ของ​ข้า​ เบื้องหน้า​มองไม่เห็น​คนรุ่นก่อน​ ด้านหลัง​มองไม่เห็น​ผู้มาเยือน​ ใบหน้า​แดงก่ำ​เมามาย​มอง​ดอก​ท้อ​ น้ำตา​เอ่อ​คลอ​ไหล​พรั่งพรู​

“เสียง​ฟ้าผ่า​ดัง​ครืนครั่น​”

ลู่​เฉิน​ยิ้ม​บาง​เอ่ย​ว่า​ “เงยหน้า​”

คำพูด​ออกจาก​ปาก​คาถา​ตามติด​ กลางอากาศ​พลัน​มีฟ้าผ่า​ลงมา​ทั้งๆ ที่​เป็นเวลา​กลางวันแสกๆ​

เด็กชาย​ตกใจ​สะดุ้งโหยง​ ได้ยิน​ประโยค​นี้​ก็​เงยหน้า​ขึ้น​มอง​นักพรต​หนุ่ม​ด้วย​สีหน้า​สับสน​

ลู่​เฉิน​ประกบ​สอง​นิ้ว​เคาะ​ลง​ตรง​หว่าง​คิ้ว​ของ​เด็กชาย​เบา​ๆ หนึ่ง​ที​ ปาก​ก็​ท่อง​คาถา​ไป​ด้วย​

ช่วย​เปิด​ดวงตา​สวรรค์​ให้​กับ​เด็ก​คน​นี้​

นับแต่​บัดนี้​เป็นต้นไป​ เด็กกำพร้า​จาก​ชนบท​แซ่เย่คน​นี้​ก็ได้​ถือว่า​เดิน​ไป​บน​เส้นทาง​ของ​การ​ฝึก​ตน​อย่าง​เป็นทางการ​แล้ว​

เพียงแค่​รอ​ให้​ตน​จากไป​แล้ว​เรียนรู้​จาก​ยันต์​ที่อยู่​บน​พื้น​ นับแต่​วันนี้​ไป​ดวงตา​คู่​นี้​ของ​เด็กชาย​ก็​จะเหมือน​ได้รับ​วิชา​อภินิหาร​มอง​ลมปราณ​ สามารถ​มองเห็น​บุญ​กุศล​และ​โชควาสนา​ของ​คนอื่น​อย่าง​ชัดเจน​ ยกตัวอย่างเช่น​ใน​หมู่​ชาวบ้าน​มีคำ​โบราณ​ประโยค​หนึ่ง​แพร่หลาย​ บอ​กว่า​คน​ผู้​หนึ่ง​หมด​เคราะห์กรรม​แล้ว​ ก็​คือ​หลักการ​เดียวกัน​ การบรรยาย​ถึงคน​ที่​มีดวงดี​ดวงขึ้น​ก็​เป็น​เช่นเดียวกัน​ หรือ​ยกตัวอย่างเช่น​คำ​ว่า​ ‘คน​ท่ามกลาง​ม่าน​โปร่ง​สีเขียว​’ แน่นอน​ว่า​ย่อม​หมายถึง​คน​ที่​มีโชค​ด้าน​การ​เป็น​ขุนนาง​

ลู่​เฉิน​บิด​หมุน​ข้อมือ​อีกครั้ง​ ถูสอง​นิ้ว​เข้าด้วยกัน​เหมือน​จุด​ธูป​หอม​ดอก​หนึ่ง​ เหนือศีรษะ​ของ​เด็กชาย​ก็​คือ​กระถางธูป​ คล้าย​กับ​การ​จุด​ธูป​คารวะ​เทพ​ที่อยู่​เหนือศีรษะ​ไป​สามฉื่อ​

ทั้ง​ยัง​เป็น​ยันต์​คุ้มกัน​กาย​แผ่น​หนึ่ง​ที่​ลู่​เฉิน​มอบให้​กับ​เด็กชาย​ คือ​ยันต์​ตำรา​ฟ้าแผ่น​หนึ่ง​ เหมือนกับ​ที่​มอบ​ชื่อ​ ‘อู๋กุ่ย’​

ลู่​เฉิน​นั่ง​ยอง​อยู่​บน​พื้น​ สอง​มือ​สอด​กัน​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ โน้มตัว​ไป​ด้านหน้า​โยก​ตัว​ครั้งแล้วครั้งเล่า​ ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “วันหน้า​หาก​มีวันใด​ที่​ได้​ออก​ไป​จาก​บ้านเกิด​จงไป​ตามหา​ภูเขา​ที่​มีชื่อว่า​สำนัก​โองการ​เทพ​ เมื่อ​ได้​พบ​กับ​นักพรต​ที่​ชื่อว่า​ฉีเจิน​ เจ้าก็​บอก​ไป​ว่า​ลู่​เฉิน​ให้​เจ้าเดิน​ขึ้น​เขา​ ให้​เขา​ถ่ายทอดวิชา​คาถา​เซียน​ให้​กับ​เจ้า”

เด็กชาย​พยักหน้า​รับ​ เพียงแต่​ก็​ยัง​ถามอย่าง​สงสัย​ว่า​ “ท่าน​นักพรต​เปลี่ยน​ชื่อ​อีกแล้ว​หรือ​?”

ลู่​เฉิน​ลุกขึ้น​ยิ้ม​เอ่ย​ “งานเลี้ยง​สามวัน​ งานเลี้ยง​ร้อย​วัน​ ถึงอย่างไร​ก็​ไม่มีงานเลี้ยง​ใด​ที่​ไม่มีวัน​เลิกรา​ จากลา​กัน​ตรงนี้​ วันหน้า​ค่อย​พบกัน​ใหม่​”

เด็กชาย​รู้สึก​เหมือน​มีคำพูด​นับ​พัน​นับ​หมื่น​มารอ​อยู่​ตรง​ปาก​ แต่กลับ​ไม่รู้​ว่า​ควร​พูด​อะไร​ สุดท้าย​ก็​นึก​ขึ้น​ได้​แค่​การ​คารวะ​อย่าง​ก่อนหน้านี้​ จึงก้มหัว​กราบ​คารวะ​นักพรต​หนุ่ม​ที่​มีความรู้​ยิ่งใหญ่​ ทั้ง​ยัง​เคย​ออก​หนังสือ​ผู้​นี้​อีกครั้ง​

ลู่​เฉิน​ยืน​อยู่​ที่​เดิม​ รับ​การ​คารวะ​นี้​แล้วก็​ก้าว​ยาว​ๆ จากไป​ ไม่หันกลับ​ไป​มอง​ เพียงแค่​ยกมือ​อำลา​เด็กชาย​ นักพรต​หนุ่ม​เหลียว​ซ้าย​แล​ขวา​อยู่​สอง​สามครั้ง​ เดิน​ไป​ถึงริม​เขต​ของ​หมู่บ้าน​แล้วก็​ค้อม​เอว​ คว้า​ไก่​ตัว​หนึ่ง​ขึ้น​มากอด​ไว้​ใน​อ้อมกอด​ วิ่ง​ตะบึง​จากไป​ เพียง​ชั่วพริบตา​ก็​หาย​ไป​ไม่เห็น​เงา

ทิ้ง​ไว้​เพียง​เด็กชาย​ที่​มองตาค้าง​ นักพรต​คน​นั้น​ขโมย​ไก่​แล้ว​วิ่งหนี​ไป​ ตน​จะถือว่า​เป็น​คน​ช่วย​ดูต้นทาง​ให้​เขา​หรือไม่​?

……

หอ​สยบ​ปีศาจ​ ด้าน​ใต้​ต้น​อู๋ถง​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!