กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 937

เดิน​ออก​มาจาก​แม่น้ำ​แห่ง​กาลเวลา​ ชิงถงเพ่ง​ตา​มอง​ให้​ชัดเจน​ ก่อน​ถามอย่าง​สงสัย​ว่า​ “ทำไม​ถึงไม่ตรง​กลับ​ไป​ที่​หอ​สยบ​ปีศาจ​? หรือ​มีเทพ​ภูเขา​ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ที่​ต้อง​ไป​พบ​เจอ​อีก​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ส่ายหน้า​ “ข้า​เอง​ก็​ไม่เคย​มาเยือน​ที่​แห่ง​นี้​มาก่อน​ เพียงแต่ว่า​มีคน​บางคน​เกิด​ความคิด​กะทันหัน​ อยาก​ให้​ข้า​มาช่วย​รับรอง​แขก​แทน​ มาส่งแขก​แทน​คน​บางคน​ที่นี่​”

ชิงถงยิ่ง​คลางแคลงใจ​ ใคร​สามารถ​เจ้ากี้เจ้าการ​กับ​เจ้าได้​?

ห่าง​ไป​ไม่ไกล​มีริ้ว​แสงกระเพื่อม​เป็น​ระลอก​ ก่อน​จะเห็น​เป็น​หอ​เรือน​หลัง​หนึ่ง​ที่​ถูก​บดบัง​อยู่​ท่ามกลาง​ร่มเงา​ต้นไม้​เขียวขจี​ พอ​จะได้ยิน​เสียง​คละเคล้า​ปน​กัน​ดัง​แว่ว​มาจาก​ด้านใน​นั้น​

เฉิน​ผิง​อัน​กล่าว​ “พวกเรา​ไป​เฝ้าตอ​รอ​กระต่าย​ข้างหน้า​กัน​”

เดิน​เข้าไป​ใกล้​ก็​เห็น​ศาล​แห่ง​หนึ่ง​ที่​มีขนาด​ค่อนข้าง​ใหญ่​ กรอบ​ป้าย​เป็น​คำ​ว่า​ศาล​เทพ​ลำคลอง​เฝิน​เห​อ​ ด้านหน้า​ประตู​มีต้น​ไหว​โบราณ​อยู่​สอง​ต้น​ นอก​ประตู​คือ​สระน้ำ​ขนาดใหญ่​ ต้น​หยาง​ต้น​หลิว​เคียงคู่​ปลูก​โอบ​ล้อมรอบ​สระน้ำ​ นอก​ประตู​มีม้าสีขาว​แซมดำ​หลาย​ตัว​ผูก​ไว้​ท่ามกลาง​เงาต้น​หลิว​ และ​ยังมี​รถม้า​ที่​ประดับประดา​งดงาม​อีก​คัน​หนึ่ง​จอด​อยู่​ตรง​มุมกำแพง​ของ​ศาล​ น่าจะเป็น​รถม้า​ของ​สตรี​ใน​ครอบครัว​คนมีเงิน​ สารถี​อายุ​มาก​สวม​เสื้อ​บุ​นวม​ตัว​หนา​ รวบ​มือ​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ กำลัง​นั่ง​สัปหงก​

ชิงถงเดินตาม​เฉิน​ผิง​อัน​เข้าไป​ใน​ศาล​ เนื่องจาก​เป็น​วัน​สิ้นปี​วันที่​สามสิบ​ ควัน​ธูป​ย่อม​ต้อง​ธรรมดา​ ตอนนี้​ยัง​มองไม่เห็น​เงาร่าง​ของ​ชาย​หญิง​ผู้​มีจิต​ศรัทธา​ที่มา​จุด​ธูป​คารวะ​ที่นี่​ เห็น​เพียง​ว่า​ใน​ระเบียง​ที่อยู่​นอก​ตำหนัก​ใหญ่​มีเด็กน้อย​แต่งกาย​เหมือน​นักพรต​หลาย​คน​กำลัง​นั่ง​ยอง​โยน​เงิน​เหรียญทองแดง​เล่น​กัน​อยู่​ พอ​เห็น​พวก​เฉิน​ผิง​อัน​ก็​แค่​เงยหน้า​มอง​แวบเดียว​ ไม่ได้​ส่งเสียง​ทักทาย​

สอง​ข้างทาง​มีประตู​วงเดือน​ หาก​คิด​จะไปเที่ยว​ชมตำหนัก​หลัก​ของ​ศาล​ก็​จำเป็นต้อง​ผ่าน​สถานที่​แห่ง​นี้​ เฉิน​ผิง​อัน​ยืน​อยู่​นอก​ธรณีประตู​ของ​ตำหนัก​ใหญ่​พัก​หนึ่ง​ก็​เดิน​ไป​ทาง​ประตู​วง​จันทร์​ ยัง​ไม่เห็น​เงาคน​ แต่กลับ​ได้ยิน​เสียง​เครื่องประดับ​ดัง​กระทบ​กัน​ใสกังวาน​นำมา​ก่อน​ ก่อน​จะตามมา​ด้วย​สตรี​สอง​คน​ที่​เดิน​นำหน้า​ดุจ​บุปผา​สะบัด​กิ่ง​ เป็น​สตรี​วัยกลางคน​คน​หนึ่ง​ที่​มวยผม​ทรง​เมฆา เสียบ​ขนนก​สีเขียว​มรกต​สอง​ชิ้น​ บน​ร่าง​สวม​ชุด​ผ้าไหม​ที่​ถัก​ทอ​อย่าง​เรียบง่าย​แต่​งดงาม​ ข้าง​กาย​มีเด็กสาว​อายุ​น้อย​คน​หนึ่ง​ติด​ตามมา​ด้วย​ น่าจะเป็น​สาวใช้​คนสนิท​ของ​สตรี​วัยกลางคน​ผู้​นี้​ นาง​สวม​ชุด​สีขาว​ราก​บัว​กระโปรง​สีเขียว​ต้น​หอม​ สวม​รองเท้า​ปัก​ลาย​บุปผา​ที่​ค่อนข้างจะ​เก่า​

นอกจาก​สตรี​สอง​คน​นี้​ก็​ยังมี​หญิง​ชรา​อีก​คน​หนึ่ง​ที่​สวม​ชุด​คลุม​เต๋า​แบบ​สาบ​เสื้อ​คู่​สีเขียว​ใบ​ไผ่​ ใน​มือถือ​คทา​หยก​หรู​อี้​ เกิน​ครึ่ง​น่าจะเป็น​คน​เฝ้าศาล​ที่​ดูแล​กิจธุระ​ของ​ศาล​เทพ​ลำคลอง​เฝิน​เห​อ​แห่ง​นี้​

เฉิน​ผิง​อัน​รีบ​ขยับ​เท้า​หลบ​ทาง​ให้​ทันที​

สตรี​วัยกลางคน​ที่​เป็น​ผู้นำ​เดิน​ดิ่ง​ผ่าน​ไป​สายตา​มอง​ตรง​ไป​ข้างหน้า​ไม่ล่อกแล่ก​ ทว่า​ตอนที่​เด็กสาว​อายุ​น้อย​เดินสวน​ไหล่​กับ​บุรุษ​ที่มา​ทำบุญ​กลับ​อดไม่ไหว​ใช้หาง​ตา​มอง​ประเมิน​อีก​ฝ่าย​พัก​หนึ่ง​ คน​ผู้​นี้​ปัก​ปิ่น​หยก​ไว้​บน​ศีรษะ​ สวม​ชุดก​ว้า​ตัว​ยา​วสี​เขียว​รองเท้า​ผ้า​ มองดู​แล้ว​สะอาดสะอ้าน​ดี​ อายุ​ประมาณ​สามสิบ​ปี​ แต่​ห่าง​จาก​คำ​ว่า​ ‘มอง​แล้ว​ไม่ธรรมดา​ หล่อเหลา​สง่าองอาจ​’ อยู่​ไกล​นัก​ ไม่ถือว่า​เป็น​บุคคล​ที่​โดดเด่น​อะไร​ หาก​ไม่ผิด​ไป​จาก​ที่​คาด​ก็​น่าจะเป็น​ปัญญาชน​ยากจน​ของ​ใน​อำเภอ​ ยัง​ไม่มีตำแหน่ง​ติดตัว​ จึงมาจุด​ธูป​ขอพร​ที่นี่​ หวัง​ให้​ตัวเอง​ได้​มีชื่อ​ติด​กระดาน​ทองคำ​กระมัง​?

ชิงถงอด​ไม่ไหว​ถามเสียง​เบา​ว่า​ “พวกเรา​กำลัง​รอ​ใคร​อยู่​หรือ​?”

คน​ทั้ง​สามที่​เดิน​ออก​มาจาก​ประตู​วงเดือน​นี้​ เห็นได้ชัด​ว่า​เป็น​คน​ธรรม​ที่​มีแค่​ตา​เนื้อ​ปกติ​

เฉิน​ผิง​อัน​ใช้เสียง​ใน​ใจเอ่ย​ว่า​ “ลู่​เฉิน”​

ชิงถงหน้า​เปลี่ยนสี​ไป​เล็กน้อย​

เพราะ​ไม่อยาก​มีความเกี่ยวข้อง​ใดๆ​ กับ​เจ้าลัทธิ​สามแห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิงผู้​นั้น​เลย​

เพียงแต่ว่า​ดู​จาก​สถานการณ์​ในเวลานี้​แล้ว​ ต่อให้​ไม่อยาก​เจอ​กับ​ลู่​เฉิน​ก็​ยัง​ยาก​

ใน​แคว้น​เมิ่งเหลียง​ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ ห่าง​จาก​ศาล​เทพ​ลำคลอง​เฝิน​เห​อ​ไป​ไม่ไกล​

นักพรต​หนุ่ม​คน​หนึ่ง​เดิน​อยู่​บน​เส้นทาง​เล็ก​ๆ ใน​ป่า​เขา​ บน​ศีรษะ​สวม​กวาน​ดอกบัว​ ใน​มือ​มีอักขรานุกรม​หลาย​เล่ม​ที่​ไป​หยิบ​เอา​มาโดย​ไม่บอกกล่าว​ เงยหน้า​มอง​เรือข้ามฟาก​ลำ​หนึ่ง​ที่​เหมือน​นก​บิน​ผ่าน​ไป​เหนือศีรษะ​

มรรค​กถา​มีตื้น​มีลึก​ แววตา​มีสูงมีต่ำ​ นักพรต​บน​พื้น​เห็น​อีก​ฝ่าย​ แต่​เรือข้ามฟาก​กลับ​ไม่สังเกตเห็น​นักพรต​หนุ่ม​ที่อยู่​ด้านล่าง​

นักพรต​หนุ่ม​ทะยาน​ร่าง​ขึ้น​เบา​ๆ เหมือน​กบ​กระโดด​แตะ​ผิวน้ำ​ พลิ้ว​กาย​ล่องลอย​ไป​ไกล​ตลอดทาง​ มีความรู้สึก​เหมือน​ ‘ผิวน้ำ​ไร้​ลม​ลื่น​ดุจ​แก้ว​ใส แม้เรือ​เล็ก​จะเคลื่อนไหว​ก็​ยัง​สัมผัส​ไม่ถึงแรง​กระเทือน​’

นักพรต​หนุ่ม​ผู้​นี้​หยุดชะงัก​ไป​เล็กน้อย​ แล้วจึง​สะบัด​ชาย​แขน​เสื้อ​ คล้าย​กับ​ว่า​มีเส้นด้าย​นับ​พัน​นับ​หมื่น​ที่​บ้าง​อยู่​ไกล​บ้าง​อยู่​ใกล้​ ฝุ่น​แดง​คลุ้ง​หมื่น​จั้ง ด้าย​นี้​มีชื่อว่า​ ‘ผลกรรม​’

ยื่น​นิ้ว​สอง​นิ้ว​ออก​ไป​กระชาก​ด้าย​เส้น​หนึ่ง​เบา​ๆ ห่าง​ไป​ไกล​คล้าย​มีเสียง​ตอบรับ​ ความเคลื่อนไหว​น้อย​มาก​ แทบจะ​มองข้าม​ไป​ได้​เลย​ เพียงแต่ว่า​นักพรต​ที่​สวม​กวาน​ดอกบัว​ผู้​นี้​มีมรรค​กถา​สูงมาก​พอ​ ทอดสายตา​มอง​ไป​ไกล​ก็​มองเห็น​คน​ผู้​หนึ่ง​ จากนั้น​ก็​ไล่ตาม​ชะตา​อัน​เบาบาง​ที่​สวรรค์​บัญชา​ไว้​ส่วน​นี้​มาถึงใน​อาณาเขต​แคว้น​เมิ่งเหลียง​ สุดท้าย​ก็​ไป​เห็น​เด็กน้อย​เดียวดาย​คน​หนึ่ง​ที่​หน้า​ประตู​ทางเข้า​หมู่บ้าน​ชนบท​กลาง​ป่า​ นักพรต​หนุ่ม​ขยับ​เข้าไป​ใกล้​ พอ​หยุด​เดิน​แล้ว​ คน​หนึ่ง​ก้มตัว​ลง​ คน​หนึ่ง​เงยหน้า​ขึ้น​ ทั้งสอง​มอง​ตา​กัน​ครู่หนึ่ง​ เด็กน้อย​เขินอาย​จึงก้มหน้า​ลง​ไป​

ก่อนหน้านี้​เดินทาง​ไป​เยือน​ศูนย์​ตัดไม้​ของ​เข​ตอ​วี้​จางมารอบ​หนึ่ง​ หลังจาก​จากลา​กับ​หลิน​เจิ้งเฉิงแล้วก็​ไม่ได้​ตรง​กลับ​ไป​ที่​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ ถึงอย่างไร​ป๋า​ยอ​วี้​จิงก็​มีศิษย์​พี่​อวี๋​เฝ้าพิทักษ์​ ไม่มีทาง​เกิดเรื่อง​อะไร​ได้​ ทุกวันนี้​เรื่อง​ของ​การ​สยบ​กำราบ​เทวบุตร​มาร​นอก​โลก​ที่​ฟ้านอก​ฟ้าก็​มีอาจารย์​เป็น​คน​เก็บกวาด​ด้วยตัวเอง​ หาก​ไม่เป็น​เพราะ​ศาล​บุ๋น​เร่งรัด​อย่าง​หนัก​ ลู่​เฉิน​ก็​อยาก​จะอยู่​ต่อ​ใน​ใต้​หล้า​ไพศาล​อีก​หลาย​ปี​จริงๆ​ เมื่อครู่นี้​ระหว่าง​ที่​ทะยาน​ลม​จะไป​เยือน​ม่าน​ฟ้า จิต​แห่ง​มรรคา​ของ​ลู่​เฉิน​พลัน​สั่น​ไหว​ พอ​สืบสาว​เบาะ​แสก็รู้​ว่า​เป็น​เพราะ​ใน​อาณาเขต​แคว้น​เมิ่งเหลียง​แห่ง​นี้​ เหมือน​จะมีคน​คน​หนึ่ง​เรื่อง​เรื่อง​หนึ่ง​ที่​แทบจะ​พุ่ง​มาสัมผัส​เส้นเอ็น​หัวใจ​ของ​เขา​ได้​ในเวลาเดียวกัน​ เขา​จึงเปลี่ยนใจ​ ไป​เยือน​ภูเขา​เมฆาเรือง​ที่อยู่​ใกล้​มารอบ​หนึ่ง​ก่อน​ เพียงแต่ว่า​คราวนี้​เขา​ไม่ได้​ปรากฏตัว​ อีกไม่นาน​หวง​จงโหว​ผู้ฝึก​ตน​โอสถ​ทอง​ของ​ยอดเขา​เกิง​อวิ๋น​ก็​จะได้​กลายเป็น​เจ้าขุนเขา​คน​ใหม่​ของ​ภูเขา​เมฆาเรือง​แล้ว​ ทุกวันนี้​ภูเขา​เมฆาเรือง​ได้รับ​โชค​หลัง​เคราะห์ร้าย​จึงมีภาพ​บรรยากาศ​เค้าโครง​ของ​สำนัก​ก่อตัว​ขึ้น​มาได้​แล้ว​ ทุก​เรื่อง​ล้วน​มีการ​เตรียมการ​ไว้​พร้อมสรรพ​ ขาด​แค่​หยก​ดิบ​คนเดียว​เท่านั้น​ อดีต​เจ้าขุนเขา​ ไช่จิน​เจี่ยน​แห่ง​ยอดเขา​ลวี่กุ้ย​ หวง​จงโหว​ ต่าง​ก็​เป็น​ผู้​ที่​มีความหวัง​ ภายใน​เวลา​ร้อย​ปี​มีหวัง​จะได้​เป็น​สำนัก​อักษร​จง

บุรุษ​อาศัย​สุรา​ดับทุกข์​ หาก​มีวาสนา​กับ​สวรรค์​อย่าง​ลึกล้ำ​ก็​จะกลายเป็น​คน​ลุ่มหลง​ใน​รัก​คน​หนึ่ง​

ไม่รู้​ว่า​คราว​หน้าที่​ได้​ดื่มเหล้า​กับ​เจ้าขุนเขา​หวง​ผู้​ซึ่งจมลึก​อยู่​ใน​ตาข่าย​แห่ง​ความรัก​อีกครั้ง​ จะเป็น​วัน​เดือน​ปี​ใด​

ลู่​เฉิน​ก้มหน้า​มอง​เด็กน้อย​ที่​ไม่มีคุณสมบัติ​ใน​การ​ฝึก​ตน​ เปิดปาก​เอ่ย​ว่า​ “เจ้าไม่กลัว​คนแปลกหน้า​เลย​นะ​ หรือ​เพราะ​รู้สึก​ว่า​ผิน​เต้า​มีสีหน้า​เมตตา​ สตรี​และ​คนอ่อนแอ​เห็น​เข้า​ก็​เลย​อด​เกิด​ใจอยาก​ใกล้ชิด​สนิทสนม​ไม่ได้​? ใช่แล้ว​ เจ้าพูด​ภาษาทางการ​ของ​ต้า​หลี​เป็น​หรือไม่​ ต่อให้​แย่​แค่​ไหน​ก็​น่าจะ​ฟังภาษาทางการ​ออก​บ้าง​กระมัง​?”

เด็กชาย​พยักหน้า​ แคว้น​เมิ่งเหลียง​กับ​แคว้น​ชิงหลวน​ที่​แม้จะหลุดพ้น​จาก​สถานะ​ของ​แคว้น​ใต้​อาณัติ​ต้า​หลี​แล้ว​ ทว่า​ภาษาทางการ​ของ​ต้า​หลี​ ทุกวันนี้​ก็​คือ​ภาษากลาง​ของ​ทั้ง​ทวีป​ และ​จักรพรรดิ​กับ​เหล่า​ขุนนาง​ของ​แคว้น​เมิ่งเหลียง​ก็​สนับสนุน​ให้​ใช้ภาษากลาง​อย่าง​ไม่เต็มที่​ อาจารย์​สอนหนังสือ​หลาย​คนใน​โรงเรียน​เคย​บ่น​เรื่อง​นี้​กัน​อยู่​ไม่น้อย​ อายุ​มาก​ตั้ง​ปูน​นี้​แล้ว​ คิดไม่ถึง​ว่า​ยัง​จะต้อง​ไป​เป็น​นักเรียน​ขอ​ความรู้​จาก​อาจารย์​สอนหนังสือ​ใน​อำเภอ​ที่​อายุ​น้อย​ๆ พวก​นั้น​อีก​

ลู่​เฉิน​ทรุดตัว​ลงนั่ง​ยอง​ เอ่ย​ว่า​ “ผิน​เต้า​เห็น​ว่า​กระดูก​ของ​เจ้าพิเศษ​ มังกร​ร้อง​เสือ​คำราม​ หงส์​สยาย​ปีก​โบยบิน​สูง มีภาพ​บรรยากาศ​ของ​ลูกผู้ชาย​อัน​แกร่ง​กร้าว​”

เด็กน้อย​มีสีหน้า​เหลอ​หรา​

สีซอให้ควายฟัง​เสียแล้ว​

ลู่​เฉิน​ยิ้ม​บาง​ๆ เอ่ย​ว่า​ “ผู้ฝึก​ตน​ก็​เหมือน​ต้น​ชาที่อยู่​บน​ภูเขา​ ต้น​ชาที่​งอกงาม​ขึ้น​เอง​ตาม​ป่า​เขา​มีรสชาติ​ที่​ดี​ ส่วน​ต้น​ชาที่​ถูก​ปลูก​กลับ​มีรสชาติ​รอง​ลงมา​”

เห็นได้ชัด​ว่า​ใน​สายตา​ของ​ลู่​เฉิน​ ผู้ฝึก​ตน​ทำเนียบ​ที่​เหมือน​ดอกไม้​ปลูก​อยู่​ใน​สวน​สู้ผู้ฝึก​ตน​อิสระ​แห่ง​ป่า​เขา​ที่​มีชีวิตชีวา​ไม่ได้​

ลู่​เฉิน​ถาม “เคย​เรียนหนังสือ​มาก่อน​ไหม​?”

เด็กน้อย​ส่ายหน้า​

ลู่​เฉิน​ชี้ไป​ที่​ข้าง​เท้า​ของ​เด็กน้อย​ซึ่งบน​พื้น​มี ‘ยันต์​ผี​วาด​’ อยู่​ “แล้ว​ตัวอักษร​พวก​นี้​เจ้าไป​เรียน​จาก​ใคร​มา?”

เด็กน้อย​ตอบ​ตาม​สัตย์​จริง​ “เวลา​เอา​วัว​ไป​ปล่อย​บน​ภูเขา​ บน​ก้อนหิน​มีให้​เห็น​ มักจะ​เห็น​เป็นประจำ​”

ลู่​เฉิน​ยิ้ม​ถาม “บ้าน​เจ้ามีวัว​ให้​เอา​ไป​ปล่อย​ด้วย​หรือ​?”

เด็กน้อย​ตอบ​ “ช่วย​คนใน​หมู่บ้าน​”

ลู่​เฉิน​เอ่ย​อย่าง​กระจ่างแจ้ง​ “ช่วย​งาน​ครึ่ง​วัน​ ได้​กินข้าว​หนึ่ง​มื้อ​?”

เด็กน้อย​เขินอาย​ ใบ​หน้าดำ​เกรียม​ เรือน​กาย​ผอมบาง​ เสื้อ​นวม​เก่า​ขาด​ที่​เต็มไปด้วย​รอย​ปะชุน​ อาศัย​ฝีเย็บแบบ​สะเปะสะปะ​ นุ่น​ที่อยู่​ด้านใน​ถึงได้​ไม่ทะลัก​ออกมา​

ลู่​เฉินยก​ก้น​ขึ้น​ ยืด​คอ​ยาว​มอง​ไป​ทาง​ภูเขา​ลูก​นั้น​ ทั้ง​ไม่มีเทพ​ภูเขา​ แล้วก็​ไม่มีตัวอักษร​แกะสลัก​บน​หน้าผา​ แต่​กลับเป็น​พื้นที่​ฮวงจุ้ย​ดีเยี่ยม​ ใน​ภูเขา​มีน้ำพุ​รส​หวาน​อยู่​แห่ง​หนึ่ง​ที่​ต่อให้​เป็น​ฤดูแล้ง​ยาวนาน​ก็​ไม่แห้งขอด​ ฝนตก​ยาวนาน​ก็​ไม่เอ่อล้น​

เคย​มีนักพรต​ไม่ทราบ​นาม​คน​หนึ่ง​มาฝึก​ตน​อยู่​ที่นี่​

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!