เถาหรานกลืนน้ำลาย บากหน้าปลุกความกล้าใช้เสียงในใจถามว่า “เจ้าก็คือคนผู้นั้นจริงๆ หรือ?”
เซียนกระบี่เถาไม่กล้าเรียกชื่อออกมาตรงๆ ไม่เข้าท่าเกินไปแล้ว
เฉิงผิงอันใช้เสียงในใจตอบกลับไปด้วยรอยยิ้ม “คราวก่อนที่อยู่ริมลำคลองหลินเหอก็บอกแล้วไม่ใช่หรือว่า หากไม่ผิดไปจากที่คาดก็คือข้าแล้ว เซียนกระบี่เถาไม่เชื่อเองนะ”
เจ้าจะให้ข้าผู้อาวุโสเชื่อได้อย่างไร
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เจอกันระหว่างทาง แล้วยังพกดาบคู่ไว้ตรงเอว ยังสวมชุดกว้าตัวยาวสีเขียวรองเท้าผ้า จากนั้นบอกว่าตัวเองคือเฉินผิงอัน ข้าก็ต้องเชื่ออย่างโง่งมหรือ
ก็เหมือนกับว่าคนที่อยู่ไกลสุดขอบฟ้า จู่ๆ ก็เดินมาถึงตรงหน้า แล้วก็เหมือนคนในตำราที่เดินออกมาจากในตำรา
ชุยตงซานที่วันนี้สวมชุดขาวพกกระบี่ยกนิ้วโป้งให้เถาหรานอยู่ไกลๆ เซียนกระบี่ใหญ่หมี่ที่อยู่ด้านข้างก็กำลังยักคิ้วหลิ่วตาให้เซียนกระบี่เถา
ห่างจากฤกษ์มงคลในการเริ่มงานพิธีเปิดสำนักยังเหลืออีกประมาณครึ่งก้านธูป เฉินผิงอันก้าวเดินเร็วๆ ไปข้างหน้า ทักทายกับพวกแขกที่มาเข้าร่วมงานพิธีสองสามประโยค ฉวยจังหวะนี้ ผู้ฝึกกระบี่เถาหรานที่ในหัวเหมือนมีแต่แป้งเปียกเหลียวซ้ายแลขวา กระทั่งเลือกพื้นที่ยืนให้ตัวเองได้ในท้ายที่สุด สุดท้ายเฉินผิงอันก็จูงมือของศิษย์หลานเจิ้งโย่วเฉียนไปหยุดอยู่ตรง ‘ภูเขาลูกเล็ก’ ที่ตำแหน่งตั้งอยู่ริมขอบสุด ผู้ฝึกตนที่กำลังจะได้อยู่ในทำเนียบของยอดเขาชิงผิงภูเขาเซียนตูเหล่านี้ จะว่าไปแล้วก็น่าขำ จนถึงตอนนี้คนส่วนใหญ่ก็ยังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของเซียนกระบี่ชุดเขียว หลังจากที่พวกเขามาถึงลานกว้างก็มารวมตัวกันโดยอัตโนมัติ เพียงแต่ว่าระหว่างกันก็ไม่มีอะไรให้พูดคุย รอกระทั่งบนลานกว้างมีคนเพิ่มมากขึ้นแล้ว พวกเขาจึงยิ่งดูสำรวมระมัดระวังตัวยิ่งกว่าเดิม
เวลานี้เฉินผิงอันกุมหมัดยิ้มเอ่ย “ขอแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการสักหน่อย ข้าแซ่เฉิน นามผิงอัน เป็นคนของเขตปกครองหลงเฉวียนต้าหลีแจกันสมบัติทวีป เจ้าขุนเขาภูเขาลั่วพั่ว ข้าคือลูกศิษย์ลัทธิขงจื๊อสายเหวินเซิ่ง อาจารย์ของข้าก็คือเหวินเซิ่งที่เพิ่งได้รับตำแหน่งเทพในศาลบุ๋นคืนมาเมื่อไม่นานมานี้ และข้าก็เป็นอาจารย์ของพวกชุยตงซาน เผยเฉียนและเฉาฉิงหล่าง”
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เฉินผิงอันยกสถานะของเจ้าขุนเขาสำนักเบื้องบนมาพูดคุยกับคนอื่นอย่างเป็นทางการ
เฉินผิงอันลูบศีรษะของเด็กน้อยที่อยู่ข้างกาย ยิ้มพลางแนะนำว่า “เจิ้งโย่วเฉียนก็คือลูกศิษย์ใหญ่เปิดภูเขาของศิษย์พี่จวินเชี่ยน คือศิษย์หลานของข้า”
คนกลุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าของเฉินผิงอันในเวลานี้ นอกจากเถาหรานผู้ฝึกกระบี่โอสถทองที่มีชาติกำเนิดจากผู้ฝึกตนอิสระของใบถงทวีปแล้ว
ยังมีผู้ฝึกตนผีเซียนดินอีกสองคนที่เป็นคนรักกัน เชี่ยวชาญเรื่องค่ายกล อู๋โกว เซียวม่านอิ่ง
ผู้ฝึกตนที่ลี้ภัยมาจากหอซูอี๋ของอวี้จื่อก่างเก่า หลันอี๋ อวี๋ซิ่งโหลว ฟู่จู้
เส้าพอเซียนผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตก่อกำเนิดที่ตัวตนที่แท้จริงคือรัชทายาทแคว้นล่มสลายของราชวงศ์จูอิ๋งเก่าแจกันสมบัติทวีป รวมไปถึงสาวใช้เหมิงหลงที่ติดตามเขาขึ้นเหนือล่องใต้ มีชีวิตที่ต้องหลบหนีร่วมกันมาอย่างยาวนาน ทุกวันนี้นางได้เปลี่ยนชื่อเป็นตู๋กูเหมิงหลงแล้ว คือว่าที่จักรพรรดิหญิงคนที่สองของใบถงทวีปในอนาคต นายบ่าวคู่นี้ ก่อนหน้านั้นชุยตงซานได้ให้เสี่ยวโม่ช่วยร่ายเวทอำพรางตา ข้างกายทั้งสองคนยังมีผู้ฝึกตนหญิงคนหนึ่งที่มาจากภูเขาต่าเจี้ยวอุตรกุรุทวีป สือชิว
เฉินผิงอันมองไปยังสือชิว สือชิวเม้มริมฝีปากยิ้ม พยักหน้าให้เบาๆ
เฉินผิงอันกุมหมัดแสดงการขอบคุณอีกครั้ง “ภูเขาเซียนตูก่อตั้งสำนัก นับตั้งแต่การเลือกที่ตั้งจนถึงการก่อสร้าง จนมาถึงงานพิธีในวันนี้ อันที่จริงทุกขั้นตอนล้วนฉุกละหุกอย่างมาก สามารถทำให้ยอดเขาทั้งหลายของภูเขาเซียนตูมีรูปแบบอย่างทุกวันนี้ได้ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ก็แทบไม่ต่างจากการสร้างท่าเรือขึ้นมาบนพื้นที่ราบ เป็นการสร้างตัวจากมือเปล่า ทุกท่านล้วนลำบากกันแล้ว”
หากไม่พูดถึงคนเก่าแก่สามคนของภูเขาลั่วพั่วอย่างพวกเส้าพอเซียน ผู้ฝึกกระบี่เถาหรานที่รับหน้าที่ดูแลร้านอยู่ริมลำคลองหลินเหอ และยังมีผู้ฝึกตนสองกลุ่มอย่างผู้ฝึกตนผีอู๋โกวและหลันอี๋จากอวี้จือก่าง ต่างก็เป็นชุยตงซานที่พาตัวมายังภูเขาเซียนตูด้วยตัวเอง เป็นเหตุให้สามารถถือว่าเป็นผู้อาวุโสที่ติดตามชุยตงซานมาเปิดภูเขาก่อตั้งสำนักได้แล้ว ก่อนหน้านี้เนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างก็ออกแรงในเรื่องของเรือข้ามฟากเฟิงยวนและการสร้างท่าเรือ เฟิงยวนที่เป็นเรือข้ามทวีป ไม่ว่าจะเป็นจำนวนสมาชิกหรือพลังทางการสู้รบ เดิมทีก็เท่าเทียมได้กับพรรคเล็กแห่งนึ่งบนภูเขาได้แล้ว
บนเรือข้ามฟาก จำนวนของหุ่นเชิดยันต์และมัลละเกราะทองที่ชุยตงซานสร้างขึ้นอย่างประณีตตั้งใจมีจำนวนเกือบร้อยตน ตั้งชื่อเป็นอวี่กง จินซือ เที่ยวซานกง มออวี๋เอ๋อร์ ฯลฯ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหนังมังสาหรือสติปัญญาของพวกมันก็แทบไม่ต่างอะไรจากคนจริงๆ รับผิดชอบคอยซ่อมบำรุงรักษาทั่วไปของเรือเฟิงยวนและยังมีการตรวจสอบสภาพภูมิศาสตร์ของเส้นทางการเดินเรือ แต่เอาเข้าจริงหน้าที่หลักของฝ่ายหลัง อันที่จริงก็คือไป ‘ค้นหาสมบัติเก็บตกของดี’ ตามขุนเขาสายน้ำในพื้นที่ต่างๆ ของใบถงทวีป ด้วยเหตุนี้ชุยตงซานจึงแต่งตั้งตำแหน่งขุนนางให้พวกมันเป็นการชั่วคราว คือตำแหน่ง ‘ผู้ตรวจสอบขุนเขาสายน้ำ’ ส่วนอู๋โกวและเซียวม่านอิ่งที่เชี่ยวชาญเรื่องค่ายกลก็รับผิดชอบการโคจรประจำวันของเรือข้ามฟากเฟิงยวน
เฉินผิงอันใช้เสียงในใจพูดกับเส้าพอเซียนว่า “ข้าไปเจอกับซานจวินจิ้นชิงมาแล้ว เรื่องที่พวกเจ้าจะก่อตั้งแคว้นไว้ริมลำคลองหลินเหอ วันหน้าพวกเรามาคุยกันอย่างละเอียด”
เส้าพอเซียนผงกศีรษะเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้ม
เฉินผิงอันยิ้มถาม “จะเลื่อนเป็นห้าขอบเขตบนเมื่อไหร่?”
ใบหน้าของเส้าพอเซียนเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม “ยาก”
นอกจาก ‘ผู้ตรวจสอบขุนเขาสายน้ำ’ ที่รากฐานค่อนข้างประหลาดพวกนี้แล้ว นอกจากนี้ยังมีมัลละยันต์ หุ่นเชิดกลไกอีกสองร้อยกว่าตนที่ระดับขั้นต่ำกว่าอวี่กงและมออวี๋เอ๋อร์ รับหน้าที่คอยทำงานใช้แรงงาน ก่อนหน้านี้ตอนที่ก่อสร้างจวนบนภูเขาเซียนตูและท่าเรือ ล้วนเป็นพวกมันที่ออกแรง ผู้ฝึกตนสามคนที่มาจากหอซูอี๋แห่งอวี้จือก่าง สถานะชั่วคราวก่อนหน้านี้ก็คือขุนนางผู้ตรวจการการสร้างท่าเรือ คนทั้งสามต่างก็อายุไม่มาก แค่ร้อยกว่าปี ขอบเขตของพวกเขาในทุกวันนี้ก็ไม่สูง สองชมมหาสมุทรหนึ่งถ้ำสถิต
อันที่จริงก่อนที่เฉินผิงอันจะมาถึง พวกเขาสามคนก็ตกใจจนทึ่มทื่อกันไปก่อนอย่างสิ้นเชิงแล้ว
เพราะการคุยเล่นกันของแขกผู้มาร่วมงานมากมาย ไม่ว่าใครก็ไม่ได้จงใจใช้เสียงในใจ ยกตัวอย่างเช่นหญิงสาวที่มวยผมทรงกลมคนนั้นไม่ใช่คนแปลกหน้า เพราะมักจะเจอนางที่ท่าเรืออยู่บ่อยๆ รู้ว่านางชื่อเผยเฉียน แต่จะเอาไปเชื่อมโยงกับปรมาจารย์หญิง ‘เจิ้งเฉียน’ ที่ชื่อเสียงโด่งดังได้อย่างไร? รอกระทั่งอาศัยบทสนทนาซึ่งพูดถึงสงครามที่เกราะทองทวีปที่เผยเฉียนพูดคุยกับบุรุษซึ่งนางเรียกอย่างให้ความเคารพว่า ‘เซียนกระบี่สวี’ พูดถึงเฉาสือ อวี้เจวี้ยนฟู เผยเฉียนยังพูดถึงเทพเซียนผู้เฒ่าที่สวมชุดสีม่วงซึ่งตนเคยพบเจอโดยบังเอิญอย่างฝูลู่อวี๋เสวียนด้วย! เมื่อเป็นเช่นนี้ สถานะของบุรุษก็เหมือนน้ำลดหินผุดแล้ว ก็คือสวีเซี่ย เซียนกระบี่ใหญ่แห่งเกราะทองทวีปที่ถูกเรียกขานอย่างให้ความเคารพว่า ‘เซียนกระบี่สวีจวิน’ คนนั้นนั่นเอง เค่อชิงของสกุลหลิวธวัลทวีปผู้นี้ หลังจากข้ามทวีปมาถึงใบถงทวีปก็ไปพักอยู่ที่ท่าเรือชวีซาน ตามข่าวเล็กๆ น้อยๆ จากรายงานขุนเขาสายน้ำไม่กี่ฉบับ ได้ยินว่าเพื่อป้องกันไม่ให้สำนักกุยหยกขัดขาเรือข้ามฟากหลายลำของสกุลหลิว ทางฝั่งของสำนักกุยหยกยังตั้งใจส่งตัวหวังจี้ผู้ถวายงานศาลบรรพจารย์ให้มาคุมเชิงอยู่กับ ‘เซียนกระบี่สวีจวิน’ ผู้นี้ที่ท่าเรือชวีซานโดยเฉพาะอีกด้วย
บังเอิญยิ่งนัก วันนี้หวังจี้ก็มาเหมือนกัน อีกทั้งยังพาเด็กชายที่มองดูแล้วอายุไม่ถึงสิบขวบ แต่ถึงกับเป็นเจ้ายอดเขาคนใหม่ของยอดเขาจิ่วอี้สำนักกุยหยกมาด้วย
หวงอีอวิ๋นแห่งผูซาน
นางถูกคัดเลือกให้เป็นหนึ่งในสิบปรมาจารย์ใหญ่ในประวัติศาสตร์ของใบถงทวีป นางกับอริยะบู๊อู๋ซูคือผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางผู้มากฝีมือสองคนที่ยังรอดชีวิตอยู่ของใบถงทวีปในทุกวันนี้
และยังมีผู้เฒ่าคนนั้นที่ถึงกับเป็นแม่ทัพผู้เฒ่าเหยาเจิ้น ท่านปู่ของเหยาจิ้นจือฮ่องเต้หญิงของราชวงศ์ต้าเฉวียน ผู้นำของสิบราชวงศ์ใหญ่ในใบถงทวีปทุกวันนี้ คนสองคนที่อยู่ข้างกายของผู้เฒ่า คนหนึ่งคือเจ้ากรมพิธีการ ส่วนชายหนุ่มที่ขากะเผลกมีแขนเดียวผู้นั้นก็คือใต้เท้าเจ้าเมืองของนครเซิ่นจิ่งต้าเฉวียน
นอกจากนี้ก็ยังมีผู้ฝึกตนของภูเขาต้นไม้เหล็กที่มาจากทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง และยังมีนักพรตสองคนที่มาจากยอดเขาพาตี้อุตรกุรุทวีป นั่นไม่ใช่ลูกศิษย์ของลูกศิษย์ฮว่อหลงเจินเหรินด้วยซ้ำ มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นลูกศิษย์ผู้สืบทอดด้วย?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!