ถึงที่สุดแล้วชุยตงซานก็ไม่ได้ทำตามความต้องการของอาจารย์ด้วยการนำภาพแขวนสามภาพของศาลบรรพจารย์ยอดเขาจี้เซ่อมาแขวนไว้ตรงกลาง จากนั้นค่อยแขวนภาพเหมือนของเขากับชุยตงซานไว้ตรงตำแหน่งล่างสุดฝั่งซ้ายและฝั่งขวา
งานพิธีก่อตั้งสำนักเบื้องล่างของภูเขาเซียนตูในวันนี้ยังคงอิงตามภูเขาลั่วพั่วสำนักเบื้องบน ไม่มีพิธีการยิบย่อยหยุมหยิม เรียบง่ายอย่างถึงที่สุด ไม่วุ่นวายเลยแม้แต่น้อย
ในศาลบรรพจารย์ หนึ่งซ้ายหนึ่งขวา ต่างก็วางเรียงเก้าอี้ไว้สองแถว
หนึ่งสำนักเบื้องบน ภูเขาลั่วพั่ว หนึ่งสำนักเบื้องล่าง ภูเขาเซียนตู สำนักกระบี่ชิงผิง
ด้านหนึ่งคือเฉินผิงอัน ฉางมิ่ง เหวยเหวินหลง เผยเฉียน โจวหมี่ลี่ เสี่ยวโม่ เจี่ยเฉิง จางเจียเจิน
เก้าอี้แถวหลังมีน่าหลันอวี้เตี๋ย ป๋ายเสวียน ซุนชุนหวัง ไฉอู๋
รวมทั้งสิ้นสิบสองคน
อีกด้านหนึ่งมีชุยตงซานขอบเขตเซียนเหริน หมี่อวี้ผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเซียนเหริน ชุยเหวยผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตก่อกำเนิด จ้งชิวผู้ฝึกยุทธขอบเขตปลายทางขั้นสูงสุด สุยโย่วเปียนผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตก่อกำเนิด เฉาฉิงหล่างผู้ฝึกตนโอสถทอง เถาหรานผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตโอสถทอง
เก้าอี้ด้านหลังก็มีเส้าพอเซียนผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตก่อกำเนิด เหมิงหลง สือชิว เจี่ยงชวี่ อวี๋เสียหุย เฉิงเฉาลู่ เหอกู อู๋โกว เซียวม่านอิ่ง ผู้ฝึกตนผีเซียนดินสองคน และหลันอี๋ อวี๋ซิ่งโหลว ฟู่จู้
รวมทั้งสิ้นสิบเก้าคน
สมาชิกของสองสำนักบนล่าง รวมกันแล้วสามสิบเอ็ดคน
ด้านหลังเก้าอี้สองแถวที่อยู่ฝั่งซ้ายและฝั่งขวาก็คือที่นั่งของแขกผู้มาเข้าร่วมงานพิธีการ กลุ่มหนึ่งคือคนในท้องถิ่นของใบถงทวีป อยู่ด้านหลังของชุยตงซาน อีกกลุ่มหนึ่งคือคนนอก อยู่ฝั่งของเฉินผิงอัน
เหยาเจิ้นแห่งราชวงศ์ต้าเฉวียน เจ้าเมืองเหยาเซียนจือ หลี่ซีหลิงเจ้ากรมพิธีการ หวงถิงเจ้าขุนเขาภูเขาไท่ผิง อวี๋ฟู่ซานผู้ถวายงานพิทักษ์ภูเขา เย่อวิ๋นอวิ๋นเจ้าขุนเขาแห่งเรือนอวิ๋นฉ่าวผูซาน ผู้คุมกฎถานหรง เซวียไหว
จางเฟิงกู่บรรพจารย์ผู้เฒ่าของสำนักกุยหยก หวังจี้ผู้ถวายงาน ชิวจื๋อเจ้าแห่งยอดเขาจิ่วอี้ เหวยกูซู เหวยเซียนโหยว เจียงเหิงแห่งพื้นที่มงคลถ้ำเมฆา ฉิวตู๋ หูฉู่หลิง จงขุย อวี่จิ่น ชิงถงแห่งหอสยบปีศาจ
เหลียงส่วงเทียนซือใหญ่ต่างแซ่ของภูเขามังกรพยัคฆ์ หม่าซวนฮุย หยวนหลิงเตี้ยนแห่งยอดเขาจื่อเสวียนยอดเขาพาตี้ จางซานเฟิง หลิวจิ่งหลงเจ้าสำนักกระบี่ไท่ฮุย ป๋ายโส่วแห่งยอดเขาเพียนหราน กั่วหรานแห่งภูเขาต้นไม้เหล็ก ถานอิ๋งโจว เจิ้งโย่วเฉียน สวีเซี่ยเซียนกระบี่ใหญ่แห่งเกราะทองทวีป หลิวจวี้เป่า หลิวโยวโจวแห่งธวัลทวีป อวี้พ่านสุ่ยแห่งราชวงศ์เสวียนมี่ทวีปแดนเทพแผ่นดินกลาง
แขกผู้เข้าร่วมงานพิธีสองกลุ่มมีรวมทั้งสิ้นสามสิบห้าคน
การจัดเรียงตำแหน่งที่นั่งของผู้ร่วมงานสองฝั่งก็น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะไม่ได้มีการเรียงลำดับ แต่ละคนเลือกที่นั่งได้ตามใจชอบ
คราวก่อนบนภูเขาลั่วพั่ว คนที่รับผิดชอบยื่นส่งธูปก็คือเฉินหน่วนซู่และโจวหมี่ลี่
ครั้งนี้บนยอดเขาชิงผิงเปลี่ยนมาเป็นเฉาฉิงหล่างกับโจวหมี่ลี่ ทั้งสองต่างก็ถือกระบอกธูปไว้คนละหนึ่งใบ
และครั้งก่อนที่เป็นงานฉลองก่อตั้งสำนักของภูเขาลั่วพั่ว การจุดธูปคารวะในศาลบรรพจารย์ของยอดเขาจี้เซ่อมีสมาชิกบนทำเนียบศาลบรรพจารย์ยอดเขาจี้เซ่ออยู่เบื้องหน้าสี่สิบสามคน แขกสามสิบหกคนที่เข้าร่วมงานพิธีอยู่ด้านหลัง
ครั้งนี้การจุดธูปคารวะของสำนักเบื้องล่าง เฉินผิงอันที่เป็นบรรพจารย์ของสำนักเบื้องบนคือคนเดียวที่ไม่จำเป็นต้องจุดธูปคารวะ คนชุดเขียวเพียงแค่ยืนอยู่ตรงตำแหน่งประธานฝั่งซ้ายมือเท่านั้น
ทุกคนที่ทยอยกันจุดธูปคารวะแล้วต่างก็กลับไปนั่งที่ของตัวเอง
จงขุยสามารถสัมผัสได้ถึงความกระอักกระอ่วนของเฉินผิงอันอย่างชัดเจน
อายุน้อยมากความสามารถมากเกินไปก็ไม่ค่อยดีนะ
ยืนทื่ออยู่ตรงนั้นคนเดียว รสชาติที่ถูกพวกเทียนซือใหญ่ต่างแซ่ของภูเขามังกรพยัคฆ์ เทพเจ้าแห่งโชคลาภสกุลหลิว อวี้พ่านสุ่ย ฯลฯ ทยอยกันมาจุดธูปคารวะ คิดดูแล้วคงมิอาจบอกกล่าวให้คนนอกเข้าใจได้เลย
เจ้าอ้วนอวี่จิ่นยิ่งหน่ายใจเป็นทบทวี รู้สึกว่าตัวเองขาดทุนใหญ่แล้ว เพียงแต่พอคิดว่าจงขุยจะยังทวงทรัพย์สินของตัวเองห้าส่วนกลับคืนมาจากเฉินผิงอัน ก็ยอมอดทนอดกลั้นเอาไว้
จางซานเฟิงก็กลั้นขำอยู่เหมือนกัน
ชิงถงรู้สึกว่าน่าสนใจมาก
หลังจากนั้นชุยตงซานก็พาเฉาฉิงหล่างและโจวหมี่ลี่ผู้พิทักษ์ฝ่ายขวาของภูเขาลั่วพั่วไปเปิดผ้าคลุมกรอบป้ายของสองสถานที่อย่างประตูภูเขาและศาลบรรพจารย์ตามกฎระเบียบบนภูเขาที่ปฏิบัติตามกันมาจนเป็นธรรมเนียมอย่างหนึ่ง
สำนักกระบี่ชิงผิง
ทางฝั่งของตีนเขายอดเขาชิงผิงยังต้องวางพาดบันไดแล้วยกเอากลอนคู่ที่อู๋ซวงเจี้ยงมอบให้ขึ้นแขวน
จากนั้นถึงกลับมายังศาลบรรพจารย์
หากไม่เป็นเพราะภูเขาเซียนตูต้องการทำทุกอย่างให้เรียบง่ายเข้าไว้ ต่อจากนี้ยังต้องมีผู้ฝึกตนที่มีคุณธรรมชื่อเสียงคนหนึ่งรับหน้าที่คล้ายขุนนางผู้ขานชื่อทำการประกาศคำอวยพรที่บรรพจารย์ของสำนัก เจ้าประมุขของจวนเซียนและจักรพรรดิของราชวงศ์ต่างๆ ที่ไม่ได้มาร่วมงานพิธีด้วยตัวเองส่งมาถึงอีกด้วย โดยทั่วไปแล้วงานพิธีของสำนักเบื้องล่างในใต้หล้าไพศาล เนื่องจากมีรากฐานของสำนักเบื้องบนและความสัมพันธ์ควันธูปจากฝ่ายต่างๆ บางทีลำพังขั้นตอนนี้ก็อาจใช้เวลานานถึงครึ่งชั่วยามหรือนานยิ่งกว่านั้น เนื่องจากส่วนใหญ่แล้วคำอวยพรมักจะมีมากหลายร้อยฉบับ
กระโดดข้ามขั้นตอนนี้ไป ชุยตงซานก็เริ่มแนะนำทุกคนที่นั่งอยู่ที่นี่ให้รู้จักกันไปตามลำดับขั้นตอน เริ่มจากภูเขาลั่วพั่วที่เป็นสำนักเบื้องบนจนมาถึงผู้ฝึกตนทำเนียบของสำนักกระบี่ชิงผิง สุดท้ายจึงเป็นผู้เข้าร่วมงานพิธี
ต่อจากนั้นก็เป็นผู้คุมกฎฉางมิ่งแห่งภูเขาลั่วพั่วที่ป่าวประกาศรายชื่อสมาชิกของศาลบรรพจารย์สำนักกระบี่ชิงผิง
เฉินผิงอัน ชุยตงซานเจ้าสำนักคนแรก ชุยเหวยผู้คุมกฎศาลบรรพจารย์ หมี่อวี้ผู้ถวายงานอันดับหนึ่ง จ้งชิวรับหน้าที่ดูแลเรื่องทรัพย์สินของสำนัก สุยโย่วเปียน เฉาฉิงหล่าง เถาหราน อู๋โกว เซียวม่านอิ๋ง
หลังจากนั้นชุยตงซานก็ใช้สถานะของเจ้าสำนักเชื้อเชิญหวงถิงแห่งภูเขาไท่ผิงให้มาเป็นเค่อชิงอันดับหนึ่ง เย่อวิ๋นอวิ๋นแห่งผูซานและเหยาเซียนจือแห่งต้าเฉวียนให้มาเป็นเค่อชิงที่ได้รับการบันทึกชื่อของสำนักกระบี่ชิงผิงอย่างเป็นทางการ
ต่อมาจึงเชิญชิงถง ฉิวตู๋ ให้รับหน้าที่เป็นผู้ถวายงานที่ได้รับการบันทึกชื่อของสำนักกระบี่ชิงผิง รวมไปถึงเฉาจวิ้นผู้ฝึกกระบี่ที่วันนี้ไม่ได้มาร่วมงานให้รับหน้าที่เป็นผู้ถวายงานอันดับล่าง คนทั้งสามเท่ากับว่าได้รับตำแหน่งเสริมเป็นสมาชิกของศาลบรรพจารย์สำนักกระบี่ชิงผิง
การเข้าร่วมงานพิธีของแขกทุกท่าน เมื่อมาถึงขั้นตอนนี้ก็ถือว่่าหมดหน้าที่แล้ว
หลังจากนั้นก็เป็นการจัดการประชุมศาลบรรพจารย์ครั้งแรกของสำนักกระบี่ชิงผิง
สมาชิกมีเฉินผิงอัน ฉางมิ่ง เหวยเหวินหลง เผยเฉียน โจวหมี่ลี่ เสี่ยวโม่ เจี่ยเฉิง
ชุยตงซาน หมี่อวี้ ชุยเหวย จ้งชิว สุยโย่วเปียน เฉาฉิงหล่าง เถาหราน อู๋โกว เซียวม่านอิ๋ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!