กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 964

หลงชินผู้มองเด็กหนุ่มหน้าตาหมดจดคมคายที่สวมหมวกหัวเสือ อย่างอึ้งตะลึง หรือ ว่า หรือว่า อีกฝ่ายจะเป็ น…?

ฉับพลันนั้นก็รู ้สึกเพียงว่าหูตาพร่าลาย ฟ้ าพลิกแผ่นดินคว่า ต้องไม่ใช่แน่นอน ไม่มี ทางใช่ ไม่มีทางเด็ดขาด!

ต้องรู ้ว่าต่อให้เป็ นใต้หล้ามืดสลัว เต้ากวานที่เลื่อมใสและเคารพ บูชาผู้ที่เป็ นความ ภาคภูมิใจที่สุดในโลกมนุษย์ผู้นั้นก็มีมากมายเกิน กว่าจะนับได้หมด

และหลงชินผู้ก็คือคนหนึ่งในนั้น นับประสาอะไรกับที่หลงชื่อผู้นี้ ยังมีสหายอีกคนหนึ่งที่

ถึงกับ “เย็บปะ บทกวีหลายร ้อยบทของป่ายเหยไว้บนร่าง

หากว่าเจ้าคนผู้นั้นได้มาเห็นคนตรงหน้าผู้นี้คงเสียสติทันที แน่นอน คงจะเหมือนถูก ฟ้ าผ่ากลางวันแสกๆ เจอกับทัณฑ์อสนีอย่าง ไม่คาดฝัน

หลงชินผู้รีบควักเหล้ากาหนึ่งออกมา แหงนหน้ากระดกดื่มจน หมด ต้องชะลอหน่อย ขอหายใจหายคอหน่อย

ตอนนี้คนที่มายังทะเลสาบกูผูแห่งนี้ก็มีนักพรตชุน ป่ ายเหย่และ เยี่ยนจั่ว

เพราะเมื่อครู่นี้เจ้าอารามผู้เฒ่าให้ลูกศิษย์สองคนนั้นกับพวกซุน เชื้อสามคนที่พบเจอ กันโดยบังเอิญ แต่ก็ถือเป็ นสหายที่มีโชคชะตา ต้องกันใช ้เวลาอยู่ร่วมกันดีๆ นานๆ ทีจะได้ ออกจากบ้าน คุยกันให้ มากหน่อย เหตุผลก็คือมีสหายบนภูเขาเพิ่มขึ้นมา ฟ้ าดินด้านนอก อารามเต๋าก็จะมีทางให้เดินเพิ่มมากขึ้น

นักพรตซุนยื่นมือออกมาโบก จุ๊ปากเอ่ยอย่างประหลาดใจ “แต่ง กายงดงามเฉิดฉัน กลิ่นหอมลอยอวล โชยปะทะจมูก เกือบจะทาให้ เทพธิดาบนสรวงสวรรค์เห็นแล้วรู ้สึกละอาย ใจที่สู้ไม่ได้แล้ว”

เยี่ยนจั่วฟังด้วยอาการชาไปทั้งหนังศีรษะ

ประโยคนี้เจ้าอารามผู้เฒ่าพูดได้ ใต้หล้าไร ้หน่อไม้” (เทียนเซี่ยอู่ สุน พ้องเสียงกับ ประโยคเทียนเชี่ยอู่ช่ง ซึ่งหมายถึงสังคมในอุดมคติ ที่ไม่มีข้อพิพาททางกฎหมาย) แล้ว

หลงชื่อตรงหน้าผู้นี้เคยเป็ นทั้งอุปราชย์ อัครเสนาบดีหรือไม่ก็ เจินเหรินผู้พิทักษ์แคว้น ของหลายแคว้นในหย่งโจว อีกทั้งยังเป็ นการ ควบตาแหน่งในเวลาเดียวกันด้วย แต่กลับไม่มี ความกังวลเรื่องความ ยุ่งยากวุ่นวายเลย

น่าจะเมื่อหลายร ้อยปี ก่อน เขาลาออกจากตาแหน่งทุกอย่าง ภายในวันเดียวกัน จากนั้นก็เริ่มใช ้ชีวิตร่อนเร่พเนจรอีกครั้ง ไปสร ้าง พื้นที่ประกอบพิธีกรรมน้อยใหญ่สิบกว่าแห่งไว้ นอกภูเขาปิงเจี่ย ได้

ยินมาว่าสถานที่แห่งใหม่ล่าสุดนี้ตั้งอยู่ริมลาคลองยวนเหอของมีโจวส ร ้างขึ้นเป็ นกระท่อมสามหลัง

หลงซินผู้พูดติดส าเนียงของหย่งโจวค่อนข้างหนัก เขาทอดถอน ใจอย่างปลงอนิจจัง “ยังมีพิณเหล็กชิ้นหนึ่งที่อยู่ในเจินโจว ไม่ได้พก ติดตัวมา มิอาจบรรเลงให้ท่านฟังได้”

ทั้งสองฝ่ ายต่างก็พูดเรื่องของตัวเองไปเหมือนเป็ ดคุยกับไก่ที่คุย กันไม่รู ้เรื่อง

“มาป้ อนปลาอีกแล้วหรือ?”

“จะพูดแบบนี้ก็ไม่ได้ กับแกล้มแกล้มสุราสองมื้อล้วนเตรียมไว้ พร ้อมแล้ว”

นักพรตขุนหัวเราะเยาะ “เดิมทีก็เป็ นเรื่องของการลอกเลียนแบบ คาพูดคนอื่นอยู่แล้ว แล้วยังจะโอ้อวดตัวเองอีก แสร ้งทาเล่นผีหลอก เจ้า ขายหน้าขายไปถึงใต้หล้าแห่งอื่นแล้ว อายุก็ตั้งปูนนี้แล้วไม่รู ้จัก อายเสียบ้าง”

หลงชินผู้ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “จะพูดแบบนี้ก็ไม่ถูก ในสถานที่บาง แห่งของที่นั่น จะดีจะชั่ว ก็เป็ นขอบเขตหยกดิบ จะถือว่าเป็ นการแสร ้ง ท าเป็ นเล่นผีหลอกเจ้าได้อย่างไร อีกอย่างหาก ไม่ใช่เพราะเจ้าอาราม ผู้เฒ่าเรียกคาแล้วคาเล่าว่าสหายน้อยเฉิน ข้าก็คงไม่ถึงขั้นออกเดิน ทางไกลอย่างไม่เกรงกลัวความยากล าบากหรอก”

นักพรตขุนเหลือบตามองหลงชินผู่ “ได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร? เป็ นเพราะสานักของ พวกเจ้าไม่ได้ตั้งชื่อให้ดี เลยใกล้จะจบเห่แล้ว? ก่อนที่จะสละร่าง ต้องการให้ผินเต้าไปช่วย ปกป้ องมรรคาให้ก่อน หรือไม่?”

แม้หลงชินผู้จะชอบก่อเรื่องอยู่ล่างภูเขา แต่ชื่อเสียงบนภูเขา อัน ที่จริงกลับนับว่ายัง พอใช ้ได้ พอจะถือได้ว่าผูกสัมพันธ ์กับผู้คนอย่าง กว้างขวาง มีสหายอยู่ทั่วหล้า

หากจะคิดกันขึ้นมาจริงๆ ผู้ฝึกลมปราณคนหนึ่งที่สามารถทาให้ เจ้าอารามผู้เฒ่าออก มาจากฉีโจว เป็ นฝ่ ายมาหาถึงที่ ก็ถือได้ว่าหา ได้ยากจริงๆ

หลงชินผู้ยิ้มจืดเขื่อน ก็ไม่ถือสาคาสัพยอกของเจ้าอารามผู้เฒ่า “ต้องโทษตัวข้าเอง จะโทษคนอื่นไม่ได้ ก็แค่ว่าประมาทเกินไป”

“อ้อ? หมายความว่าอย่างไร?”

นักพรตขุนยิ้มถาม “แอบตีกับเต้าเหล่าเอ้อมาหรือ? เจ้าคิดว่า ตัวเองคือสหายเป่ าหลิน หรืออย่างไร? ต่อให้จะถามกระบี่กับผู้ไร ้ เทียมทานที่แท้จริงก็สามารถหยัดยืนอยู่ในสถานะที่ มิตายดับได้ครั้ง แล้วครั้งเล่า?”

หลงชินผู้มองข้ามค าพูดเหน็บแนมของนักพรตซุนไปโดยตรง ถามว่า “สถานที่แห่งนี้ เหมาะให้พูดคุยกันหรือ?”

นักพรตขุนพยักหน้า “คุยได้ตามสบาย”

หลงชินผู่เอ่ยชื่นชมจากใจจริง “เจ้าอารามผู้เฒ่าในทุกวันนี้ช่าง ท าให้คนอิจฉาจริงๆ”

หลังจากนั้นหลงชินผู่ก็เล่าอย่างไม่ได้ปิดบังใดๆ แต่เจ้าอารามผู้ เฒ่าจงใจทาให้ เยี่ยนจั่วมิอาจได้ยินเสียงในใจของคนผู้นี้

ที่แท้หลงชื่อผู้ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือท่านนี้เคยไล่ตามเบาะแสไป

“กราบภูเขา” ของชินชูที่ ยอดเขารุ่นเยว่
ไม่เคยขึ้นไปบนภูเขา แล้วก็ไม่จาเป็ นต้องขึ้นเขา ผลคือที่ตีนเขา แห่งนั้น หลงชินผู้ที่ • เตรียมใจไว้พร ้อมแล้วกลับเอ่ยไปแค่สี่ประโยค

ก็ถูกท าร ้ายถึงรากฐานมหามรรคาทันที

เขากระอักเลือดออกมาสดๆ หนึ่งคา ประหนึ่งปมเชือกที่พันกัน ยุ่งเหยิงบ่มหนึ่ง เชือก แต่ละเส้นรัดพันกันแน่น สีสันแตกต่างกันไป มี ทั้งสีม่วง สีเหลือง สีชาดและสีเขียว

ขอบเขตถดถอยลงมาหนึ่งขั้นโดยตรง

เพราะคาทานายสี่อักษรของหลงชินผู้เป็ นความผิดมหันต์ ร ้ายแรง

“ตึกใหญ่ก าลังจะถล่ม

นักพรตขุนฟังหลงชินผู่อธิบายขั้นตอนคร่าวๆ แล้วก็ถอนสายตา กลับคืนมา เพียงไม่ นานสีหน้าก็กลับคืนมาเป็ นปกติ เอ่ยเย้ยหยันว่า

“พวกเจ้าแต่ละคนไม่มีมาดของปรมาจารย์หรือน้าใจของผู้อาวุโสกัน บ้างเลยหรือ? จะเอาแต่จับตัวชินขู่มาเหมือนจับแกะมารีดขนออก อย่างเอาเป็ นเอาตายก็คงไม่ได้กระมัง”

หากไม่เป็ นเพราะเจอกับสหายน้อยซินขู่บนยอดเขารุ่นเยว์แล้ว รู ้สึกเหมือนสหายที่รู ้จัก กันมานาน ไม่อย่างนั้นเจ้าอารามผู้เฒ่า อาจจะยกตัวอย่างเปรียบเทียบที่เห็นภาพชัดเจนยิ่ง กว่านี้ก็เป็ นได้

พวกเจ้าคิดว่ากาลังเข้าแถวเดินเที่ยวหอนางโลมอยู่หรือไร

สายตาของหลงชินผู้ฉายแววประหลาด เพราะถึงอย่างไรผู้ฝึกตน คนที่สามที่เดินขึ้น ยอดเขารุ่นเยว่ตามหลังมรรคาจารย์เต๋าและลู่เฉิน ก็คือเจ้าอารามผู้เฒ่าตรงหน้าผู้นี้

นักพรตชุนมองทะลุไปเห็นความคิดของอีกฝ่ ายได้โดยตรง จึง เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์

นักพรตขุนมองทะลุไปเห็นความคิดของอีกฝ่ ายได้โดยตรง จึง เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ ว่า “ผินเต้าจะเหมือนพวกเจ้าได้หรือ? ปีนั้น ผินเต้าก าลังจะออกจากบ้านเกิดเดินทางไกล แล้วถึงได้ไปหาสหาย น้อยชินขู่ที่ยอดเขารุ่นเยว่เพื่อบอกลา”

“สหายน้อยชินขู่ “หวังหยวนลู่ลูกหลานบ้านตน” “ผีน้อยตนนั้น” รวมไปถึง “สหายน้อย เฉิน” คนใหม่ล่าสุดนั่น

ล้วนเป็ นคาเรียกขานอย่างแสดงความสนิทสนมที่นักพรตขุนมี ต่อผู้เยาว์บนภูเขาเหล่านี้

เพียงแต่เห็นแก่ที่หลงชินผู้ขอบเขตถดถอย จึงดีกับเขามาก หน่อย ยอมพูดจาจากใจ จริงน้อยลงสองสามประโยค

นักพรตขุนเอ่ย “แล้วก็เพราะมรรคาจารย์เต๋าใจกว้าง ไม่อย่างนั้น แค่นิ้วเดียวก็บดขยี้ เจ้าให้ตายได้แล้ว”

ในบรรดาผู้ฝึกตนบนยอดเขาของใต้หล้ามืดสลัว เกี่ยวกับบุรุษที่ ทัดดอกไม้ บรรพจาร ย์แห่งภูเขาปิงเจี่ยผู้นี้ มีคากล่าวที่โด่งดังอยู่ ประโยคหนึ่ง “สามถดถอยสองบินทะยาน

ไม่ได้พูดว่าเขาเหมือนกับเสนาบดีรูปงามเหยาชิงที่สามารถ สังหารสามอสุภะส าเร็จจน เกิดเป็ นเขียนสละศพอะไร แต่เขาเคย ขอบเขตถดถอยสามครั้ง ครั้งแรกคือถดถอยจากเซียน เหรินมายัง หยกดิบ สองครั้งหลังก็ยิ่งถดถอยจากขอบเขตบินทะยาน ผลกลับ กลายเป็ นว่าเขา ล้วนกลับคืนไปยังขอบเขตบินทะยานได้ใหม่ทั้งสอง ครั้ง

จะโทษคนอื่นไม่ได้ จะโทษก็ต้องโทษที่ตัวเขาเอง ภูเขาสายน้า เปลี่ยนง่ายแต่สันดาน คนนั้นเปลี่ยน ปกติแล้วจะไม่หาเรื่องใส่ตัว แต่ ทุกครั้งพอหาเรื่องใส่ตัวขึ้นมาก็ล้วนเป็ นเรื่อง ใหญ่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!