ในตําราบอกไว้ว่า ใต้หล้านี้ไม่มีงานเลี้ยงใดที่ไม่มีวันเลิกรา แต่ก็ ไม่ต้องกลัว ในตํารา ยังพูดด้วยว่า ชีวิตคนไม่มีที่ใดที่มิอาจพานพบ
แขกที่มาเข้าร่วมงานพิธีต่างก็ทยอยกันออกไปจากยอดเขามี่
เซวี่ย กลุ่มคนที่มีจํานวน คนมากที่สุดโดยสารเรือข้ามฟากถงอินที่
สํานักกระบี่ชิงผิงเพิ่งจะได้มาครองจากไปด้วย ขบวนเดินทางอัน ยิ่งใหญ่ มุ่งหน้าไปยังภูเขาไท่ผิง
นอกจากหวงถึงเจ้าขุนเขาคนใหม่ซึ่งไม่มีที่ใดให้ต้องกังขาแล้ว
ภูเขาไท่ผิงยังมีผู้ถวายบ้าน คั่วหรานผู้ถวาย
งานที่ได้รับการบันทึกชื่อ ลูกศิษย์ถานยิ่งโจว เจิ้งโย่วเฉียน เนื่องจาก จางชานเฟิงต้องการเดินทางท่องเที่ยวอยู่ในใบถงทวีปต่อ จึงสามารถ
เดินผิงที่อยากไปดูท่าเรือชวีซานได้พอดี เผยเฉียน
ติดตามพี่หญิงเป่าผิง ไปด้วย พวกนางต่างแต่งกายด้วยการสะพาย หีบไม้ไผ่ ในมือถือไม้เท้าเดินป่า คิดว่าจะไปที่ภูเขาไท่ผิงก่อนรอบ หนึ่ง แล้วค่อยไปเที่ยวเยือนเรือนอวิ๋นฉ่าวของผูซาน เมื่อเป็นเช่นนี้ เย่อวิ๋นอวิ๋นจึงบอกให้ถานหรงและเซวียไหวกลับภูเขาไปก่อน นางเอง
ก็จะไปดูที่ตั้งเก่าของภูเขาไท่ผิงเช่นกัน ผลคือจงขุยกับอวี่จิ่นก็จะ
ตามไปด้วย ปีนั้นตอนที่จงขุยยังเป็นวิญญูชนของสํานักศึกษาต้าฟูก็ สนิทสนมคุ้นเคยกับภูเขาไท่ผิงดีอยู่แล้ว ส่วนเจ้าอ้วนผู้นั้น เขาย่อมมี
เหตุผล ที่ถูกต้องชอบธรรม หมายจะเป็นผู้พิทักษ์บุปผา…หยวนหลิง เตี้ยนเห็นท่าทางนี้ เห็นขบวนเดินทางเช่นนี้ก็รู้แล้วว่าศิษย์น้องเล็กไม่
จําเป็นต้องให้ตนปกป้องมรรคาให้อีกแล้ว
หยวนหลิงเตี้ยนจึงออกไปจากใบถงทวีปก่อน แต่กลับไม่ได้หวน กลับไปยังยอดเขาพาตี้ แต่ทะยานลมตรงดิ่งไปเหนือมหาสมุทร อาศัย กุยชวีมุ่งหน้าไปยังใต้หล้าเปลี่ยวร้าง ไปห ฮว่อหลงเจินเหรินผู้เป็น
อาจารย์
เรือข้ามฟากถงอินลอยขึ้นกลางอากาศช้าๆ หลังจากลอดทะลุ ชั้นเมฆแต่ละชั้นไปแล้วก็พลันจากไปไกล รวดเร็วประดุจนกชิงเหนี่ยว (นกในตํานาน เป็นทูตของเจ้าแม่ชีหวังหมู่ ทําหน้าที่คอยส่งข่าว)
คนชุดเขียวคนหนึ่งเดินอยู่บนท่าเรือชิงซาน ปรึกษากับเด็กหนุ่ม
ชุดขาวผู้มีไฝแดง กลางหว่างคิ้วถึงการจัดตั้งร้านค้าบนท่าเรือใน
อนาคต ปรึกษากันว่าควรจะเป็นฝ่ายบอก กล่าวกับเหล่าบรรพจารย์
ร้านผ้าห่อบุญบนโลกว่าให้มาลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่ดีหรือไม่
ข้างกายคนทั้งสองมีแม่นางน้อยชุดดําคนหนึ่งติดตามมาด้วย ใน มือนางถือไม้เท้า ไม้ไผ่เขียว บนบ่าแบกคานหาบสีทอง สะพาย กระเป๋าผ้าฝ้ายเฉียงๆ วันนี้บนหลังยังสะพาย หีบหนังสือใบเล็กใหม่
เอี่ยมสีเขียวปลั่งราวกับจะคั้นน้ําได้มาใบหนึ่งด้วย
เดิมทีเฉินผิงอันคิดจะไปเยือนภูเขาไท่ผิงพร้อมกับหลี่เป่าผิงและ เผยเฉียน แต่เขาเพิ่ง จะได้รับจดหมายลับฉบับหนึ่งจากอริยะปราชญ์
ลัทธิขงจื้อท่านหนึ่งที่นั่งบัญชาการณ์ม่านฟ้า นี่ทําให้เฉินผิงอัน จําเป็นต้องเดินทางกลับภูเขาลั่วตั่วทันที อีกทั้งยังต้องเรียกเสี่ยวโม่ไป
ด้วยกัน
ส่วนเรือข้ามฟากเพิ่งยวนที่ตอนนี้ยังจอดเทียบท่าอยู่ที่ท่าเรือซิง
ซาน การเดินทางลงใต้ คราวหน้า นอกจากท่าเรือซวีซานอวี่โจวทาง ทิศใต้สุดที่จะมีเรือตระกูลเขียนมาจอดเทียบท่า เพิ่มลําหนึ่ง ก็ยังจะไป
เยือนท่าเรือปี้เฉิงที่อยู่ใกล้กับประตูภูเขาของสํานักกุยหยกด้วย
บ
เพราะ ถึงอย่างไรหากอิงตามข้อตกลง สองสถานที่ในพื้นที่มงคลถ้ํา เมฆาอย่างหาดหินหวงเฮ้อและ ภูเขาเยี่ยนซาน รายรับอีกห้าร้อยปี ข้างหน้าก็จะต้องหล่นลงในกระเป๋าเงินของห้องบัญชี สํานักกระบี่ซิ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูเขาเยี่ยนชานที่เป็นสถานที่ผลิตหินตระกูล
บ
เซียนซึ่งเอาไว้ใช้ทําแท่นฝนหมึกมังกรน้ํา ภูเขาเยี่ยนชานมีขนาด
ใหญ่มาก สํานักกุยหยกและช่างของสกุลเจียงทยอยกันขุดเป็น
ไม่มีวี่แววว่าจะหมดสิ้น ซุยตงซานจะส่งยันต์
หุ่นเชิดพวกมัวอวี่เอ๋อร์ เที่ยวซานกง ฯลฯ ให้ไปตรวจสอบ สถานการณ์ สํารวจอย่างละเอียด ยืนยันในเรื่องปริมาณหินสํารองที่มี เก็บไว้ให้แน่ใจ เรื่องทํานองนี้ควรกระทําอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา ไม่จําเป็นต้องปิดบังอําพราง หนึ่งเพราะมีเหตุผลที่ถูกต้องชอบธรรม ตามข้อ ตกลง อํานาจในการขุดเจาะภูเขาเยี่ยนซานภายในห้าร้อยปี จะตกเป็นของสํานักกระบี่ชิงผิง ทั้งหมด นอกจากนี้ต้องยกคุณ
ความชอบให้กับเรื่องที่อาจารย์ตอบตกลงว่าจะช่วยสานสะพาน
ความสัมพันธ์ให้ต่งสุ่ยจิ่งกับกรมการคลังต้าหลี บวกกับสกุลเจียงแห่ง
พื้นที่มงคลถ้ําเมฆา อาจมีกองกําลังสี่ฝ่ายที่ร่วมมือกันทําการค้าแท่น ฝนหมึกนี้ ความบกพร่องเพียงหนึ่งเดียวในความสมบูรณ์แบบก็คือ อาจารย์เตรียมจะเอารายได้ทั้งหมดที่ได้มาไปแบ่งกับสกุลเจียงห้าต่อ
ซุยตงซานหัวเราะร่าถามว่า “อาจารย์ ท่านรู้สึกว่าหลิวโยวโจว
เป็นคนอย่างไร?”
เฉินผิงอันไม่ต้องหยุดคิด “ดีมากเลยล่ะ มีความคิด มีความ รับผิดชอบ ทั้งยังเป็นคน ใจกว้าง ไม่มีนิสัยของคุณชายตระกูลร่ํารวย อะไร ได้ยินอาจารย์อวี้เล่าว่าหลิวโยวโจวยังเป็นจิตรกรเอกคนหนึ่ง ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้องหนังสือของเขา ทุกวันนี้ยังแขวนภาพ มีชื่อ เสียงที่สืบทอดต่อกันมาหลายยุคสมัยซึ่งมีมูลค่าควรเมืองเอาไว้
จะต้องทําหน้าหากไปเป็นแขกที่สกุลหลิวธวัลทวีป
จะต้องไปชื่นชมให้จงได้”
ยางขานถ
ชุยตงซานถามอย่างระมัดระวัง “ข้ามักรู้สึกว่าสายตาที่หลิวโยว
โจวมองศิษย์พี่หญิง ใหญ่มีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่นะ”
เฉินผิงอันยิ้มน้อยๆ “สตรีที่ดีย่อมเป็นที่หมายปองของเหล่าบุรุษ ก็ไม่เห็นแปลก”
ซุยตงซานทนแล้วทนอีก สุดท้ายก็ทนไม่ไหว “ถ้าอย่างนั้นทําไม ตอนอยู่บนยอดเขาชิงผิง ตอนที่อาจารย์มองหลิวโยวโจวถึงได้ยิ้ม อย่าง….ไม่ค่อยจริงใจ ชวนให้คนขนลุกอย่างนั้นล่ะ”
เฉินผิงอันสอดสองมือไว้ในชายแขนเสื้อ หันหน้ามามองซุยตง ซาน ใช้สีหน้าและน้ํา เสียงที่ไร้ซึ่งความจริงใจอย่างสิ้นเชิง “งั้นหรือ? ข้ารู้สึกว่าตัวเองเป็นมิตรมากเลยนะ”
ขุยดงซานรีบพยักหน้ารับรัวๆ เป็นไก่จิกเมล็ดข้าวเปลือกทันที “เป็นมิตร เป็นมิตรมาก
ซุยตงซานสอดสองมือรองไว้ใต้ท้ายทอย บางทีตัวอาจารย์เอง
อาจตระหนักไม่ได้ว่า เมื่ออยู่กับลูกศิษย์ใหญ่อย่างเผยเฉียน มีเพียง
ซุยตงซานสอดสองข้ากับคนอื่นได้ง่ายมากๆ!”
แค่คนสองคนอย่างหลีไหวกับเฉาฉิงหล่าง เท่านั้นที่ไม่ว่าพวกเขาจะ
อยู่ร่วมกับเผยเฉียนอย่างไร อาจารย์ล้วนไม่ถือสาเลยสักนิด วางใจ อย่างมาก เวลาอยู่กับเผยเฉียน อาจารย์มีสภาพจิตใจที่คล้ายกับ…
เป็นทั้งอาจารย์และทั้งบิดา….แต่อันที่จริงเมื่อสืบสาวราวเรื่องกันแล้ว
กลับไม่รู้สึกอันละเอียดอ่อนเหมือน บิดาเฒ่ามากกว่า
ซุยตงซานหัวเราะคิกคัก “ผู้พิทักษ์ฝ่ายขวา สะพายหีบหนังสือใบ
ใหม่ มีความสุขหรือไม่
หมี่ลี่น้อยหัวเราะฮ่าๆ ปากกว้าง “มีความสุข มีความสุข”
ขุยตงซานถามอีกว่า “รู้จักคําว่าสะพายหีบหนังสือออกทัศนาจร หรือไม่ มีใครเขา สะพายหีบตําราเดินเตร็ดเตร่ไปมาอยู่หน้าประตู
บ้านอย่างเจ้าบ้างเล่า ดูอย่างเจ้าประมุข แห่งยุทธจักรและหัวหน้าศูนย์ บัญชาการณ์ใหญ่เผยสิ ล้วนต้องออกเดินทางไกลถึงจะ สะพายหีบ
ตารากันนะ”
หมี่ลี่น้อยโยกไหล่ซ้ายทีขวาที “แค่ขุนนางตัวน้อยๆ ความใจกล้า ใหญ่เท่าชามข้าว เดินทางไกลไม่ได้ แค่เดินทางใกล้ เดินทางใกล้”
เตียงวานยังอยากจะพูดต่อ คิดจะเอ่ยสับ
ว
สามประโยค ผลกลับถูกอาจารย์ตบหัวไปทีหนึ่ง
สักสอง
ซุยตงซานพลันถูมือ พูดด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความลําบากใจ
“อาจจะยังต้องขอยืมคนของสํานักเบื้องบนจากอาจารย์มาอีกสอง
คน”
เฉินผิงอันหันหน้ามายิ้มตาหยีถาม “กี่คนนะ ได้ยินไม่ชัด ลอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!