บทที่ 966.5 ทายก่อน
หงเหมี่ยวเคยมีปณิธานสูงส่งยาวไกล หวังว่าตัวเองจะมีพรสวรรค์ ในด้านมรรคกถากลายเป็นคนที่ถูกตําราเต๋าขนานนามว่า “ใจคนมี
จํากัด แต่ใจฟ้าไร้ขีดจํากัด คือ ความคิด
ฟุ้งซ่าน หรือไม่ก็ได้ทําพิธีรับศีลใหญ่สามระดับได้แก่ซูเจิน จงจี๋ เทียน เซียน ได้รับมอบธรรมโองการจากเงินเหรินผู้เป็น ‘ลวี่ชื่อ” ในอาราม เต่าที่ได้รับแต่งตั้งจากทางราชสํานักบางคน หรือไม่ก็ได้จัดพิธีเลื่อน ขั้นในอารามที่เป็นฉงหลินซึ่งมีน้อยจนนับนิ้วได้ในหรูโจว รับหน้าที่
เป็นเจ้าอาวาส ถึงขั้นที่ว่าได้กลายเป็นเซียนดินที่สร้างโอสถทองคน
หนึ่ง ประจําการอยู่บนพื้นพสุธา เป็นเทพเซียนผู้เฒ่าอย่างสมชื่อมาก
ที่สุด
ความปรารถนาที่ใหญ่ที่สุดก็คือเรื่องที่นักพรตเฒ่าไม่ค่อยกล้า
คิดถึงบ่อยนัก “^นว่าคือการได้ไปเที่ยวเยือนห้านครสิบสองหอ เรือนของป้ายอรี่จึงในความฝัน!
ถานโส่วกล่าว “นักพรตหง หากไม่รู้สึกว่าเป็นการลดเกียรติ ตัวเองก็สามารถไปรับหน้าที่เป็นชิงเค่อ (หมายถึงแขกที่ช่วยออก หัวคิดให้ที่มาอยู่กินในบ้านของเจ้าของที่ดิน หรือขุนนางในสมัย สังคมเก่า) ที่ตระกูลของข้า พวกเรายังขาดอาจารย์ผู้สอนมาโดย ตลอด”
ต่อให้หงเหมี่ยวจะขอบเขตถดถอย แต่ก็ยังเป็นผู้ฝึกตนขอบเขต
ถ้ําสถิตคนหนึ่ง แล้วนับประสาอะไรกับที่เส้นสายและควันธูปของ นักพรตผู้เฒ่าก็ยังมี ความรู้ก็ยังอยู่เต็มท้อง
ไม่ถือว่าเป็นการค้าขายที่คุ้มค่าสักเท่าไร แต่ทางตระกูลของนาง ก็พอจะรับรองได้ว่าจะไม่ทําให้เขาขาดทุน เพราะถึงอย่างไรนอกจาก เงินเดือนแล้วก็ยังต้องมอบยาต่ออายุขัยให้ อีกเม็ดสองเม็ด
นักพรตเฒ่าโบกมือด้วยรอยยิ้ม “ไยต้องทําการค้าที่ทั้งสองฝ่าย
ต่างก็ไม่ได้กําไรด้วยเล่า หากผินเต้าเป็นคนว่างงาน วันหน้าไปเป็น แขกที่ตระกูลถานในเมืองเหอเจียนของพวกเจ้า ยังจะได้ดื่มสุราดีๆ
โดยไม่ต้องจ่ายเงิน แต่หากต้องเบิกตาใหญ่มองตาเล็กอยู่ทุกวันด้วย นิสัยเสียๆ ที่ความสามารถมีไม่มากแต่ความเจ้าอารมณ์มีไม่น้อยของ ผินเต้านี้ สักวันจะต้องเกิดปัญหากับพวกเจ้าแน่นอน ถึงเวลานั้นต่าง
คนต่างเกิดความไม่พอใจ ไฉนต้องหาเรื่องลําบากใส่ตัวด้วย”
ถานโส่วกําลังจะพูดต่อ แต่ก็กลืนคําพูดที่มารออยู่ตรงริมฝีปาก
กรวดเร็ว
หงเหมี่ยวหันไปมองนอกหน้าต่าง “ในที่สุดก็มาสักที”
ทางฝั่งของระเบียงที่อยู่ใต้ชายคา เด็กหนุ่มทั้งหลายที่นั่งยองเรียง แถวกันอยู่ เฉินฉงเพียงแค่เลิกเปลือกตาขึ้นน้อยๆ เอาสองมือสอดไว้ ในชายแขนเสื้อต่อ อ้าปากหาว
ส่วนหม่าฉงได้แอบขยับมาลอบฟังบทสนทนาของคนทั้งสามที่
มุมกําแพงแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
เงาร่างสามสายพลิ้วกายลงตรงตีนเขาของอารามหลิงจิ้งแล้ว
เลือกจะเดินเท้าขึ้นเขา นี่ไม่ใช่เพราะให้เกียรติอารามเล็กไร้ชื่อเสียง
แห่งนี้ แต่เป็นเพราะไม่กล้าไม่เห็นกฎของป่ายอวี้จึงเป็นสําคัญ
หม่าฉงเป็นคนแรกที่หันไปมองคนต่างถิ่นสามคนที่เดินเข้าประตู
ใหญ่ของอารามมาเขารีบลุกขึ้นยืน ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง นั่น คือนายท่านขุนนางของราชสํานักตัวจริงเสียจริง คือเทพเขียนจริงๆ!
กู่เกาใช้ศอกกระทุ้งเฉินฉง ผงกปลายคางบอกเป็นนัยให้รีบหัน ไปมองแขกผู้สูงศักดิ์เหล่านั้น
เฉินฉงหันหน้ามามองสู่เกา
จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นอย่างมึน งง แล้วก็ต้องอึ้งตะลึงไป สุดท้ายดวงตาของเขาพลันเป็นประกายเจิด จ้า เปี่ยมไปด้วยความสงสัยใคร่รู้ อิจฉา รู้สึก ว่าตัวเองต่ําต้อย และ
วาดฝัน
หนึ่งสะพายกระบี่ เหรียญทองแดงเล่มหนึ่งไว้บนหลัง มีผู้เฒ่าห้อย
ทพเซียนเต้ากวานทั้งสามคนนั้นมีผู้ฝึกตนหนุ่มคน
น้ําเต้าจับปีศาจสีทองอ่อนไว้ตรงเอว และยังมีนักพรตหญิงที่ลักษณะ
เหมือนเด็กสาว
อันที่จริงคนทั้งสามต่างก็สงสัยใคร่รู้อย่างมากว่าเหตุใดเขตการ ปกครองอิ๋งชวนที่สงบสุขมาโดยตลอด จู่ๆ ถึงได้มีผีร้ายออกอาละวาด อีกทั้งยังขอบเขตไม่ต่ําด้วย
ดังนั้นนับตั้งแต่ราชสํานักมาจนถึงตัวนครต่างก็ไม่มีใครกล้า ประมาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งฝ่ายหลังที่เส้นเอ็นหัวใจขมวดตึงอยู่ ตลอด ในความเป็นจริงแล้วคําว่าคร่าชีวิตไปหลายชีวิตนั้นเป็นแค่ ข่าวเล็กๆ ที่จงใจคุยโวโอ้อวดให้เกินจริง เพียงแต่ว่าที่ว่าการของ อําเภอสองแห่งต่างก็ถูกผีร้ายที่ขวัญกล้าเทียมฟ้าตนนั้นปั่นหัว
ก่อกวน มีเต้ากวานสองคนที่คนหนึ่งถูกสิง สติเลอะเลือนทั้งวัน เอาแต่
ก่อกวน มีเต้ากนี้กางเกงเปียกวันละหลายรอบอยู่
ทุกวัน เข้าท่าเสียที่ไหน และยังมีเต้ากวานอีกคนหนึ่งที่ไม่ใช่ผู้ฝึก ลมปราณ จุดจบก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันสักเท่าไร ถูกปอกลอกเสื้อผ้าจน เนื้อตัวเปลือยเปล่าแล้วจับโยนไว้บนถนนใหญ่ ผีตัวนี้ต้องการท้าทาย
แต้วดูกัน
เต้ากวานของในเขตปกครองหรือถึงขั้นของทั้งแคว้นเลยด้วยซ้ํา
ทางฝั่งชายแดนได้มีเต้ากวานที่เริ่มปูพรมค้นหาอย่างเข้มงวดกัน
%%
แล้ว และพวกเขาสามคนก็คือคนที่รับผิดชอบตรวจสอบพื้นที่ในรัศมี หลายร้อยลี้รอบด้านนี้อย่างละเอียดกังวลว่าผีร้ายจะเจ้าเล่ห์มาหลบ
ซ่อนตัวอยู่ใกล้กับอารามหลิงจิ้ง พวกเขาถึงได้มาที่อารามนอกจาก
ทําการตรวจสอบแล้วก็ต้องยืนยันให้แน่ใจด้วยว่าผีร้ายได้หลบซ่อน
อยู่ในอาณาเขตโดยรอบของภูเขาลูกเล็กหรือไม่ หลังจากที่พวกเขา เข้ามาในอารามแล้วก็ไม่รอให้หงเหมี่ยวโอภาปราศรัย เต้ากวานหนุ่ม
ที่สะพายกระบี่โบราณซึ่งเป็นเหรียญทองแดงที่ร้อยเรียงกันเป็นกระบี่ ก็ยกกระฉ่องส่องมารขึ้นมา ทะยานลมลอยตัวขึ้นสูง แสงสว่างสาด ส่องไปทั่วสี่ทิศนักพรตหนุ่มหมุนกระจกทองแดงในมือช้าๆ แม้แต่หอ ระฆังในอารามหลิงจิ้งก็ยังไม่ปล่อยผ่าน สุดท้ายพลิ้วกายลงในลาน
กว้าง หงเหมี่ยวที่เป็นเจ้าอารามเผยสีหน้าขุ่นซึ้งออกมาเสี้ยวหนึ่ง เ
สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยอะไร
ทําการสอบสวนในห้องของนักพรตผู้เฒ่าไปรอบหนึ่ง เต้ากวาน ทั้งสามจุดเนื้อหาลงในสมุดบันทึกแล้วก็พากันกลับ พอเดินเท้าลง จากภูเขาไปแล้วก็ทะยานลมจากไปไกล
พวกเขายังนําเอกสารของทางตัวเมืองมาด้วยฉบับหนึ่ง ทิ้งไว้
ให้กับหงเหมี่ยว นี่เท่ากับว่านับแต่นี้ไปนักพรตเฒ่าไม่ใช่เจ้าอาราม อีกต่อไปแล้ว หลังจากกลับไปที่ตัวเมืองก็จะมีหน้าที่อย่างอื่นรอให้เขา ไปทํา
หลังจากนั้นนักพรตเฒ่าก็เรียกเตียนเค่ออย่างฉางเกิงมา มอบ
สมุดบัญชีให้กับผู้เฒ่า หงเหมี่ยวบอกให้พวกเขาอดทนรอผู้ดูแลคน ถัดไปมารับหน้าที่ เรื่องของการมอบหมาย ทรัพย์สิน สมุดบัญชีและ ตําราต่างๆ พวกเขาล้วนไม่ต้องเป็นกังวล ถึงอย่างไรที่ห้องบัญชีก็ เหลือเงินแค่ไม่กี่สิบตําลึงเท่านั้น นักพรตเฒ่ายังบอกด้วยว่ายันต์ที่ตน แปะไว้ตามจุดต่างๆ ของอารามนั้นห้ามปลดออกเด็ดขาด สามารถ ขับไล่ภูตผีสิ่งชั่วร้ายได้
ผลคือหลังจากนั้นไม่กี่วัน
ผู้คนในอารามเต๋าต่างก็รู้สึกเหมือน ตกอยู่ในอันตราย แต่ละคนอกสั่นขวัญผวา โชคดีที่ไม่มีใครถูกผีร้าย เล่นงาน หลิวฟางคนเฝ้าศาลได้ยินเรื่องนี้ เดิมยังคิดว่าในเมื่อเจ้า
อารามคนใหม่ยังมาไม่ถึงตนก็จะไปนอนอยู่ในห้องของหงเหมี่ยวสัก
อารามหลิงจิ้งอย่าออกไปไหน ผลคือ
สองสามคืน ทีแรกก็ไม่มีอะไร กลับยิ่งมั่นใจว่าควรจะหลบอยู่ใน
ในอารามก็ตกใจจนหันหัวเลี้ยวกลับ วิ่งตะบึงลงไปจากภูเขาทันที
ตัดสินใจแล้วว่าภายในเวลาสองสามเดือนนี้จะไม่ขึ้นมาบนภูเขา
เด็ดขาด ถึงอย่างไรจะมีหรือไม่มีคนเฝ้าศาล ทางอารามก็ไม่มีงาน อะไรให้เขาทําอยู่แล้ว
ด้านหลังอารามมีบ่อน้ําแห่งหนึ่งที่น้ําแห้งขอดมานานหลายปี
ตั้งอยู่ใกล้กับแปลงผัก แปลงหนึ่ง นอกจากใบไม้ร่วงและหิมะที่ทับถม อยู่ในบ่อน้ําแล้วก็ไม่มีอะไรอีก
ในอดีตหลินซูมักจะชอบหลอกคนอื่นๆ ว่าด้านในนั้นอันที่จริงมีผี สาวที่กระโดดน้ําฆ่าตัวตายอยู่ ผลคือหงเหมี่ยวมาได้ยินเข้าโดย บังเอิญจึงด่าหลินซูเสียจนไม่เหลือชิ้นดี
กู่เกาสังเกตเห็นว่าช่วงนี้หม่าฉงคล้ายจะนิสัยเปลี่ยนไป เหมือน กลายไปเป็นคนละคน เดิมทีพวกเขาแบ่งงานกันชัดเจนแล้ว ไม่ว่า
ใครก็ไม่ยินดีจะทํางานเพิ่มอีกแม้แต่น้อย ทว่าหม่าฉงกลับเป็นฝ่าย เหมาเอางานในแปลงผักมาทําคนเดียว ทั้งยังชอบตื่นกลางดึก ออกไปนานมากกว่าจะกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง นานวันเข้าแม้แต่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!