แสงจันทร ์และหิมะส่งเสริมกันให้งามเด่น เด็กหนุ่มที่อยู่ท่ามกลาง ความงดงามนี้ก็ยิ่งเหนือสามัญ
หากรวมกับเจ้าคนที่บอกว่าตัวเองชื่อชุยตงซาน คนทั้งสิ้นหกคน มุ่งหน้าไปยังเรือนใหญ่ประตูสูงที่ได้ครอบครองหอเก็บตาราหกพัน เล่ม
ชายฉกรรจ์ที่ผอมราวกับลิงเดินนาอยู่ด้านหน้าสุด ใช ้เท้ากวาด หิมะเปิดทาง หลีกเลี่ยงไม่ให้รองเท้าปักลายดอกไม้บนเท้าของสตรีโต เต็มวัยถูกหิมะที่กองทับถมกันเปียกซึมเข้าไป
สตรีที่มีชื่อว่าวังม่านเมิ่งบอกว่าตัวเองคือขอบเขตชมมหาสมุทร เพียงแต่ไม่ชอบถูกคนเรียกว่าเทพธิดา ชายร่างผอมแห้งเคยประจบ ป้ อยอนางจึงถูกนางตบไปหนึ่งที
บนเส้นทาง นางพยายามชวนเด็กหนุ่มหน้าตางดงามที่บอกว่า ตัวเองชื่อชุยตงซานคุยไปตลอดทาง แน่นอนว่าภายใต้รอยยิ้มดุจบุป ผาของสตรีที่มีชาติกาเนิดมาจากผู้ฝึกตนอิสระได้ซุกซ่อนความคิด อันน่าสะอิดสะเอียนไว้มากมาย ก็เหมือนเส้นทางที่อยู่ใต้หิมะทับถม มองดูเหมือนขาวสะอาดไร ้มลทิน แต่หากใช ้เท้าปาดออกดูจริงๆ ก็จะ เห็นว่ามีแต่ดินโคลน
วังม่านเมิ่งค้นพบว่าฝี เท้าของเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างกายแผ่วเบา ล่องลอย ไม่เหมือนคนฝึกวรยุทธ รองเท้าหุ้มข้อที่สวมอยู่เปื้อนเศษ หิมะนานแล้ว หนาวจนตัวสั่นเยือกอยู่ตลอด คอยปัดหิมะที่หล่นลงมา บนหัวและบนไหล่ออกเบาๆ ถามย้าซ้าๆ ว่าถึงหรือยัง ถึงหรือยัง
หลักๆ แล้วก็เพราะสตรีเกิดความขัดแย้งกับหงโฉวผู้เป็ นชู้รัก วัง ม่านเมิ่งไม่ยินจะพึ่งพาอยู่ใต้ชายคาของคนอื่น ต้องคอยดูสีหน้าของ คนเขา แล้วก็ยิ่งเกลียดแค้นราชสานักอย่างลึกล้า และนางก็ไม่คิดจะ หาภูเขาสักลูกก่อตั้งสานัก กฎเกณฑ์บนภูเขามีมากมาย เรื่องถูกผิด ก็เยอะ ส่วนหงโถวนั้นถึงอย่างไรก็มีชาติก าเนิดมาจากในยุทธภพ ไหนเลยจะรู ้ถึงเส้นสนกลในบนภูเขา ฆ่าคนไม่ต้องเห็นเลือด เจอกับผู้ ฝึกตนบนทาเนียบที่มีภูเขาที่พึ่ง มีภูมิหลังความเป็ นมาลึกล้า เดินอยู่ ริมน้าเป็ นประจารองเท้าจะไม่เปียกเลยได้อย่างไร มักจะต้องมีหายนะ ที่ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสมอ ขอแค่เกิดความขัดแย้งกันขึ้นมาแล้วมี กิจการรากฐานจริงๆ แล้ว คิดจะถอนตัวก็ยากแล้ว ไหนเลยจะง่ายดาย เพียงแค่เดินจากไปก็จบเรื่อง แล้วถ้ายังต้องก้มหัวนอบน้อมต่ออีก ฝ่ าย กล้ากลืนความไม่เป็ นธรรมเพื่อรักษาหน้าทุกฝ่ ายอีกล่ะ? ถึง เวลานั้นยังจะทาอย่างไรได้อีก ด้วยนิสัยรักศักดิ์ศรีเป็ นที่สุดของหง โฉว จะต้องล้างกันให้สะอาดรอขาย หรือจะทาเรื่องอย่างการ “หย่า อย่างปรองดอง” แล้วผลักนางออกไปรับผิดชอบ? เจ้าหงโฉวไม่ถือสา หมวกบนหัว แต่เหล่าเหนียงรังเกียจที่จะต้องแสร ้งออดอ้อนอ่อนหวาน อยู่บนเตียง สิ้นเปลืองกาลังจะตายไป
ดังนั้นคนทั้งสองจึงพักอยู่ในจวนประตูสูงสองหลังที่อยู่ติดกัน มี ความหมายท านองว่าเป็ นน้าบ่อที่ไม่ยุ่งกับน้าคลอง
สตรีกับเด็กหนุ่มชุดขาวเดินเข้าไปในบ้านพร ้อมกัน มาถึงห้อง โถงใหญ่ ของที่มีค่าทั้งหมดถูกย้ายออกไปนานแล้วจึงมองดูเหมือน บ้านที่มีแค่ผนังสี่ด้าน ในห้องโถงเหลือแค่กรอบป้ ายไม้หนันมู่ ทว่า กลับไม่ได้แขวนไว้บนผนัง แต่วางพิงไว้ด้านล่างโต๊ะ เด็กหนุ่มชุดขาว ข้ามธรณีประตูเข้ามาในห้องโถงแล้วก็กวาดตามองไปสองสามรอบ ไม่เหลืออะไรอยู่แล้วจริงๆ เสียด้วย เขาจึงวิ่งไปที่ข้างโต๊ะ จากนั้น กระดกกันขึ้นมุดเข้าไปใต้โต๊ะ ยื่นมือไปปิดฝุ่นที่เกาะอยู่บนกรอบป้ าย ซึ่งเขียนคาว่า “ฟ้ ายาวนานคนอายุยืน”
ชุยตงซานหยิบกรอบป้ ายออกมาวางไว้บนโต๊ะก่อน เขาคิดว่าจะ ย้ายเอากลับไปไว้ในห้องหนังสือบนยอดเขามี่เซวี่ย
ในห้องวางกระถางไฟไว้สองใบ ถ่านไม้ล้วนเป็ นพวกเขาที่เผาขึ้น เอง ชายร่างผอมแห้งมือเท้าคล่องแคล่ว ไปหยิบถ่านและฟื้นอีกส่วน หนึ่งมาเติมในกระถางไฟ สุดท้ายยังไม่ลืมเอาขี้เถ้ากลบลงบนถ่าน และไม้ที่ติดไฟแดงฉาน หลีกเลี่ยงไม่ให้ถ่านไม้เผาเร็วเกินไป แค่มอง ก็รู้ว่าเป็ นคนมัธยัสถ์อดออมคนหนึ่ง
แบ่งคนออกเป็ นสองกลุ่ม ต่างคนต่างนั่งล้อมกระถางไฟ หิมะ ใหญ่นอกประตูปลิวปราย
คงเป็ นเพราะมีเด็กหนุ่มแปลกหน้าเพิ่มมาคนหนึ่ง พวกเขาจึง ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากบรรยากาศจึงเงียบสงบ
คนผู้นี้ประวัติความเป็ นมาไม่แน่ชัด กล้าเข้ามาในเมืองผีเพียง ล าพัง จะเป็ นแค่เด็กหนุ่มไม่รู ้ประสาที่อ่อนแอมิอาจต้านแรงลมอย่างที่ แสดงออกภายนอกได้อย่างไร กล้าเข้ามาในเมืองผีคนเดียวแบบนี้ก็มี แค่ไม่กี่คนหรอกที่จะเป็ นคนดี มองดูภายนอกเป็ นเด็กหนุ่มสวรรค์ เท่านั้นที่รู ้ว่าอีกฝ่ายอายุเท่าไรแล้ว
มีเพียงชายที่เติมถ่านเท่านั้นที่ทาหน้าหนานั่งอยู่ข้างกายสตรี โฉมงาม จึงนั่งอยู่ตรงข้ามกับเจ้าเด็กหน้าขาวคนนั้นพอดี
วังม่านเมิ่งเป็ นชู้รักของหงโฉว ในสถานการณ์ทั่วไปไม่มีใครกล้า มายุ่งวุ่นวายกับนางก่อนหน้านี้กู่ชิวที่มองดูเหมือนบัณฑิต พอเข้ามา ในเมืองก็ถูกหงโฉวกลั่นแกล้งไปไม่น้อย แต่ชายร่างผอมแห้งผู้นี้กลับ เป็ นข้อยกเว้น คงเป็ นเพราะรู ้สึกว่าต่อให้ชู้รักของตัวเองไม่เลือกกิน มากแค่ไหน ก็คงกระเดือกเจ้านี่ไม่ลง
ถ่านไม้ในกระถางไฟปะทุแตกเหมือนเสียงประทัด บางครั้งมี สะเก็ดไฟปลิวกระเด็นออกมา หลายครั้งที่สาดกระเซ็นมาโดนชาย กางเกงของชายฉกรรจ์ ชายร่างผอมแห้งคล้ายจะกังวลว่าสะเก็ดไฟ จะเผาชายกางเกงให้ไหม้จึงต้องคอยก้มลงปัดอยู่เรื่อยๆ
ชุยตงซานค้อมเอวไปคืบถ่านไม้ชิ้นหนึ่งที่วางอยู่ริมขอบกระถาง ไฟขึ้นมา ขยี้เบาๆ ให้แหลก ยิ้มเอ่ยว่า “ถ่านขาวใช่ไหม ล้าค่ากว่า
ถ่านดาทั่วไปเยอะเลยนะ พี่ม่านเมิ่งพวกเจ้านี่ใช ้ได้เลย ใช ้ชีวิต พิถีพิถันถึงเพียงนี้เชียว?”
วังม่านเมิ่งผงกปลายคาง ปรายตามองไปยังชายที่นั่งอยู่ตรงข้าม กับชุยตงซาน คลี่ยิ้มหวาดหยด “ข้าหรือจะเข้าใจเรื่องถ่านขาวถ่าน ด าอะไร เป็ นฝีมือเฉพาะตัวของเฉียนโหวเอ๋อร์ความสามารถเป็ นการ เป็ นงานอะไรไม่มี แต่เป็ นพ่อครัว ผ่าฟืนเผาถ่าน ใช้จอบขุดดิน ท า รถเข็นไม้ ล้วนเป็ นมือดีคนหนึ่ง”
ชายฉกรรจ์ที่ผอมแห้งราวท่อนไผ่ เดิมทีกาลังโน้มตัวไปด้านหน้า ก้มหน้าลง ยื่นสองมือไปอังไฟหาความอบอุ่น หางตาก็ถือโอกาส เหลือบมองรองเท้าปักลายดอกไม้ของสตรีรูปงาม ลูกกระเดือกขยับ น้อยๆ กลืนน้าลายลงคอ รู ้สึกน้าลายสอจริงๆ วังม่านเมิ่งผิวพรรณ ขาวนวลถึงเพียงนั้น ราวกับว่าสามารถเค้นเอาน้าออกมาได้ เท้าสอง ข้างที่สวมรองเท้าปักลายบุปผาไม่เคยโดนแดดเลยตลอดทั้งปี จะไม่ ยิ่งขาวกว่าหรอกหรือ กู่ชิวที่เมื่อก่อนมักจะช่วยเทน้าล้างเท้าให้นาง บ่อยๆ ช่างมีโชคด้านสาวงามจริงๆ….พอได้ยินค าพูดของนางจึงเงย หน้าขึ้น ถูมือยิ้มเอ่ย “พี่น้องชุยสายตาดียิ่งนัก คือถ่านขาวจริงๆ ไม่ใช่สิ่งที่ถ่านดาจะเปรียบเทียบได้ ต่อให้เผาแค่ไหนก็ไม่มีควัน ไม่ท า ให้คนส าลัก แน่นอนว่าของดีล้วนเปลืองเงิน ชาวบ้านทั่วไปใช ้ถ่าน ขาวประเภทนี้ไม่ไหวจริงๆ”
ชุยตงซานถอดรองเท้าหุ้มข้อที่ถูกหิมะซึมจนเปียกชิ้นออก เอ่ย ขออภัยหนึ่งคา จากนั้นก็หิ้วรองเท้าขึ้นมามือละข้าง พลิกกลับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!