กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 968

วังม่านเมิ่งที่เป็ นผู้ฝึกตนอิสระซึ่งถูกขับไล่ออกจากสานัก ร่อนเร่ พเนจรไปทั่วสารทิศมาครึ่งร ้อยปี แววตาน้อยนิดแค่นี้ยังถือว่าไม่ขาด แคลน

เด็กหนุ่มชุดขาวมือหนึ่งบีบจมูก อีกหนึ่งสะบัดถุงเท้าเนื้อผ้าแพร ต่วนสองข้างไปมา ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ข้าน่ะหรือ ทุกวันนี้คือเจ้าส านัก ของสานักแห่งหนึ่ง”

วังม่านเมิ่งปิดปากหัวเราะคิก ตีแขนของเด็กหนุ่มเบาๆ “ชุยหลาง ชอบพูดล้อเล่นจริงๆ”

ชายฉกรรจ์มือดาบคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างกระถางไฟยิ้มเอ่ย “เจ้า ส านัก? ท าไมไม่บอกว่าเป็ นเจ้าลัทธิไปเลยเล่า?”

พรรคล่างภูเขาไม่เรียกส านัก จวนเซียนบนภูเขาไม่เรียกลัทธิ แต่ ไหนแต่ไรมานี่ก็คือกฎเกณฑ์ แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว พันธนาการ ของฝ่ ายแรกหละหลวมมากกว่า พรรคในยุทธภพแห่งหนึ่งหากจะ เรียกว่าเป็ นสานักอะไรสักอย่างจริงๆ ขอแค่ราชสานักในพื้นที่ไม่ก้าว ก่าย ก็ไม่ถือว่าเป็ นเรื่องใหญ่สักเท่าไร

หากคนแซ่ชุยผู้นี้ไม่ได้พูดเล่น ในเมื่อเป็ น ‘เจ้าสานัก” นั่นก็ต้อง ไม่ใช่จวนเซียนบนภูเขาแล้ว เพราะใบถงทวีปในทุกวันนี้เพิ่งจะมี สานักอยู่แค่กี่แห่งเอง?

คิดไม่ถึงว่าเจ้าหนุ่มหน้าขาว อายุน้อยๆ คนนี้ก็เป็ นคนในยุทธ ภพเหมือนกัน

ทุกคนต่างก็เป็ นคนเก่าแก่ในยุทธภพกันแล้ว พอได้ยินว่าเด็ก หนุ่มไม่ใช่เซียนซือบนภูเขา บรรยากาศก็พลันครึกครื้นขึ้นมาทันที ไม่ต้องระมัดระวังตัวเหมือนเดิมอีกต่อไป ส่วนค าพูดของเจ้าเด็กนี่จะ ใช่เวทอาพรางตาหรือไม่ คือผู้ฝึกลมปราณที่แสร ้งปลอมตัวเป็ นคน ในยุทธภพหรือไม่ ไม่ส าคัญ ฟ้ าถล่มลงมาก็ยังมีวังม่านเมิ่งกับชู้รัก ของนางคอยแบกให้อยู่ แบกไว้ไม่ไหวก็ยังมีตัวส ารองเทพอภิบาล เมืองอย่างกู่ชิวคอยเก็บกวาดเรื่องเละเทะให้ไม่ใช่หรือ? พูดถึงแค่ใน ตัวเมืองแห่งนี้ พวกเขาก็ยังพอจะมีความมั่นใจอยู่มาก

ชุยตงซานยิ้มเอ่ย “ขาดอีกแค่นิดเดียวก็จะได้เป็ นรองเจ้าลัทธิ จริงๆ แล้ว”

กว่าที่เฉียนโหวเอ๋อร ์จะหาคนที่มีความสามารถมากกว่าตัวเองได้ เจอไม่ใช่เรื่องง่าย จึงอดทนไว้ไม่หัวเราะเยาะอีกฝ่าย

ชุยตงซานเอ่ยต่ออีกว่า “ภูเขาบ้านข้า ทุกวันนี้ยังมีคนไม่มาก ดูแลผู้ฝึกตนท าเนียบได้ไม่ถึงหนึ่งหมื่นคน”

วังม่านเมิ่งกุมท้องหัวเราะก๊าก ชุยหลางผู้นี้ไม่ไปเป็ นนักเล่า นิทานอยู่ที่เหลาสุราก็ช่างน่าเสียดายจริงๆ

เฉียนโหวเอ๋อร ์หัวเราะพลางยืดคอมองทัศนียภาพที่หนักอึ้งตรง หน้าอกของสตรีโตเต็มวัยไปด้วย

“ชุยหลาง เจ้าว่าพี่สาวสามารถไปเป็ นผู้ถวายงานอันดับหนึ่งของ ส านักเจ้าได้หรือไม่?หรือจะให้เป็ นบรรพจารย์ผู้คุมกฏ เป็ นคนดูแล เงินก็ได้นะ พี่สาวรู ้จักใช ้ชีวิตเป็ นอย่างดี การคิดคานวณก็เชี่ยวชาญ มากเหมือนกัน”

ชุยตงซานนวดคลึงปลายคาง พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าอย่างนั้น พี่สาวก็ต้องสอบถามผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตเขียนเหรินคนหนึ่งก่อน แล้ว ค่อยถามผู้ฝึกกระบี่ขอบเขตก่อกาเนิด ผู้ฝึก ยุทธขอบเขตเก้า ถาม ว่าพวกเขาจะยินดียกตาแหน่งให้พี่สาวหรือไม่”

ทุกคนหันมามองหน้ากัน จากนั้นก็หัวเราะครืนดังลั่น

หากเป็ นผู้ฝึกตนทาเนียบของบนภูเขาคนหนึ่งจริงๆ ก็ยอมแล้ว คนที่พูดจาน่าสนใจ แบบนี้ มีไม่เยอะหรอกนะ

เงื่อนไขก็คือต้องไม่ใช่ผู้ฝึกตนทาเนียบที่มีนิสัยประหลาด ใจแคบ เป็ นไส้ไก่ ชอบพูดล้อ เล่น แต่ไม่ยอมให้คนอื่นล้อเขาเล่นบ้าง นาที แรกยังพูดคุยแย้มยิ้ม นาทีถัดมากลับชักสีหน้า ไม่จาคน

ชุยตงซานพลันถามว่า “พี่สาวอยากจะยืนยันให้แน่ใจว่าข้าใช่ผู้ ฝึกตนทาเนียบหรือไม่ ขนาดนี้ ทาไมหรือ มีความแค้นกับเทพเขียน บนภูเขาหรือไร? แล้วยังเป็ นความแค้นมิอาจอยู่ร่วมฟ้ าที่พอลองฝ่ าย เจอหน้ากันฝ่ายหนึ่งก็ต้องลงไปนอนกองกับพื้นด้วย?”

วังม่านเมิ่งหัวเราะจนหุบปากไม่ลง ยื่นมือมากุมเทือกเขาที่ กระเพื่อมจนแทบจะกระเด็นออกมา เพราะนางชอบสวมชุดเดินทาง

ตอนกลางคืน เค้าโครงเทือกเขาจึงเห็นได้ชัดเจน ตั้งตระหง่าน กระดกงอน สองยอดเขาคุมเชิงกัน เป็ นเหตุให้ยิ่งมีพลังอานาจน่า ครั้นคร ้าม นางลูบคลึงตรงหัวใจ เอ่ยว่า “การคาดเดานี้ของชุยหลาง ไร ้เหตุผลจริงๆ ชุยหลางท าตัวลับๆ ล่อๆ แบบนี้กลับเหมือนผู้ฝึกตน อิสระอย่างพวกเรามากกว่า”

ชุยตงซานหัวเราะ “ไม่ต้องคิดมาก แค่ถามไปอย่างนั้นอีก ต้อง เป็ นข้าที่เข้าใจพี่สา ผิดแน่ นอน ถึงได้รู ้สึกถึงปราณสังหาร ตลอดเวลา”

สาวงามที่เรือนกายอรชรกัดริมฝีปาก “พี่สาวหรือจะกล้าฆ่าคน ไม่มีที่พึ่งพา มีแต่จะถูกคนรังแกเท่านั้น”

ชุยตงซานยิ้มรับ กลับมาสวมถุงเท้าและรองเท้าอีกครั้ง มารดา มันเถอะ หากไม่เป็ นเพราะอาจารย์กินหม้อไฟอยู่ใกล้ๆ นี้ คอยดูเถอะ ว่าข้ากับพวกเจ้าจะเป็ นเจ้าบ้านกับแขกที่อยู่ร่วมกันแบบใด

คนผู้หนึ่งที่ได้รับการแจ้งข่าวจากคนในห้องนี้รีบตามมาถึงอย่าง รวดเร็ว

คือชายฉกรรจ์ร่างกายาที่สวมเสื้อเกราะ ตรงเอวพกดาบ ใบหน้า เต็มไปด้วยรอยแผลเป็ น หากใช ้ค ากล่าวของเจ้าอ้วนกูซูก็คือหน้าตา อัปลักษณ์ชั่วร ้าย เดินบนถนนตอนกลางคนสามารถเป็ นคนที่ทาให้ผี ตกใจได้

ก็คือหงโฉว ผู้ฝึกยุทธขอบเขตหกคนหนึ่งที่อาพรางตัวตนอย่าง ลึกล้า อยู่ในใบถงทวีปทุกวันนี้ มีขอบเขตวิถีวรยุทธเช่นนี้ ไม่ว่าจะ ช่วงชิงต าแหน่งแม่ทัพบู๊ที่กุมอานาจแท้จริงมาจากในราชส านักแคว้น ต่างๆ ได้อย่างไม่ยาก หรือจะเป็ นเค่อชิงในตระกูลของเหล่าขุนนาง คนสาคัญที่อยู่ในสถานการณ์อันตรายคับขัน ทาหน้าที่ดูแลรักษา ความปลอดภัยให้กับตระกูลพวกเขา ก็ยิ่งเป็ นเรื่องที่แค่เอื้อมมือคว้าก็ ได้มาครอง

หงโฉวยื่นมือไปกาด้ามดาบ ก้าวยาวๆ ตรงมา เหยียบลงบนหิมะ ทับถมบนถนนจนเกิดเสียงดังสวบสาบ ท่ามกลางค่าคืนที่มีลมหิมะ เสียงนี้ดังชัดเจนยิ่ง

มองเข้าไปในห้อง สีหน้าของหงโฉวก็มืดทะมึน กู่ชิวที่ตัด ความสัมพันธ ์กับพวกเขาจากไปแล้ว ผลกลับกลายเป็ นว่าดันมีเด็ก หนุ่มชุดขาวที่ไม่รู ้ประวัติความเป็ นมาโผล่มาอีกคน

นี่ทาให้หงโฉวอัดอั้นถึงขีดสุด สตรีอย่างเจ้าไม่รู ้จักกลัวตายบ้าง เลย ผู้ฝึกตนท าเนียบบนภูเขาใช่ผู้ฝึกตนอิสระขอบเขตถ้าสถิตอย่าง เจ้าสามารถหาเรื่องได้ตามใจชอบอย่างนั้นหรือ?

เฉียนโหวเอ๋อร ์รีบลุกขึ้นยืน ขยับไปเบียดกับคนที่นั่งข้างกระถาง ไฟอีกด้านหนึ่ง

หงโฉวนั่งลงบนเก้าอี้ ปลดดาบที่พกไว้ตรงเอวลง สองมือค้าดาบ หรี่ตาถาม “น้องชายเจ้ามาจากไหน?”

ชุยตงซานสะบัดชายแขนเสื้อ ถูฝ่ ามือสองข้างเข้าด้วยกัน เป่ า ลมใส่หนึ่งที หัวเราะร่าเอ่ยว่า “ห่างจากที่นี่ไปไม่ไกลมีภูเขาลูกหนึ่ง ชื่อว่าภูเขาเซียนตู ทุกวันนี้คนบนภูเขามีไม่มากข้าก็เลยอยากจะมา รวบรวมก าลังพลสักหน่อย เจ้าเองก็เคยเจอกับอาจารย์ข้าแล้ว”

หงโฉวขมวดคิ้ว “ใคร?”

ชุยตงซานยิ้มกล่าว “อาจารย์ของข้า ตอนนี้อยู่ในบ้านของแม่ นางเสี่ยวฝ่ าง กาลังดื่มเหล้ากินหม้อไฟกับผู้อาวุโสในยุทธภพท่าน หนึ่งอยู่”

วังม่านเมิ่งกระจ่างแจ้งทันใด พลันคลี่ยิ้มหวานเอ่ยว่า “คือ คุณชายที่สวมชุดกว้าตัวยาวสวมรองเท้าผ้า เนื้อตัวสะอาดสะอ้าน มี กลิ่นอายของบัณฑิต แค่มองก็รู ้ว่าไม่ใช่คนบนเส้นทางเดียวกันกับ พวกเราคนนั้นน่ะหรือ?”

สตรีหน้าตางดงามชี้ไปบนฝ้ าเพดาน “ตอนนั้นเขาเหมือนหล่นลง มาจากฟ้ า ภายหลังเจ้าเคยบอกกับข้าว่าคนผู้นี้แค่มองดูเหมือนยัง หนุ่มเท่านั้น คงเป็ นเทพเซียนพสุธาที่มีศาสตร ์คงความเยาว์วัย ไม่ ควรไปมีเรื่องด้วย หากไม่ใช่โอสถทองก็น่าจะเป็ นผู้ฝึกยุทธขอบเขต ร่างทอง เอาเป็ นว่าต้องเป็ นคนที่รับมือยากหนึ่งในสองทองนี้แน่นอน”

พลังอานาจของหงโฉวพลันลดฮวบลงทันที ตอนนั้นจู่ๆ เจ้าหมอ นั่นก็โผล่มา หงโฉวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม่กล้าชักดาบออกจากฝักด้วย ซ้า

หงโฉวขมวดคิ้วถาม “อาจารย์ของเจ้าคือผู้ฝึกยุทธเต็มตัวหรือ?”

ชุยตงซานหัวเราะหึหึ “อาจารย์ของข้าย่อมเป็ นผู้ฝึกยุทธเต็มตัว แต่เขาเรียกตัวเองว่ามือกระบี่ด้วยความภาคภูมิใจมาโดยตลอด”

หงโฉวถามหยั่งเชิง “ขอบเขตเท่าไร? ขอบเขตโอสถทองหรือ?”

แล้วก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะให้ค าตอบ

เห็นเด็กหนุ่มชุดขาวยื่นมือออกมา หงโฉวก็ถามอย่างประหลาด ใจว่า “นี่หมายความว่าอย่างไร?”

ชุยตงซานยิ้มเอ่ย “อาจารย์ของข้าคือผู้ฝึกยุทธขอบเขตเท่าไร เจ้าก็มอบรางวัลให้ข้าเป็ นเงินร ้อนน้อยเท่าไร ตกลงไหม?”

หงโฉวหลุดหัวเราะพรืด สมองมีรูหรือไร

ดูท่าแล้วสวรรค์นับว่ายังยุติธรรมอยู่มาก มอบเนื้อหนังมังสาที่ดี มาให้ แต่ดันมอบสมองที่ไม่ค่อยสมประดีมา

ชุยตงซานยิ้มเอ่ย “ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาเปลี่ยนวิธีเดิมพันกัน เจ้าเดาขอบเขตของอาจารย์ข้า สามารถเดาได้สามครั้ง ครั้งแรกหนึ่ง เหรียญเงินเกล็ดหิมะ ครั้งที่สองเงินร ้อนน้อย ครั้งที่สามเงินฝนธัญพืช หากเจ้าเดาถูก ข้าก็จะจ่ายเงินให้เจ้ามากกว่าเดิมเป็ นเท่าตัวขอแค่ เจ้าพยักหน้าตอบตกลง ข้าก็จะรีบทุบหม้อขายเหล็กควักเงินเทพ เซียนหกเหรียญมา มอบให้วังม่านเมิ่งดูแลทันที”

หงโฉวหลุดหัวเราะพรืด “วิธีการเดิมพันเช่นนี้ของเจ้า ไปเรียน มาจากเขียนโหวเอ๋อร ์หรืออย่างไร?”

ชุยตงซานกล่าว “ข้าสามารถเขียนค าตอบลงในกระดาษแผ่น หนึ่งไว้ก่อนได้ สามารถมอบให้วังม่านเมิ่งเก็บไว้ก่อนได้เหมือนกัน พี่ หง การค้าที่มีแต่ได้กาไรไม่มีขาดทุน จะลองเดิมพันดูหรือไม่? กล้า หาก าไรเป็ นกอบเป็ นก ากลับไปหรือไม่?”

บทที่ 968.2 ไม่ใช่ออี๋โต้วคนที่สอง 1

บทที่ 968.2 ไม่ใช่ออี๋โต้วคนที่สอง 2

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!