กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา! นิยาย บท 968

ชุยตงซานยิ้มกล่าว “ไม่ต้องให้ทันที ติดไว้ก่อนได้ พรุ่งนี้เช ้าข้า ค่อยมาคิดบัญชี พี่หงสามารถหยิบยืมเงินมาจากพวกพี่สาวทั้งหลาย ก่อนได้ ผสมรวมกันให้ได้เงินฝนธัญพืชแค่เหรียญเดียว เป็ นเรื่อง เล็กน้อยเหมือนเม็ดฝนพร่างพรม”

หงโฉวพลันตกอยู่ในสภาวะยากจะตัดสินใจ หากแพ้ก็เท่ากับว่า ครึ่งปีกว่ามานี้เหนื่อย เปล่าแต่หากชนะขึ้นมาล่ะ?

เด็กหนุ่มชุดขาวยกขานั่งไขว่ห้าง เอาเท้าเหยียบลงบนริมขอบ กระถาง ยกเท้าที่สวมรองเท้าหุ้มข้อเหยียบวางแล้วก็ยกลง “พี่สาว หยิบเงินฝนธัญพืชสองเหรียญนั้นออกมา อีกเดี๋ยวมันก็จะต้องเข้าไป อยู่ในกระเป๋ าของพี่หงแล้ว”

หงโฉวพลันลุกขึ้นยืน แค่นเสียงในลาคอแล้วก้าวยาวๆ จากไป

พวกเฉียนโหวเอ๋อร ์ตะลึงงัน ไม่ใช่ว่าเหลือแค่ขอบเขตยอดเขา หรอกหรือ แค่นี้ก็ไม่กล้าเดิมพันหรือไร? ระหว่างทางที่หงโฉวเดินมา ถูกประตูหนีบหัวมาหรือ?

ทุกคนสังเกตเห็นว่าพอหงโฉวยกเท้าข้ามธรณีประตูออกไป เด็ก หนุ่มชุดขาวก็พลันเหงื่อแตกเหมือนเปียกฝน ยกชายแขนเสื้อขึ้นเช็ด เหงื่อ อธิบายว่า “ร ้อน อากาศค่อนข้างร ้อนนะ”

หงโฉวหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ลังเลอยู่เล็กน้อย แต่กระนั้นก็ยังก้าว ยาวๆ ออกไปจากเรือน

รับกระดาษแผ่นนั้นและเงินเทพเซียนหกเหรียญมาจากวังม่าน เมิ่ง เด็กหนุ่มชุดขาวพูดด้วยน้าเสียงหวังดีว่า “พี่น้องทุกท่าน ฟัง ค าแนะน าของน้องชายสักค า เดิมพันน้อยใหญ่ มีแพ้มีชนะ ล้วนเป็ น เงินที่ได้มาด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง เก็บรักษาไว้ไม่อยู่ แค่เล่นสนุกก็ พอแน่นอนว่าหากเงินนอกรีตเข้าประตูบ้านมาแล้ว ตัดใจมอบออกไป ด้วยวิถีทางที่ถูกต้องได้ลงก็คือเรื่องดี ดังคากล่าวที่ว่าเงินดียากสละ หากสละเงินดีออกจากประตูบ้านไปได้ ก็คือการสะสมบุญกุศลให้กับ ตระกูล”

วังเมิ่งม่านได้ยินหลักการเหตุผลที่เลื่อนลอยไร ้ค่าพวกนี้แล้วก็ รู ้สึกหงุดหงิดยิ่งนักเพียงแต่สีหน้ายังคงหยาดเยิ้มเย้ายวน “ชุยหลาง ช่างมีฝีมือในการเดิมพันที่ดีจริงๆ”

ขุยตงซานเอ่ยชื่นชม “หงโฉวผู้นี้ยังพอมีความหนักแน่นอยู่บ้าง”

วังม่านเมิ่งยิ้มถาม “ทรัพย์สินเงินทองสามารถทาให้คนหวั่นไหว ได้ เจ้าไม่กลัวหงโฉวหรือ?”

ชุยตงซานกล่าว “ขนาดผียังไม่กลัว จะต้องกลัวคนท าไม”

วังม่านเมิ่งหัวเราะ

เฉียนโหวเอ๋อร ์วิ่งไปที่นอกประตู นั่งยองอยู่ตรงขั้นบันได สะบัด ข้อมือสลัดพู่กันเบาๆบนพื้นหิมะจึงมีรอยน้าหมึกกระเซ็นหลายเส้น

เขาปาดพู่กันไปบนหิมะที่ทับถมซ้าแล้วซ้าเล่า แล้วจึงใช ้สองนิ้วคีบ ปลายพู่กัน บีบเอาน้าหมึกออกมาเหมือนการ “ล้างพู่กัน

เฉียนโหวเอ๋อร ์กลับไปที่ห้องของตัวเอง หยิบเอาตะบันไฟออกมา จุดตะเกียงที่ตั้งวางไว้บนโต๊ะ วางพู่กันที่ล้างสะอาดแล้วลงบนที่วาง พู่กันเบาๆ

พลันสังเกตเห็นว่าเด็กหนุ่มชุดขาวมายืนพิงกรอบประตูอย่าง เงียบเชียบเหมือนผี สองมือสอดไว้ในชายแขนเสื้อ ยิ้มตาหยีมอง มายังตน

หัวใจของเฉียนโหวเอ๋อร ์บีบรัดตัว คงไม่ได้คิดว่าจะบีบมะพลับนิ่ม ตามมาปล้นทรัพย์จากตนหรอกนะ

ชุยตงซานยื่นมือออกมาจากชายแขนเสื้อ ดีดเบาๆ หนึ่งที เงิน เกล็ดหิมะเหรียญหนึ่งก็ถูกดีดมาให้เฉียนโหวเอ๋อร ์ “ไม่ร ้อนลวกมือ รับไว้เถอะ มากพอจะให้เจ้าซื้อที่ล้างพู่กันได้กองใหญ่เชียวล่ะ”

เฉียนโหวเอ๋อร ์พลันตั้งตัวไม่ทันอยู่บ้าง กาเงินเกล็ดหิมะที่อันที่ จริงร ้อนลวกมืออย่างมากเหรียญนั้นไว้แน่น ไม่รู ้ว่าควรจะทาอย่างไร ดี รับเอาไว้ หากหลังจากนี้แพร่ไปเข้าหูหงโฉวก็ง่ายที่จะถูกอีกฝ่ าย อาฆาตแค้น ไม่รับไว้ก็ดูเหมือนว่ายากที่จะผ่านด่านตรงหน้านี้ไปได้

ชุยตงซานเดินเข้ามาในห้อง สังเกตเห็นว่าบนโต๊ะมีหนังสืออยู่ เล่มหนึ่งก็หยิบขึ้นมาอ่าน แล้วก็อารมณ์ดีทันใด

ที่แท้เป็ นเฉียนโหวเอ๋อร ์ที่ใช ้ถ่านวาดเป็ นภาพโต๊ะ เก้าอี้ ม้านั่ง โต๊ะน้าชา เสาคาน ตัวรับน้าหนักหลังคาในรูปแบบต่างๆ มีมากถึงร ้อย กว่าแบบ

คงเป็ นเพราะอยู่ในเมืองผีแห่งนี้ได้เปิ ดวิสัยทัศน์ มีความรู ้ กว้างขวางมากขึ้น เฉียนโหวเอ๋อร ์จึงใช ้เวลาว่างเขียน “ตารา” เล่มนี้ ขึ้นมา

ชุยตงซานพลิกเปิดอยู่สองสามหน้าก็ยิ้มเอ่ยว่า “มีฝีมือเช่นนี้ ไม่ มีทางหิวตายแน่ นึกยังไงถึงมาที่นี่ หากไม่เป็ นเพราะโชคดี ไม่เจอผี ร ้าย ด้วยฝีมือการต่อสู้อันน้อยนิดแค่นี้ของเจ้าคงรอดมาไม่ได้แน่”

เฉียนโหวเอ๋อร ์แสร ้งท าเป็ นพูดเหมือนคนมีความรู ้ “ม้าไม่มีหญ้า กินตอนกลางคืนมิอ้วนพี ในตาราก็กล่าวไว้แล้วนี่นะว่าให้เสี่ยง อันตรายแสวงหาความร่ารวย หากอาศัยฝีมือในการประทังชีพ ตลอด ทั้งปีได้เงินมาแค่ไม่กี่แดง เงินที่ได้มาช ้าเกินไป ก็คงไม่ได้ลืมตาอ้า ปากเสียที”

ขุยตงซานพลิกเปิ ดหน้าหนังสือ “พวกเขาเอาแต่หาเงินอย่าง เดียว มีแต่เจ้าที่ประทังชีพ”

เฉียนโหวเอ๋อร ์ฟังด้วยความมึนงง แล้วมันต่างกันตรงไหนเล่า? ในกระเป๋ าไม่มีเงินจะใช ้ชีวิตให้ผ่านพ้นไปในแต่ละวันได้หรือ?

ชุยตงซานเงยหน้าขึ้น ยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “เฉียนโหวเอ๋อร ์อยากไป อยู่กับภูเขาบ้านข้าหรือไม่? ไม่พูดว่าจะต้องร่ารวยมีเกียรติ แต่ถึง

อย่างไรก็ดีกว่าลอยไปลอยมาอยู่ในเมืองผีแห่งนี้ทั้งวันทั้งคืน ต้องหา เงินแลกชีวิตด้วยการเอาหัวไปผูกไว้บนเข็มขัดกางเกง ตกอยู่ใน สถานการณ์ล่อแหลม ลาบากเกินไป แล้วนับประสาอะไรกับที่เงินที่ ได้มาใครจะได้ใช ้ก็ยังบอกได้ยาก”

เฉียนโหวเอ๋อร ์ไม่ได้หยุดคิดเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังเอาคาพูดนี้โยน ทิ้งไปนอกหัวทันทีเขายิ้มกว้างเอ่ยอย่างไม่ลังเลว่า “อย่าดีกว่า ชีวิตนี้ เคยชินกับการร่อนเร่อยู่ข้างนอกมานานแล้ว แม้จะอันตรายอยู่บ้าง แต่ก็มีอิสระมากกว่า ให้ข้าย้ายรังไปเสพสุขอยู่ที่อื่น ข้าไม่เคยคิด หรอก”

วิธีการใช ้ชีวิตบางอย่างคือเรื่องที่แม้แต่คิดก็ยังไม่กล้าคิด

ครั้งนี้ไม่ว่าหงโฉวกับวังเมิ่งม่านจะแยกย้ายกันไปคนละทาง นับ แต่นี้กลายเป็ นภูเขาสองลูก หรือว่าทุกคนล้วนต้องแยกย้ายกันไปนับ แต่นี้ ขอแค่ได้นั่งลงแบ่งทรัพย์สินกัน เขาก็น่าจะได้เงินเกล็ดหิมะมา ประมาณสิบเหรียญ เงินเกล็ดหิมะนั่นเท่ากับเงินขาวถึงหนึ่งแสนต าลึง เชียวนะ หากเอากรรไกรมาตัดเป็ นเศษเงิน ใส่ไว้ในกระบุง ข้าผู้ อาวุโสนั่งอยู่บนหลังคาแล้วโปรยออกไปข้างนอกก็เหมือนมีหิมะน้อยๆ ตกลงมาเลยกระมัง อีกอย่างหากอิงตามค ากล่าวของวังม่านเมิ่งราช สานักในแต่ละแคว้นทุกวันนี้ต่างก็ต้องการเงินเทพเซียนอย่างเร่งด่วน เอาไปหักเป็ นเงินขาวก็จะได้ก าไรส่วนต่างมาไม่น้อย

ชุยตงซานยกเก้าอี้หมวกขุนนาง (รู ้จักในอีกชื่อว่าเก้าอี้ยื่นสี่หัว ซึ่งเป็ นการเรียกตามลักษณะรูปร่างของเก้าอี้ที่มีปลายสองข้างบน

พนักพิง และปลายแต่ละข้างของที่วางแขนเปรียบเสมือนมีสี่หัวยื่น ออกมาจากตัวเก้าอี้ ลักษณะคล้ายหมวกขุนนาง) ตัวเก่ามานั่ง ยกขา ไขว่ห้าง นี่ทาให้ใจเฉียนโหวเอ๋อร ์เต้นรัว อีกฝ่ายจะมาไม้ไหนกันนะ?

ชุยตงซานยิ้มเอ่ย “ภูเขาของข้าในทุกวันนี้ยังขาดคนอีกเยอะ มาก หากเจ้าไปอยู่ที่นั่นก็จะมีพื้นที่ให้แสดงฝีมือ เงินเดือนทุกเดือน คือหนึ่งเหรียญเกล็ดหิมะ เป็ นอย่างไร? เหรียญเมื่อครู่นี้ก็ถือว่าเป็ น เงินมัดจ าก็แล้วกัน”

ฉวยโอกาสตอนที่อาจารย์ยังไม่กลับภูเขาลั่วพั่ว จะต้องรีบเกณฑ์ ตัวคนงานกลับไปเยอะๆ ให้มาโผล่หน้าให้อาจารย์คุ้นหน้าคุ้นตากัน ก่อน ในอนาคตพออาจารย์ปิ ดด่าน ออกเดินทางไกลแล้วกลับมา บ้านเกิดอีกครั้ง จากนั้นเมื่อมาเยือนสานักกระบี่ชิงผิงอีกรอบ “คน ใหม่” ในทุกวันนี้ก็จะกลายเป็ นคนเก่าที่ไม่แปลกหน้าอีกต่อไป พอได้ เจอกับอาจารย์อีกครั้ง อาจารย์ต้องยินดีพูดคุยกับเขามากหน่อยเป็ น แน่ เพราะชุยตงซานรู ้ดีอยู่ในใจว่า ไม่เพียงแต่กับภูเขาเซียนตูเท่านั้น ต่อให้เป็ นภูเขาลั่วพั่วที่ทุกวันนี้เหมือนอยู่ในสภาวะปิ ดขุนเขา ใน อนาคตจะต้องกลับมาเปิดภูเขาใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน อนาคตอีกร ้อยปี หลายร ้อยปี จะมีคนหน้าใหม่ที่ทยอยกันขึ้นเขามา ฝึ กตน ฝึ กวรยุทธ บางทีอาจารย์อาจไม่มีเรื่องให้คุยมากขนาดนั้น แล้ว แล้วนับประสาอะไรกับที่เฉียนโหวเอ๋อร ์ที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ ตอนอยู่ บ้านเกิดยังเคยเป็ นคนเผาถ่าน เตาเผาชิงหลี่เป็ นเตาเผาของแท้

แน่นอน จะยิ่งไม่เกิดความใกล้ชิดสนิทสนมกับอาจารย์อย่างเป็ น ธรรมชาติหรอกหรือ?

เฉียนโหวเอ๋อร ์ยิ้มประจบ “ชุยเซียนซืออย่าได้ล้อข้าน้อยเล่นเลย” ผู้ฝึ กยุทธขอบเขตสามคนหนึ่ง หากไม่นับการทางานจุกจิก เล็กน้อย นอกจากเป็ นตัวตายตัวแทนให้คนอื่นแล้ว ยังจะทาอะไรได้ อีก

ชุยตงซานหัวเราะ “ไม่รีบร ้อน เจ้าจะได้ไม่ต้องหวาดระแวงไปส่ง เดช ถึงอย่างไรรอวันใดตัวเจ้าเองคิดได้แล้ว หรือเจอกับอุปสรรคใดที่ ก้าวข้ามผ่านไปไม่ได้ ก็ไปหาข้าที่ภูเขาเซียนตู กรอบป้ ายหน้าประตู ภูเขาเซียนคาว่าสานักกระบี่ชิงผิง เจ้าต้องอ่านตัวอักษรนี้ออก แน่นอน ภูเขาเขียนตูอยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก เดินไปทางทิศใต้ เรื่อยๆ จะมีท่าเรือตระกูลเซียนอยู่แห่งหนึ่งชื่อว่าท่าเรือชิงชาน วัน หน้าก็แค่ต้องคอยอ่านรายงานขุนเขาสายน้าให้มากก็พอ”

รอกระทั่งเด็กหนุ่มชุดขาวออกไปจากห้องแล้ว เฉียนโหวเอ๋อร ์ก็ ยังประหลาดใจไม่หาย

บทที่ 968.3 ไม่ใช่ออี๋โต้วคนที่สอง 1

บทที่ 968.3 ไม่ใช่ออี๋โต้วคนที่สอง 2

บทที่ 968.3 ไม่ใช่ออี๋โต้วคนที่สอง 3

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!