หลังจากที่จางจื๋อฟังแล้ว ในใจก็พอจะเข้าใจได้คร่าวๆ ขณะที่ ก าลังจะเปิดปากพูด ชุยตงซานกลับเพิ่มน้าหนักเสียงเอ่ยเตือนว่า “จางจื๋อ เจ้าต้องรู ้นะว่าสกุลหลิวกับสกุลอวี๋ออกเงินไปมากมายขนาด นี้ หากโชคไม่ดีก็ต้องขาดทุน เท่ากับว่าจ่ายเงินลอยทิ้งไปตาม กระแสน้า แต่พวกเขาจะไม่มีความไม่พอใจใดๆ ไม่มีใบยืมหนี้ที่เป็ น ลายลักษณ์อักษรใดๆ ต่อให้ในอนาคตสามารถทาเงินได้ เมื่อลาน้า ใหญ่ปรากฏขึ้น ไม่ว่าในอนาคตจะได้กาไรแบบไหนหลิวจวี้เป่ากับอวี้ พ่านสุยก็รับปากและลงนามในสัญญาตัวอักษรด าบนกระดาษขาวไว้ ตั้งนานแล้วว่า อย่างมากสุดสองบ้านก็จะเอากาไรแค่หนึ่งส่วนจาก เงินทุนเท่านั้น เงินเทพเซียนที่ได้มาก้อนนี้ ก็เท่ากับว่าลาน้าใหญ่ของ ใบถงทวีปไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกเขาแม้แต่ครึ่งเหรียญทองแดง แล้ว”
ส่วนรายรับของลาน้าใหญ่มาจากไหนกันแน่ คิดดูแล้วคงเป็ นสิ่ง ที่จางจื๋อและร ้านผ้าห่อบุญน่าจะสนใจที่สุด เพียงแต่ขอโทษด้วย ต้อง เห็นเงินทองของจริงเสียก่อนถึงมีสิทธิ์จะรู ้เรื่องนี้ ไม่อย่างนั้นก็เดา กันเอาเองเถิด
จางจื๋อกล่าว “คิดบัญชีกันในเรื่องเงินทอง พวกเราสามารถเอา อย่างเทพเจ้าแห่งโชคลาภหลิวและอวี้พ่านสุยได้ หากขาดทุนก็ ยอมรับชะตากรรม ได้ก าไรมากสุดแค่ส่วนเดียวจากเงินทุน นอกจากนี้ร ้านผ้าห่อบุญก็มีข้อเรียกร ้องเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น นั่น คือท่าเรือตระกูลเซียนทุกแห่งที่ตั้งอยู่รายทางของลาน้าใหญ่ ไม่ว่าจะ เก่าหรือไม่ ล้วนจะต้องสร ้างร ้านผ้าห่อบุญขึ้นมา แต่ละแคว้นจะไม่ เก็บเงินค่าเช่าที่ ล้วนถือว่าร ้านผ้าห่อบุญจ่ายเงินซื้อมา ไม่ต้องคอย มาทะเลาะกันให้เปลืองแรงโดยเปล่าประโยชน์ เว้นเสียจากว่าราชวงศ์ ในพื้นที่มีการผลัดเปลี่ยน เปลี่ยนแซ่แคว้นใหม่ ถึงเวลานั้นค่อยมาดู กันอีกทีว่ามันจะตกไปเป็ นของใครหาไม่แล้วการค้าขายก็จะมีแค่ ราคาเดียวนี้เท่านั้น ส่วนราคาอย่างเป็ นรูปธรรมของร ้านผ้า ห่อบุญ แห่งใหม่ทั้งหลายที่ตั้งบนท่าเรือ ข้าจะให้อู๋โซ่วไปพูดคุยกับพวกเขา เอง ก็ถือว่าเป็ นการมอบกาไรส่วนต่างก้อนหนึ่งให้กับราชสานักของ แคว้นต่างๆ ไม่ถึงขั้นทาให้จักรพรรดิและที่ว่าการกรมคลังของแคว้น ทั้งหลายรู ้สึกพบเจออุปสรรคทุกครั้งที่ต้องพูดคุยกันถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ ง่ายที่จะถ่วงรั้งให้งานขุดเจาะล้าน้าใหญ่ล่าช ้าออกไปอีก”
ชุยตงซานทั้งขันทั้งฉุน เจ้าตัวดี นี่วางท่าชัดเจนแล้วว่าจะมาแย่ง ชิงที่ดินกันชัดๆ
จางจื๋ออธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “ท่าเรือตระกูลเซียนมีร ้านผ้าห่อ บุญหรือไม่ กลิ่นอายความเป็ นที่นิยมก็จะแตกต่างกันอย่างมาก”
ในที่สุดอู๋โซ่วก็คิดว่ามีโอกาสที่จะทาความดีชดใช ้ความผิดแล้ว ขณะที่กาลังจะเปิดปากพูด คิดจะแสดงน้าใจ บอกว่าท่าเรือชิงซาน แห่งนี้ ข้าสามารถควักเงินก้อนนี้ออกมาก่อนได้ ทั้งกาลังคนและกาลัง
ทรัพย์ล้วนให้ร ้านผ้าห่อบุญของใบถงทวีปพวกเราเป็ นคนออกกันเอง รวมถึงการสร ้างสิ่งปลูกสร ้างทุกแห่งที่ควรมีในท่าเรือตระกูลเซียนแห่ง หนึ่งด้วย…
จางจื๋อกลับหันขวับมามอง ใช ้สองนิ้วประกบกันเคาะผิวโต๊ะเบาๆ “อู๋โซ่ว ท าตัวให้ดีหน่อย ดื่มชาของเจ้าไป”
ยากนักที่บรรพบุรุษร ้านผ้าห่อบุญจะโมโห หากโกรธเข้าจริงๆ ข้าผู้อาวุโสก็อยากจะตบเจ้าให้ตายด้วยฝ่ามือเดียวจริงๆ
หากว่ามีความเห็นแก่ตัว ไยสานักกระบี่ชิงผิงที่มีฐานะเป็ นคนที่ ริเริ่มเรื่องการขุดเจาะลาน้าใหญ่จะต้องสิ้นเปลืองความสัมพันธ ์ควัน ธูปบนภูเขามากมายขนาดนั้นเพื่อถมช่องว่างที่ราวกับหลุมไร ้กันนี้ให้ เต็ม
หากเจ้าอู๋โซ่วเปิ ดปากเสนอความคิดเห็นที่อยู่ในใจออกมาก็ เท่ากับบอกกับคนทั้งทวีปว่า ไม่ใช่เลย อันที่จริงสานักกระบี่ชิงผิงของ พวกเจ้านั้นมีใจเห็นแก่ตัว
ชุยตงชานหัวเราะคิกคักเอ่ยว่า “อาจารย์จางอย่าได้เรียกร ้องให้ ผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนมีวิสัยทัศน์ที่เปิดกว้าง เข้าใจสถานการณ์ ใหญ่ในใต้หล้าอย่างเข้มงวดแบบนี้สิ ไม่อย่างนั้นป่านนี้ร ้านผ้าห่อบุญ ก็คงถูกสานักการค้าเข้ามาแทนที่ ตั้งตัวเป็ นบรรพบุรุษ หรือไม่ก็ ได้รับความโปรดปรานจากอาจารย์ฟ่ าน เชิญให้ไปเป็ นบรรพบุรุษ สามแห่งส านักการค้านานแล้วน่ะสิ? จางจื๋อยิ้มเอ่ยอย่างอ่อนใจ “คาพูดประเภทนี้อย่าพูดให้คนอื่นได้ ยินเข้าล่ะ”
เป็ นอย่างที่ชุยตงซานพูดจริงๆ ในพรรคแห่งหนึ่ง นิสัยการกระทา ต่างๆ วิธีการหาเงินไม่มีทางท าได้ส าเร็จด้วยคนคนเดียว
เฉินผิงอันลุกขึ้นยืน ยิ้มกุมหมัดเอ่ยลา “ในเมื่อเจรจากันเรื่อง ทิศทางได้แล้ว ต่อจากนี้ก็เป็ นแค่เรื่องของรายละเอียดปลีกย่อย เท่านั้น ก็ให้ตงซานคุยกับอาจารย์จางอย่างละเอียดแล้วกัน อะไรที่ ควรทะเลาะก็ทะเลาะ อะไรที่ควรด่าก็ด่า ไม่ต้องเกรงใจ คิดเสียว่าเรื่อง ดีควรต้องพิจารณาให้มาก”
จางจื๋อลุกขึ้นยืน กุมหมัดน้อมส่ง
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ยกับอู๋โซ่วว่า “วันนี้พวกเราสองคนถึงจะถือว่า รู ้จักกันอย่างแท้จริง วันหน้าอย่าได้เอาไปโม้ให้คนนอกฟังว่าดื่มเหล้า ด้วยกันอีกล่ะ ถึงอย่างไรดื่มชาด้วยกันต่างหากถึงจะเป็ นเรื่องจริง”
อู๋โซ่วพยักหน้ารับรัวๆ เหมือนไก่จิกเมล็ดข้าวเปลือก พูดจา รับรองอย่างน่าเชื่อถือว่า “ทราบแล้วๆ คาสอนของอิ่นกวาน ข้าจดจ า ไว้ขึ้นใจแล้ว”
จากนั้นเฉินผิงอันก็พาหมี่ลี่น้อย และยังมีเซียนกระบี่ใหญ่หมี่ ออกไปจากท่าเรือชิงซานด้วยกัน เดินเท้ากลับไปที่ยอดเขามี่เซวี่ย
โจวหมี่ลี่ถาม “เจ้าขุนเขาคนดี กลับบ้านด้วยกันหรือ?”
เฉินผิงอันพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม “ถือว่าไปด้วยครึ่งทาง รอให้ เรือเพิ่งยวนไปถึงนครมังกรเฒ่า ข้าค่อยลงจากเรือเดินทางไปกับผู้ อาวุโสซ่งระยะทางหนึ่ง จากนั้นก็จะกลับไปที่ภูเขาลั่วพั่วเพียงล าพัง จะต้องถึงบ้านก่อนเจ้าแน่”
โจวหมี่ลี่พยักหน้า “แบบนี้ก็ดีน่ะสิ”
หาได้ยากนักที่เจ้าขุนเขาคนดีจะรอตนกลับไปบ้าน ไม่ใช่ตนที่ รอเจ้าขุนเขาคนดึกลับมาบ้าน
ดีใจ ดีใจ ดีใจมากเลย ดีใจยิ่งกว่าได้รับซองแดงตอนปีใหม่เสีย อีก
หมื่อวี้หันหน้าไปมองอู๋โซ่วแวบหนึ่ง ถามว่า “ใต้เท้าอิ่นกวาน จะ ปล่อยไปอย่างนี้จริงๆหรือ?”
เฉินผิงอันลูบศีรษะของหมี่ลี่น้อย “อยากให้ต่อยเขาสักรอบ ระบายความโมโหหน่อยไหม?”
หมี่ลี่น้อยยิ้มกว้าง “ไม่ได้โมโหสักหน่อยจะระบายความโมโห ท าไม ท่องอยู่ในยุทธภพต้องใจกว้าง!”
เฉินผิงอันดึงมือกลับมา พยักหน้ายิ้มเอ่ย “เซียนกระบี่ใหญ่หมี่ ได้ยินหรือยัง หัดเรียนรู ้บ้าง”
หมื่อวี้อยากจะลูบศีรษะของหมี่ลี่น้อยเอาอย่างใต้เท้าอิ่นกวาน ผลคือถูกแม่นางน้อย ยื่นมือออกมาจับข้อมือของหมี่อวี้เอาไว้ เอ่ย อย่างร ้อนรนว่า “อวี๋หมี่ อวี๋หมี่ อะไรน่ะ อะไรน่ะ หากยังลูบหัวอีกตัวจะ ไม่สูงจริงๆ แล้วนะ!”
หมี่อวี้ใช ้เสียงในใจเอ่ยถามอย่างลังเล “ใต้เท้าอิ่นกวาน ท่าน เลื่อมใสบรรพจารย์ร ้านผ้าห่อบุญมาโดยตลอดไม่ใช่หรือ? ไม่คิดจะ ใช ้โอกาสอันดีนี้พูดคุยกับเขาอีกสักสองสามประโยคหรือไร?”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “เลื่อมใสนั้นเป็ นความจริง แต่ก็เหมือนที่ อาจารย์จางพูดเองนั่นแหละ ทาการค้ากับคนที่ตัวเองเลื่อมใส พอ เลือดร ้อนขึ้นหัวก็ง่ายที่จะไม่รู้กะหนักเบา อีกอย่างแค่ข้าเห็นบรรพ บุรุษอู๋ที่ใจแคบตัวอ้วนผู้นั้นก็หงุดหงิดแล้ว”
ทางฝั่งของโต๊ะตัวนั้น ชุยตงซานเริ่มร ้องทุกข์กับจางจื๋อ
เดิมทีด้วยเรื่องของการขุดเจาะล้าน้าใหญ่จึงได้สร ้างสิ่งปลูกสร ้าง แห่งหนึ่งที่คล้ายคลึงกับศาลบรรพจารย์ขึ้นมาชั่วคราว สานักกระบี่ชิง ผิงบ้านตนได้ส่งตัวจังชิวและหมี่อวี้ออกไป มิอาจบอกได้ว่าไม่ให้ ความสาคัญกับเรื่องนี้ สานักกุยหยกมีหวังจื้ออกหน้า ราชส านักต้า เฉวียนก็เป็ นหลี่ซีหลิงเจ้ากรมพิธีการ บวกกับรองเจ้ากรมการคลังที่ ออกจากเมืองหลวงมาด้วยเรื่องนี้โดยเฉพาะ ก็ถือว่าเป็ นการชุบตัวใน วงการขุนนางซึ่งโอกาสหาได้ยากครั้งหนึ่ง เซวียไหวแห่งเรือนอวิ๋น ฉ่าวผูซาน และยังมีทางฝั่งของภูเขาไท่ผิงที่ส่งตัวอวี๋ฟู่ ซานผู้ถวาย งานพิทักษ์ภูเขามา สกุลหลิวธวัลทวีปและสกุลอวี๋แผ่นดินกลาง แต่ละ ฝ่ ายก็จะส่งคนผู้หนึ่งมาที่ใบถงทวีปด้วย มีความเป็ นไปได้อย่างยิ่งว่า จะเป็ นหลิวโยวโจวที่มีเจตนาไม่ดี ซึ่งอาจจะต้องโดนกระสอบป่ าน
ครอบหัวเข้าสักวัน รวมไปถึงอวี้เจวี้ยนฟูสหายเก่าของทั้งใต้เท้าอิ่นก วานและเผยเฉียน
นอกจากนี้แคว้นทั้งหลายเลียบลาน้าใหญ่ในอนาคตก็สามารถ ส่งคนของตัวเองมาเข้าร่วมการประชุม ได้ครอบครองพื้นที่แห่งหนึ่ง ใน “ศาลบรรพจารย์” แห่งนี้
พูดถึงแค่ทางฝั่งของสานักกระบี่ชิงผิง นอกจากจะใช ้ยันต์มัลละ กลุ่มของชุยตงซานแล้วก็ยังมีหุ่นเชิดที่เป็ นจินซือ มัวอวี่เอ๋อร ์และ เที่ยวซานกงรวมอยู่ด้วย
จ้งชิวรับหน้าที่เป็ นนักบัญชี หมี่อวี้ผู้ถวายงานอันดับหนึ่งเป็ นคน น าขบวนด้วยตัวเองเถาหรานเซียนกระบี่ใหญ่เถารับผิดชอบปกป้ อง มรรคา เหอกู อวี๋เสียหุย
บวกกับฉิวเฒ่าฉิวตู๋ หรือแม้กระทั่งหงเซี่ยเจียวน้าขอบเขต ก่อกาเนิดและอวิ๋นจื่อที่ไปขุดตัวมาจากภูเขาลัวพั่ว
แน่นอนว่ายังมีบุคคลใหญ่อีกสามคนที่สามารถ “ย้ายภูเขาคว่า มหาสมุทรได้ง่ายดายราวกับพลิกฝ่ ามือ” มากที่สุด ทว่าตอนนี้ชุยตง ซานยังไม่ได้เปิดเผยความลับนี้ให้กับร ้านผ้าห่อบุญ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!