ยามเหม่า (ช่วงเวลาตีห้าถึงเจ็ดโมงเช ้า) ฟ้ าเริ่มสว่างน้อยๆ ใน ภูเขามีหมอกมากมายอากาศสดชื่นปลอดโปร่ง น้าค้างเกาะอยู่ตาม ใบไม้ดอกไม้เป็ นก้อนกลมเกลี้ยง โยกไหวส่ายสะบัด อยากจะเอื้อน เอ่ยแต่ก็เขินอาย
เฉินผิงอันเหน็บห่อผ้าฝ้ ายไว้ใต้รักแร ้ เลือกทางสายเล็กเส้นหนึ่ง ที่มุ่งหน้าไปยังภูเขาด้านหลัง เดินไปเพียงลาพังด้วยจิตใจที่แช่มชื่น
หยุดฝี เท้าลงแล้ว เย็นผิงอันหันหน้าไปมอง ผ่านไปพักหนึ่งก็ มองเห็นผู้เฒ่าหลังค่อมกาลังเดินเร็วๆ มาหา หักกิ่งดอกไม้ถือไว้ใน มือ เรื่องแบบนี้หากปรากฏอยู่ในสายตาของคนทั่วไป เซียนกระบี่หมี่ เป็ นคนท าก็จะหล่อเหลาสง่างาม แต่พ่อครัวเฒ่าตรงหน้าเป็ นคนท า กลับตกเป็ นที่ต้องสงสัยว่าแก่แล้วหน้าไม่ขายอยู่บ้างเล็กน้อย
มือหนึ่งของจูเหลี่ยนกาเป็ นหมัดวางแนบไว้ตรงหน้าท้อง มือที่ถือ ดอกไม้อ้อมไปด้านหลังเหมือนถือกระบี่ ตะโกนเสียงดังยิ้มเอ่ย “มาเร็ว ไม่สู้มาได้จังหวะบังเอิญ นี่ถึงได้เจอกับคุณชายพอดีอย่างไรเล่า
คุณชายทาอะไรมักจะว่องไวดุจฟ้ าแลบท่ามกลางสายฝนที่ แปรเปลี่ยนมาจากลมวสันต์เช่นนี้เสมอ
เมื่อวานเพิ่งพูดว่าจะสอนหมัดให้กับเฉาอิน เฉายาง วันนี้ก็มา เสียตั้งแต่เช ้าตรู่
คนบนโลกมักจะเข้าใจผิดคิดว่าการเดินทางไกลในใต้หล้าเป็ น แค่การใช ้สองเท้าก้าวเดิน มีแค่นักพเนจรที่ออกจากบ้านเกิด เดิน ทางผ่านพันภูเขาหมื่นสายน้าเท่านั้น
แต่ในความเป็ นจริงแล้วกลับไม่ได้เป็ นเช่นนั้น ทุกครั้งที่ในใจ คิดถึงเรื่องบางเรื่อง ทาเรื่องบางเรื่องได้สาเร็จ ก็คือการเดินทางไกล บนเส้นทางหัวใจครั้งหนึ่ง
เฉินผิงอันสอดมือไว้ในชายแขนเสื้อหยุดรออยู่ข้างทาง รอให้จูเห ลี่ยนตามมาทันแล้วก็เดินเคียงบ่ากันไป ถามว่า “ซู่เซี่ยกับเติงเกาไม่ ต้องขัดขวางแขกที่มาจากต่างถิ่นพวกนั้นแล้วหรือ?”
คนทั้งสองต่างก็แซ่จ้าว คนหนึ่งคือลูกศิษย์ผู้สืบทอดสายวรยุทธ จากเฉินผิงอัน อีกคนหนึ่งคือลูกศิษย์ใหญ่ของนักพรตตาบอดเจี่ย เฉิง คงเป็ นเพราะนิสัยเข้ากันได้ดี บวกกับที่ชาติก าเนิดคล้ายคลึงกัน เวลาปกติจ้าวซู่เซี่ยกับจ้าวเติงเกาจึงพูดคุยกันถูกคอ บวกกับพวก โจวจวิ้นเฉิน เถียนจิ่วเอ๋อร ์และชุยฮวาเซิงที่อยู่ในสองร ้านของตรอกฉี หลงก็ถือเป็ นภูเขาลูกเล็กลูกหนึ่ง เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกับสายของ เรือนไม้ไผ่ภูเขาลั่วพั่วแล้วกลับไม่ได้ดึงดูดสายตาคนมากขนาดนั้น
จูเหลี่ยนพยักหน้า “ทางฝั่งของที่ว่าการก็แอบปล่อยข่าวออกไป ว่าไม่อนุญาตให้คนต่างถิ่นเข้ามาใกล้ภูเขาลั่วพั่ว เดิมทีทางฝั่ง จังหวัดฉู่โจวของพวกเราก็ตรวจสอบเอกสารผ่านด่านอย่างเข้มงวด อยู่แล้ว ไปๆ มาๆ จึงถือว่าช่วยขัดขวางผู้ฝึกตนอิสระที่แสวงหามรรคา และการถามหมัดของผู้ฝึกยุทธหลายคนที่มาเยือนเพราะเลื่อมใสใน
ชื่อเสียงไว้ได้ แล้วก็ไม่กล้ามีความไม่พอใจอะไร ผ่านการปรับตัวของ เมื่อหลายปีก่อน กฎระเบียบของราชสานักต้าหลีก็ถือว่าฝังลึกเข้าไป ในใจคนอย่างแท้จริงแล้ว เพราะถึงอย่างไรบนยอดเขาของภูเขา บรรพบุรุษพรรคตระกูลเซียนแห่งต่างๆ ก็ยังมีการตั้งป้ ายศิลาเอาไว้ นี่ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเลย”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “ยังคงเป็ นคาพูดของทางการที่ใช ้ได้ผล ดีกว่า”
จูเหลี่ยนกล่าว “ข้าเคาว่านี้ไม่ใช่ความต้องการของผู้ว่าอู๋ยวน และยิ่งไม่ใช่ของพวกนเจ้าเมืองเป๋ าซี หลงเฉวียนแน่ วงการขุนนางมี ข้อพิถีพิถันมากมาย กังวลว่าจะเป็ นการวาดงูเติมขา ไม่แน่ว่าจะเป็ น..
จูเหลี่ยนพูดมาถึงตรงนี้ก็ยกกิ่งดอกไม้ขึ้นชี้ไปที่ท้องฟ้ า
เป็ นคาสั่งของฮ่องเต้ต้าหลี
เฉินผิงอันพยักหน้ารับ “ไม่ผิดไปจากที่คาด ก็คือโองการที่ซ่งเห อมอบให้อู๋ยวน
จูเหลี่ยนยิ้มเอ่ย “มีใจแล้ว”
ดังนั้นจูเหลี่ยนจึงถามอย่างใคร่รู ้ว่า “ในเมื่อฮ่องเต้มีความจริงใจ เช่นนี้ ก่อนหน้านี้ยังเข้าร่วมงานแต่งครั้งนั้นด้วยตัวเอง เชื้อเชิญให้ คุณชายออกจากภูเขาต่อหน้า เหตุใดคุณชายถึงไม่ตอบตกลงเป็ น ราชครูสกุลซ่งต้าหลีของพวกเขาล่ะ? มีเรื่องใดให้ต้องเป็ นกังวลหรือ?
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลส่วนรวมหรือส่วนตัว คุณชายบ้านตนรับ ต าแหน่งราชครูต้าหลีต่อจากชุยฉานก็ถือเป็ นเรื่องที่ทุกคนฝาก ความหวังเอาไว้ ร่วมมือกันแล้วเป็ นประโยชน์กับทั้งสองฝ่ ายก็ยิ่งเป็ น เรื่องที่ไม่ต้องสงสัย แน่นอนว่าเมื่อเป็ นเช่นนี้คุณชายก็ต้องแบ่งสมาธิ ไปกับเรื่องล่างภูเขามากขึ้น เพราะถึงอย่างไรราชสานักต้าหลีก็ไม่ใช่ แคว้นเล็ก กินอาณาเขตพื้นที่ของครึ่งทวีปของแจกันสมบัติ จูเหลี่ยน คุ้นเคยกับนิสัยของคุณชายดียิ่งนัก หากว่ารับปากที่จะ “ออกจาก ภูเขาไปรับตาแหน่ง อย่างน้อยที่สุดหกสิบปีก็จะต้องสิ้นเปลืองแรงกาย แรงใจอย่างมหาศาลอยู่ในสองสถานที่อย่างเมืองหลวงต้าหลีและเมือง ลั่วจิงเมืองหลวงส ารองขณะเดียวกันคนที่ได้ผลประโยชน์มากที่สุด แน่นอนว่าต้องเป็ นฮ่องเต้สกุลซ่งต้าหลี เพราะหากคุณชายยอม รับปากเป็ นราชครูก็เท่ากับว่าเว้นเสียจากว่าฮ่องเต้เป็ นฝ่ ายสละ บัลลังก ์ด้วยตัวเอง สืบทอดชะตาแคว้นด้วยวิธีผลัดจากพี่สู่น้อง หาไม่ แล้วลั่วอ๋องซ่งมู่ก็ไม่มีทางพัฒนาไปได้อีกขั้นแน่นอน
เฉินผิงอันพยักหน้า “มีเรื่องให้ต้องกังวลเยอะมาก
จูเหลี่ยนเองก็ไม่ชักใช ้อย่างละเอียด “ถ้าอย่างนั้นก็ชะลอไว้ก่อน รอดูกันไปก่อน
เห็นห่อผ้าฝ้ ายที่เหน็บอยู่ใต้รักแร ้ของคุณชาย จูเหลี่ยนก็ยิ้มถาม ว่า “คือของขวัญที่มอบให้หยกคู่สองคนนั้นหรือ?”
เฉินผิงอันอธิบาย “คือตาราฉบับสมบูรณ์แบบบางส่วนที่จะนาไป มอบให้เฉาอิน ทุกวันนี้ชิงถงแห่งหอสยบปีศาจเป็ นเค่อชิงที่ได้รับการ
บันทึกชื่อของสานักกระบี่ชิงผิงแล้ว ก่อนหน้านี้นางมอบตาราหายาก ที่ราคาไม่ธรรมดาให้กับภูเขาเซียนตูไปไม่น้อย ข้าก็เลยเลือกเอา ตาราที่มีเล่มเดียวซึ่งถูกภายนอกจัดแบ่งเป็ นประเภทที่หายสาบสูญไป แล้วมา”
จูเหลี่ยนยิ้มถาม “คุณชายทิ้งตาราที่มีเล่มเดียวไว้ให้ที่ภูเขาเซียน ตูกี่เล่ม?”
เฉินผิงอันตบไหล่พ่อครัวเฒ่า “เป็ นคนต้องใจกว้าง ท าอะไรก็ ต้องใจป้า อืม ตอนนั้นข้าก็โน้มน้าวลูกศิษย์ผู้เป็ นที่ภาคภูมิใจเช่นนี้ แหละ ตงซานฟังเข้าหูแล้ว เขายังถามอีกว่าตาราสมบูรณ์แบบที่เหลือ มากกว่านั้นจะนากลับมาที่ภูเขาลั่วพั่วให้มากหน่อยหรือไม่ ในเมื่อ ศิษย์เกรงใจอาจารย์ ถ้าอย่างนั้นอาจารย์จะต้องเกรงใจอะไรลูกศิษย์ อีกเล่า”
จูเหลี่ยนกลั้นขา “อยู่กับคุณชาย เจ้าสานักชุยก็ให้ความเคารพ ครูบาอาจารย์มากจริงๆ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!