แล้วก็ไม่เห็นว่าเฉินผิงอันลงมืออย่างไร ทวนไม้ยาวก็แทงเข้าที่ หน้าผากของเฉายางแล้ว ศีรษะของเด็กสาวเหวี่ยงสะบัดอย่างแรง ร่าง ทั้งร่างปลิวกระเด็นไปด้านหลัง หน้าผากบวมแดงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เฉายางใช ้ฝ่ ามือตบพื้น หมุนร่างพลิก กลับ จากนั้นจึงใช ้ปลายดาบทิ่มพื้นหลายครั้ง บนพื้นของลานฝึ ก ยุทธเกิดเป็ นสะเก็ดเปลวเพลิงกระจายไปทั่วทิศทันใด เด็กสาวฝื น พลิกร่างกลับมา เดินวนรอบตัวคนชุดเขียวเดินเป็ นวงโค้งไปได้เกิน ครึ่งรอบ จากนั้นค่อยส่งดาบแทงสวนขึ้นด้านบน ปลายดาบยังไม่ทัน ขยับเข้าใกล้คนชุดเขียว ก็ถูกหอกไม้เล่มนั้นสวนผ่านมาด้วย ความเร็วที่มากยิ่งกว่า เสียงปังดังหนึ่งครั้ง ปลายหอกกระแทกเข้าที่ ไหล่ของเฉายางโดยตรงจนไหล่ของเด็กสาวเอียงกะเท่เร่ไปข้างหนึ่ง ร่างหมุนคว้างอยู่ที่เดิม รอกระทั่งเฉายางคืนสติกลับมา ปลายหอกไม้ ที่หยุดนิ่งไม่ขยับก็ทิ่มมาที่ลาคอของนางแล้ว
“คุมเชิงกับผู้แข็งแกร่ง จิตใจไม่มั่นคง มีแต่จะถูกบีบให้เลือดลม แล่นพล่าน หรือว่าก่อนจะลงมือก็คิดไว้แล้วว่าตัวเองต้องแพ้อย่างไม่ ต้องสงสัย ใจเลยหวังแค่ว่าจะตายให้เร็วหน่อยเท่านั้น?”
เฉินผิงอันถอนหอกกลับมา “เอาใหม่”
จากนั้นไม่ว่าเฉายางจะโจมตีอย่างไร ก็มิอาจขยับเข้าใกล้ร่าง ของคนชุดเขียวได้เลยไม่มากไม่น้อย เรือนกายของคนทั้งสองมี ระยะห่างหนึ่งหอกกั้นขวางอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า
ระหว่างนั้นเฉินผิงอันกวาดหอกออกมาในแนวขวาง กระแทกเข้า ที่ช่วงเอวของเด็กสาวอย่างอ ามหิต เฉายางถูกแรงฟาดดีดร่างจนตัว ลอย ร่างทั้งรางเหมือนธนูที่โค้งโก่งลอยอยู่กลางอากาศ ก่อนจะถูก ด้ามไม้ช่วงหนึ่งของหอกกระแทกเข้าที่หัวใจ กระเด็นไปชนกับก าแพง เรือนกายของเด็กสาวพลิกหมุนอยู่กลางอากาศอย่างปราดเปรียว งอ เข่าสองข้างลงเล็กน้อย นั่งยองลงบนหัวกาแพง อาศัยแรงดีดนี้จู่โจม กลับไปที่คนชุดเขียวที่ก้าวเดินอย่างผ่อนคลาย ฝ่ ายหลังคล้ายขี้ เกียจจะใช ้หอกยาวรับมือกับศัตรูแล้ว จึงแค่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นประกบ สองนิ้วเขาด้วยกันก็ผลักปลายดาบออกไป ‘เบาๆ” จากนั้นตีศอกถอง ใส่จนเฉายางเลือดอาบเต็มหน้า ล้มไปกองอยู่กับพื้นลุกไม่ขึ้นอีก หอกทิ่มลงพื้นแล้วตวัดยกขึ้น คราวนี้ร่างของเด็กสาวมิอาจรวบรวม ลมปราณแท้จริงที่บริสุทธิ์ได้อีก พลิกตลบอยู่กลางอากาศหลายรอบ ก่อนจะไปร่วงกระแทกเข้ากับชั้นวางอาวุธอย่างจัง เสียงโครมเครั้งๆๆ ดังระนาว เฉายางกระอักเลือดออกจากปาก ใช ้ฝ่ ามือข้างเดียวยันพื้น โซเซลุกขึ้นยืน สายตาฉายแววเด็ดเดี๋ยว เพียงแต่แขนข้างที่กุมดาบ กลับสั่นสะท้านอย่างอดไม่อยู่ ขณะเดียวกันเฉายางก็เริ่มขยับเท้า เผชิญหน้าเข้ากับบุรุษที่เดินมาหาตนช ้าๆ อยู่ตลอดเวลา
เฉินผิงอันพยักหน้าเบาๆ อย่างไม่ให้เป็ นที่จับสังเกต พ่อครัวเฒ่า ว่าไว้ไม่ผิดจริงๆ เด็กสาวสามารถทนรับความยากล าบากได้ดีมาก อีกทั้งเรียนรู ้อะไรก็รวดเร็ว เหมือนอย่างในเวลานี้ เกรงว่าตัวเฉายาง เองก็คงไม่รู ้ด้วยซ้าว่านางได้ใช ้เส้นทางการโคจรลมปราณแท้จริงที่ เฉินผิงอันถ่ายทอดให้ก่อนหน้านี้แล้ว
นี่ก็คือพรสวรรค์ อาจารย์พาเข้าสานักฝึกตนอยู่ที่ตัวเอง ยืนหยัด ต่อไปด้วยจิตใจแน่วแน่ นานวันเข้าก็ไม่แน่เสมอไปว่าศิษย์จะต้องสู้ อาจารย์ไม่ได้
ฝี เท้าของเฉินผิงอันก้าวไม่เร็ว เอ่ยว่า “คนเราสามารถดึง ลมปราณขึ้นยากที่สุด แต่ระบายออกกลับง่ายมาก เรียนวรยุทธ ฝึกวรยุทธ สิ่งที่ศึกษาเล่าเรียนก็คือการเป็ นคน”
“เป็ นคนแบบใดก็จะสามารถคิดค้นกระบวนท่าหมัดแบบนั้น บรรลุวิชาหมัดจากการหลอมรวมสัจธรรมแห่งหมัดแบบนั้นออกมาได้ เฉายาง นอกจากฝึกวรยุทธแล้ว เคยคิดหรือไม่ว่าท าไมตัวเองถึงต้อง ฝึกหมัด ต้องเรียนรู ้หมัดอะไร แล้วตัวเจ้าเองล่ะเป็ นคนแบบไหน?”
เฉายางอึ้งตะลึง
ผลคือได้ยินเฉินผิงอันพูดกลั้วหัวเราะว่า “ศัตรูตัวฉกาจอยู่เบื้อง หน้า ยังจะกล้าเสียสมาธิอีกรี?”
เสียงโครมดังลั่น เด็กสาวกระแทกเข้ากับกาแพงทางฝั่งนั้น ก่อน ร่างจะร่วงผล็อยลงมานั่งกองอยู่กับพื้น ใช ้ดาบยันพื้น พยายามจะลุก
ขึ้นยืนหลายครั้งแต่ก็ไร ้ผล ปลายเท้าจิกพื้นอย่างแรง หลังพิงก าแพง ค่อยๆ ลุกขึ้นช ้าๆ
ดวงตาของเฉายางพร่าลาย หันหน้าไปมองตามจิตใต้ส านึก หูได้ ยินเสียงก าแพงแตกลั่นดังมา หากนางไม่หลบ คาดว่าคงถูกหอกไม้ แทงทะลุศีรษะคาที่ไปแล้ว
จูเหลี่ยนยิ้มเอ่ยปลอบใจเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างกาย “ไม่ต้องกังวล ทุก ครั้งที่เจ้าขุนเขาลงมือล้วนมีการกะน้าหนักได้อย่างดีเยี่ยม ล้วน พิจารณาถึงเฉายางเป็ นหลัก หากสอนหมัดอยู่แค่เรื่องของกระบวน ท่าและสัจธรรมแห่งหมัด นั่นต่างหากถึงจะเป็ นการสิ้นเปลืองเวลาของ เจ้าขุนเขา เนื่องจากเจ้าเป็ นคนนอกสถานการณ์จึงไม่รู ้ว่า เวลานี้จุด ที่เฉายางทรมานอย่างแท้จริงอยู่ที่ว่าลางสังหรณ์ของนางได้ถูกเจ้า ขุนเขาชักนาไปแล้ว มั่นใจแล้วว่าหากไม่ระวังให้ดีก็จะถูกท าร ้ายไป ถึงรากฐาน จะถูกสะบั้นเส้นทางการเรียนวรยุทธได้ตลอดเวลา เมื่อ เป็ นเช่นนี้จึงจะถือว่าเป็ นการประลองฝีมือ หาไม่แล้วหากเป็ นแค่การ ป้ อนหมัดเบาๆ สอนหมัดแบบนี้ก็เหมือนอย่างที่เจ้าขุนเขาบอก ความหมายน้อยนิด เพียงแค่เพราะสืบสาวราวเรื่องกันแล้ว ในส่วนลึก ของจิตใจเฉายางมีความคิดว่าตัวเองยืนอยู่ในสถานะที่มิพ่าย แต่ใน ความเป็ นจริงแล้วคนนอกกลับรู ้สึกว่าเป็ นการแบ่งแยกแพ้ชนะอย่างที่ ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้น แต่สาหรับตัวเฉายางที่อยู่ในสถานการณ์กลับคิด ว่าเป็ นการตัดสินเป็ นตาย”
“วิถีแห่งหมัดของผู้ฝึกยุทธก็คือเส้นทางในชีวิตของพวกเรา ทุก ก้าวที่เดินต้องย่าพื้นให้เต็มฝ่ าเท้า ไม่เหยียบลงบนความว่างเปล่า หากต้องการให้ความขมขื่นผ่านพ้นความหวานชื่นมาเยือน ก็ได้แต่ ทนรับกับความยากลาบากเท่านั้น ข้อปลีกย่อยที่ไม่สาคัญอย่าง เส้นทางการไหลรินของลมปราณที่แท้จริงนี้ สามารถสอนสามารถ เรียนรู ้กันได้ แต่ความคิดของคนกับปณิธานหมัดบนร่างล้วนต้อง แสวงหาความบริสุทธิ์ทั้งสองอย่าง ถ้าอย่างนั้นก็ได้แต่ทนทรมานกับ ความยากลาบากที่ทับซ ้อนความยากลาบากแล้ว ทุกๆ ชั่วเวลา ปัจจุบัน แม้แต่ความคิดว่าความขมขื่นผ่านพ้นแล้วจะได้เจอกับความ หอมหวานก็ไม่อาจมีได้”
จูเหลี่ยนหัวเราะร่วน “คาดว่าคุณชายน่าจะยังเพิ่มฟืนอีกท่อนลง ไปด้วย”
แล้วก็จริงดังคาด เฉินผิงอันไม่ได้ดึงหอกไม้ที่ปักตรึงอยู่ใน ก าแพงออกมา เขาเอ่ยว่า “เฉายาง พักสักครู่ คาดว่าในใจเจ้าคงไม่ ยอมแพ้ รู ้สึกว่าข้าเรียนหมัดเร็วกว่า ขอบเขตสูงกว่า ถึงได้เอาแต่พูด หลักการเหตุผลที่เลื่อนลอยกับเจ้า อยู่สูงกว่าแล้วมองเหยียดคนอื่น เป็ นเรื่องน่ารังเกียจ ถือว่าใช ้วิธีของการกดข่มบนมรรคา ถ้าอย่างนั้น ข้าจะกดขอบเขตลงอีกขั้นใช ้ขอบเขตสามของผู้ฝึกยุทธมาประลอง ฝีมือกับเจ้า อาศัยแค่กระบวนท่าพื้นฐานของวิช หมัดเขย่าขุนเขา เท่านั้น ดูสิว่าเจ้าจะทนรับได้กี่กระบวนท่า”
ขอแค่ไม่ใช่การสอนหมัดให้กับเผยเฉียน ต่อให้อยู่บนยอดเขา เจ๋อเซียน ช่วยป้ อนหมัดให้เย่อวิ๋นอวิ๋นไม่หยุด สุดท้ายภายใต้โอกาส อ านวย ช่วยให้นางเลื่อนเป็ นชั้นปราณโชติช่วงของขอบเขต ปลายทางได้ เฉินผิงอันก็ยังรู ้สึกว่าไม่ใช่เรื่องยาก
เขานี่ช่าง….รับลูกศิษย์ที่ดีมาจริงๆ เป็ นเหตุให้เขาที่เป็ นอาจารย์ สอนหมัดยังยากกว่าตัวเองฝึกหมัดเสียอีก
ภายหลังเฉินผิงอันก็ใช ้ขอบเขตสามของผู้ฝึกยุทธออกกระบวน ท่าจนเฉายางไร ้เรี่ยวแรงจะต้านรับ
สุดท้ายเด็กสาวคุกเข่าข้างเดียว ใช ้ดาบยันพื้น สะบัดหัว แต่ก็ยัง รู ้สึกเวียนหัวตาลายการมองเห็นพร่าเลือน ใบหน้าของเด็กสาวโชก ไปด้วยเลือดสดๆ เลือดแต่ละหยดหล่นร่วงลงบนพื้น
เฉาอินใช ้เสียงในใจพูดคุย “อาจารย์จู เฉายางคงไม่เป็ นไร กระมัง?”
อันที่จริงถามแบบนี้ไม่ค่อยเหมาะสมนัก เท่ากับสงสัยในฝีมือการ สอนหมัดของเจ้าขุนเขาเฉิน หากพูดให้ร ้ายแรงอีกหน่อยก็คือสงสัย ในเจตนาของเจ้าขุนเขาเฉินแล้ว
แต่เด็กหนุ่มกลับอดไม่ไหว
จูเหลี่ยนถูมือ ยิ้มเอ่ย “เจ้าขุนเขาลงมือไม่เบาก็จริง แต่ก็ไม่หนัก เหมือนกัน เอาเป็ นว่าล้วนอยู่ในขอบเขตที่เฉายางสามารถทนรับได้ก็ แล้วกัน”
ในฐานะเจ้าประมุขคนปัจจุบันของสกุลเฉาเสาค้ายันแคว้น เฉา ผิงจึงพอจะมีความสามารถในการมองคนอยู่หลายส่วน รู ้ว่าควรส่งตัว เฉาอินและเฉายางมาที่ภูเขาลั่วพั่ว
นับแต่วันนี้เป็ นต้นไป เด็กหนุ่มเด็กสาวที่ยังไม่เคยถูกเรื่องทาง โลกแปดเปื้อนจิตใจดั้งเดิมคู่นี้ ก็ได้ถือว่าเข้าตาคุณชายบ้านตนอย่าง แท้จริงแล้ว หึหึ วันหน้าคุณชายต้องมาที่นี่บ่อยๆ เป็ นแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!