เฉินผิงอันมาถึงตีนเขาของภูเขาลูกหนึ่ง ไม่ได้บอกกล่าวสถานะ ที่หน้าประตูภูเขา ผู้ฝึกตนในภูเขาของยอดเขาอีไต้มีไม่มาก ทั้งไม่มี ประตูภูเขา แล้วก็ไม่มีผู้ฝึ กตนเฝ้ ำประตูที่ทาหน้าที่ต้อนรับแขก โดยเฉพาะ มีแค่ป้ ำยหินขนาดไม่ใหญ่ที่ตั้งไว้ตรงตีนเขา แกะสลัก แปดค ำว่า ไม่มีธุระโปรดหยุดเท้า ต่างคนต่างฝึกตน
หลักๆ แล้วก็คือใช ้เตือนผู้ฝึกลมปราณว่า อยู่ว่างไม่มีอะไรท ำก็ อย่ามาเตร็ดเตร่ที่นี่โปรดอภัยที่ไม่ต้อนรับแขก
แต่พวกนายพรานคนตัดฟื นและคนเก็บสมุนไพรที่เป็ นคนใน ท้องถิ่นล้วนเข้ามาในภูเขาได้ไม่มีปัญหา และยอดเขาอีไต้ก็กลายมา เป็ นยอดเขาจ ำนวนไม่มากในกลุ่มภูเขาตะวันตกที่ยังสามารถเห็นเงา ร่างของชาวบ้านในเมืองเล็กได้
ยอดเขาอีไต้แห่งนี้มีต้นไม้โบราณสูงเสียดฟ้ ำ ต้นสนราวกับจะ กลายร่างเป็ นมังกร ต้นป่ายที่เขียวขจีก็เหมือนจะกลายเป็ นนกหลวน โบยบิน เป็ นพื้นที่ฮวงจุ้ยมงคลที่เงียบสงบมากแห่งหนึ่งจริงๆ
อันที่จริงปีนั้นเฉินผิงอันก็เคยหมายตาภูเขาลูกนี้ เพราะสมุนไพร ในภูเขามีเยอะมากอีกทั้งดินยังเหมาะให้นาไปเผาเป็ นเครื่องกระเบื้อง เพียงแต่ว่าเงินเหรียญทองแดงแก่นทองมากมายขนาดนั้น อีกทั้ง ราคาที่ซื้อภูเขาก็ยังแพงกว่าภูเขาเซียนฉ่าวตั้งมาก สุดท้ายระหว่าง
ซื้อยอดเขาอีไต้กับซื้อภูเขาเซียนฉ่าวและยอดเขาไฉ่อวิ๋นไปในเวลา เดียวกัน เฉินผิงอันก็ยังเลือกอย่างหลังมากกว่า
เจ้าขุนเขาหลิวหงเหวินเป็ นผู้ฝึกตนเฒ่าโอสถทอง มาจากพรรค หวงเหลียง นับตามล ำดับอาวุโส ผู้อาวุโสคืออาจารย์ลุงของเกาเจิ่น เจ้าประมุขคนปัจจุบัน
แล้วก็เป็ นหลิวหงเหวินผู้นี้ที่ตอนนั้นยืนกรานว่าจะใช ้เงินเหรียญ ทองแดงแก่นทองถุงที่เหลือมาซื้อยอดเขาอีไต้แห่งนี้ บอกว่าต้องการ ฝึกตนอย่างสงบอยู่ที่นี่ จะได้ไม่ต้องอยู่ขวางหูขวางตาใครที่พรรคหวง เหลียง
หลิวรุ่นอวิ๋นหลานสาวของผู้เฒ่าเลี้ยงจิ้งจอกขาวอายุหนึ่งปีตัว หนึ่ง นางเคยถูกคนบางคนยุแยงให้จัดบุปผาในคันฉ่องจันทราใน สายน้า ผู้ชมมีอยู่น้อยนิด แต่ดูเหมือนว่านางจะได้ เงินเทพเซียนมา จริงๆ
หลิวหงเหวินเคยพาลูกศิษย์ผู้สืบทอดกลุ่มหนึ่งซึ่งมีซ่งหยวนเป็ น หนึ่งในนั้นไปเยี่ยมเยือนเจ้าขุนเขาหนุ่มที่ภูเขาลั่วพั่ว แต่นั่นเป็ นเรื่อง ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปี ก่อนแล้ว ตอนนั้นภูเขาลั่วพั่วยังไม่เลื่อนเป็ น ส ำนักอักษรจง หลิวหงเหวินกับผู้ดูแลใหญ่จูเหลี่ยนยังนัดหมายมาดื่ม เหล้าด้วยกันเป็ นประจา เชื้อเชิญให้อีกฝ่ ำยมาที่ยอดเขาอีไต้ ช่วย เป็ นพ่อครัวท ำกับแกล้มให้สองสามจาน และเวลาในช่วงบ่ายก็มักจะ คุยเล่นใช ้เวลาไปด้วยกันอย่างสบายอารมณ์ ภายหลังรอกระทั่งภูเขา ถั่วพัวกลายมาเป็ นสถานที่ที่มีชื่อเสียงที่ทั้งใต้หล้าล้วนรับรู ้แล้ว กลับ
กลายเป็ นว่าผู้ฝึกตนเฒ่าจงใจห่างเหินกับภูเขาลั่วพั่ว แม้แต่กับจูเห ลี่ยนก็ไม่นัดมาดื่มเหล้า
กันอีก
เจ้าขุนเขาหนุ่มมักจะไม่อยู่บ้าน ตลอดทั้งปีคอยแต่จะท่องเที่ยว อยู่ข้างนอก ไม่มีโอกาสได้พบหน้ากันสักครั้ง
แต่ทุกครั้งที่มีงานเทศกาล เด็กหญิงชุดกระโปรงสีชมพูที่ชื่อว่า เฉินหน่วนซู่ ผู้ดูแลน้อยของภูเขาลั่วพั่วคนนี้ก็ยังจะมาที่ยอดเขาอีไต้ พกพาเอาของขวัญอย่างพวกขนมที่มีชื่อเสียงของตรอกฉีหลงและใบ ชาที่จูเหลี่ยนผัดเองกับมือมาด้วย แรกเริ่มสุดข้างกายของเฉินหน่วน ซู่ ยังมีแม่นางน้อยถ่านดาคนหนึ่งติดตามมาด้วย หลังจากนั้นไปอีกก็ มีแม่นางน้อยชุดดาที่ในมือถือไม้เท้าเดินป่ ำ บนบ่าหาบคานหาบสี ทองตามมา แต่ภายหลังเด็กที่ชื่อว่าเผยเฉียนไม่ได้ตามมาด้วยแล้ว ได้ยินว่าเหมือนจะต้องฝึกหมัด หลังจากนั้นอีกหมี่ลี่น้อยก็ไม่ขึ้นเขา มาแล้ว ดูเหมือนจะเกิดคลื่นมรสุมครั้งหนึ่งที่เมืองหงจู่ จึงหวาดกลัวไม่ กล้าออกจากภูเขาลั่วพั่วอีก
พรรคหวงเหลียงที่เดิมทีเป็ นจวนเซียนรั้งท้ายอันดับสองของ แจกันสมบัติทวีป ทุกวันนี้บรรพจารย์อย่างหลิวหงเหวิน เจ้าประมุข เกาเจิ่น บวกกับลูกศิษย์ผู้สืบทอดในศาลบรรพจารย์ที่เพิ่งจัดงานพิธี เปิดยอดเขาไป พรรคหวงเหลียงมีเซียนดินโอสถทองปรากฏตัวพร ้อม กันถึงสามคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกาเจิ่นที่ยังเป็ นผู้ฝึกกระบี่คนหนึ่ง ด้วย
เมื่อเป็ นเช่นนี้พรรคหวงเหลียงก็ติดอันดับต้นๆ ของจวนเซียน อันดับสองในแจกันสมบัติทวีปได้อย่างมั่นคงแล้ว ขาดแค่ผู้ฝึ กตน ก่อกาเนิดคนเดียวเท่านั้น
ส่วนขอบเขตหยกดิบนั้นยังเป็ นเรื่องที่ไม่กล้าคาดหวัง
ในมือของเซียนซือผู้เฒ่าถือหลิงจือไม้หวงหยางชิ้นหนึ่ง ออกมา ต้อนรับด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม ใช ้มือเดียวทามุทราท่าประตูภูเขา ปฏิบัติ ด้วยท่าทีมีมารยาท “หลิวหงเหวินแห่งพรรคหวงเหลียงคารวะเจ้า ขุนเขาเฉิน”
เฉินผิงอันกุมหมัดคารวะกลับคืน “ผู้เยาว์คารวะหลิวเซียนซือ”
หลิวหงเหวินยิ้มเอ่ย “มิกล้ารับ ล ำดับอาวุโสบนภูเขาไม่ได้นับกัน ตามอายุ เจ้าขุนเขาเฉินเรียกข้าว่าสหายก็ได้แล้ว”
ก่อนหน้านี้เฉินหลิงจวินและกวอจู๋จิ่วไปเข้าร่วมงานพิธีเปิดยอด เขา อันที่จริงเกาเจิ่นก็เคยกังวล กังวลว่าอาจารย์ลุงหลิวที่อยู่บนยอด เขาอีไต้จะเคยพูดถึงเรื่องที่ไม่ดีของตัวเองกับของพรรคหวงเหลียงให้ ภูเขาลั่วพั่วฟังหรือไม่ เพราะถึงอย่างไรด้วยนิสัยของอาจารย์ลุงหลิว แล้ว เกาเจิ่นรู ้สึกว่าไม่ว่าจะเป็ นคาพูดที่ไม่น่าฟังแค่ไหนเขาก็พูด ออกมาได้ แต่กลับไม่รู ้ว่าอยู่ที่ยอดเขาอีไต้แห่งนี้ ต่อให้หลิวหงเหวิ นจะบอกสถานะของตัวเอง ก็คงไม่พูดถึง ‘ยอดเขาอี้ได้” มีแต่จะพูด ถึงพรรคหวงเหลียงเท่านั้น
เฉินผิงอันเป็ นฝ่ ำยเอ่ยขออภัย “หลายปีมานี้ข้ามาเยี่ยมเยือน หลิวเซียนซือที่ยอดเขาอีได้น้อยครั้ง ไม่สมควรเลยจริงๆ”
หลิวหงเหวินยิ้มอย่างสง่างาม “ไม่เป็ นไรหรอก เจ้าขุนเขาเฉินไม่ จาเป็ นต้องถือสาเรื่องนี้ เพราะอยู่ใกล้เกินไป ราวกับว่าเดินแค่ไม่กี่ ก้าวก็ถึงแล้ว จึงท ำให้รู ้สึกว่าไม่จ ำเป็ นต้องรีบร ้อนพบหน้ากัน ถ่วง เวลาไปถ่วงเวลามา ล่างภูเขามีความเสียดายอยู่มากมาย แต่บนภูเขา กลับไม่เป็ นไร หากพบหน้ากันบ่อยๆ ก็ง่ายที่จะพูดคุยกันจนหมดสิ้น พบเจอกันอีกครั้งก็ได้แต่พูดจาอย่างพิพักพิพ่วนทานองว่าวันนี้ อากาศไม่เลวเท่านั้นแล้ว นี่กลับจะกลายเป็ นว่าไม่ดียิ่งกว่า วันหน้า เจ้าขุนเขาเฉินก็ไม่จ ำเป็ นต้องท ำอะไร ท ำตามเดิมไปก็พอ ก็เหมือน อย่างวันนี้ พอมีเวลาว่าง เกิดความสนใจก็มาเดินเล่นที่ยอดเขาอีไต้”
ผู้เฒ่าพูดจาจริงใจทั้งยังตามสบาย
นี่แสดงให้เห็นว่าผู้ฝึกตนเฒ่าโอสถทองท่านนี้ไม่ได้เห็นสถานะ ใหม่ทั้งหลายของเฉินผิงอันเป็ นเรื่องส ำคัญเกินไปนัก ความสัมพันธ ์ ของวิญญูชนจืดจางเหมือนน้าเปล่า รู ้สึกเพียงว่าต่อให้ผ่านไปอีก หลายร ้อยปี ในภูเขาใหญ่ทางทิศตะวันตกแถบนี้ พรรคจวนเซียนที่ปี นั้นใช ้เงินเหรียญทองแดงแก่นทองซื้อภูเขามาไว้ หากไม่นับผู้ฝึกตน หญิงของเกาะจูไขที่อยู่บนภูเขาหลังอ๋วแล้ว เกรงว่านอกจากส ำนัก กระบี่หลงเฉวียนของหร่วนฉงแล้วก็เป็ นยอดเขาอี้ไต้นี่แหละที่สนิท สนมกับภูเขาลั่วพั่วมากที่สุด ทุกวันนี้หลิวเซียนซือที่อยู่บนภูเขาของ แจกันสมบัติทวีปก็มีคากล่าวที่ว่า “ฝีมือดีในการผัดกับข้าวเตาเย็น
(ผัดเตาเย็นเปรียบเปรยถึงการประจบสอพลอคนที่ยังไม่มีอานาจ) ไม่ ถือว่าเป็ นคากล่าวขานที่งดงาม แต่สรุปแล้วต่างก็อิจฉาหลิวหงเหวิน และยอดเขาอีไต้มาก
ที่พักของผู้ฝึกตนเฒ่า เรือนด้านหน้าว่างเปล่า มีลาคลองขนาด เล็กไหลผ่าน น้าใสกระจ่างมีรสหวานเล็กน้อย สามารถเอามาต้มชา ได้
รอบบ้านมีรั้วไม้ไผ่ ปลูกพืชหญ้าดอกไม้หลากหลายสีสันร ้อย กว่าชนิด สลับปะปนกันดอกไม้บานดอกไม้ร่วงโรยในช่วงเวลาที่ แตกต่างกันไป มีครบทั้งกลิ่นฉุนกลิ่นจางสร ้างความรื่นรมย์ได้อย่างดี เยี่ยม
เถาดอกรุ่งอรุณที่อยู่บนก้อนหินเมื่อดอกเบ่งบานมีขนาดใหญ่ เท่าโต่ว คือพืชพรรณเก่าแก่ที่มีอยู่ในภูเขามาเกินร ้อยปีแล้ว
ตรงมุมกาแพงยังมีดอกโบตั๋นสีเหลืองไข่อ่อนอีกต้นหนึ่ง หนึ่งต้น มีสามก้าน เลื้อยสูงเป็ นพุ่มหนา กิ่งก้านใบแตกเลื้อยไปทั่ว เลื้อยสูง พ้นไปเหนือชายคาเรือน สามารถบดบังแสงแดด ทุกครั้งที่เป็ นช่วงฤดู ร ้อนอากาศแผดเผา ร่มดอกไม้ก็จะแผ่ปูบนพื้นให้ความร่มเย็น
ในสายตาของเฉินผิงอัน หลิวเซียนซือแห่งยอดเขาอีไต้ก็คือผู้ ฝึกตนที่บริสุทธิ์เต็มตัวคนหนึ่งแล้ว
บางทีทั้งตบะและขอบเขตอาจจะไม่ถือว่าสูงมากนัก แต่กลับฝึก ตนอย่างสงบได้อย่างถ่องแท้ แต่ไหนแต่ไรมาในดวงตาก็ไม่มีความถูก ความผิด การฝึกตนนั้นอยู่ที่ตัวคน
เพราะเรื่องงานฉลองเปิดยอดเขาครั้งนั้น หลิวรุ่นอวิ๋นหลานสาว ของหลิวเซียนซือ ซ่งหยวนลูกศิษย์ผู้เป็ นที่ภาคภูมิใจ จนถึงตอนนี้ก็ ยังไม่ได้กลับมาที่ภูเขา คาดว่าน่าจะติดตามเฉินหลิงจวินกับกวอจู๋จิ่ว นั่งโดยสารเรือข้ามฟากกลับมาที่ท่าเรือหนิวเจี่ยวพร ้อมกัน
หลิวหงเหวินหยิบเหล้าที่หมักเองบนภูเขาออกมาหนึ่งกา พร ้อม กับจอกเหล้ากระเบื้องลายครามที่เผาจากเขตการปกครองหลง เฉวียนอีกสองใบ
เซียนซือผู้เฒ่าช่วยรินเหล้าให้เต็มจอกของเฉินผิงอันก่อน ยิ้ม เอ่ย “พวกเราต่างคนต่างดื่ม หากรู ้สึกว่าดื่มได้พอสมควรแล้วก็ไม่ ต้องฝืนใจดื่มต่อ”
ดูท่าแล้วผู้เฒ่าคงเรียนรู ้ขนบธรรมเนียมและภาษาบ้านๆ ของทาง เมืองเล็กมาจากจูเหลี่ยนไม่น้อย
เฉินผิงอันพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ถือจอกเหล้าด้วยสองมือ “จอกแรกนี้ข้าต้องดื่มชดเชยเอามารยาทที่เหลือค้างไว้หลายปี กลับคืนมา ดื่มคารวะเซียนซือผู้เฒ่าก่อนหนึ่งจอก”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!