เดินเท้ากลับไปด้วยกัน เดินไปบนสะพานหินโค้ง ขึ้นบันไดไป เฉินผิงอันเดินไปถึงตรงกลางของสะพานก็พลันหยุดเดิน นั่งลง สอง เท้าห้อยอยู่นอกสะพาน
เด็กชายผมขาวจึงนั่งลงด้านข้างเอาอย่างเขา
เฉินผิงอันหันไปมองทางภูเขาลั่วพั่ว ดูเหมือนว่าหมี่ลี่น้อยเพิ่งจะ ลาดตระเวนภูเขาไปถึงศาลบรรพจารย์บนยอดเขาจี้เซ่อ นางเดินไม่ เร็วนัก
ความขยันหมั่นเพียรในการลาดตระเวนภูเขาของผู้พิทักษ์ขวา ภูเขาลั่วพั่ว เช ้าเย็นสองรอบนั้นขึ้นชื่อว่าต่อให้ฟ้ าผ่าก็ไม่สะเทือน ไม่ เคยมีวันใดที่จะนอนขี้เกียจไม่ยอมตื่น
ก็เหมือนการมาขานชื่อตามเวลาทุกเดือนของเด็กชายชุดสีชาด ที่คิดว่าเมื่อเทียบกับการลาดตระเวนภูเขาทุกวันของรองหัวหน้าโจว แล้ว ตัวเองยังห่างชั้นอยู่อีกมาก ระหว่างที่ลาดตระเวนภูเขา รอบด้าน ไร ้ผู้คน หมี่ลี่น้อยก็จะเริ่มแสดงเคล็ดวิชาแห่งยุทธภพ ก็คือวิชากระบี่ มารคลั่งที่เผยเฉียนถ่ายทอดให้ เพียงแต่ว่าเผยเฉียนถือกระบี่ด้วยมือ เดียว นางกลับไม่เหมือนกัน มือหนึ่งถือไม้เท้าเดินป่ า อีกมือหนึ่งถือ คานหาบสีทอง สองมือถือกระบี่ พลานุภาพเพิ่มขึ้นเป็ นเท่าตัว!
อย่าได้อิจฉา อิจฉาไม่ได้หรอก เพราะนี่เรียกว่าบุคคลที่ประสบ ความส าเร็จได้ด้วยการศึกษาด้วยตนเอง
จากนั้นก็จะไปที่ริมลาธาร แหวกก้อนหินออกหาปูและกุ้งมาเล่น ทายหมัดด้วย ไม่มีความหมายอะไร เพราะมักจะชนะอยู่เสมอ ไม่มี อะไรให้ต้องลุ้น การกระทานี้ออกจะเด็กน้อยอยู่บ้างจริงๆ ไม่เข้าท่านัก
คราวหน้าจะไม่รังแกแม่ทัพผู้พ่ายที่เป็ นลูกน้องพวกนั้นอีกแล้ว ไปจับปลาดีกว่า ทูตตระเวนภูเขาผู้นี้ออกกระดาษก่อน จากนั้นกดที่ หน้าท้องของปลาเบาๆ หนึ่งที ปลาน้อยก็อ้าปากออก นี่ก็คือหมัดแล้ว เฮ้อ ชนะได้อย่างมั่นคงอีกแล้ว
ตอนที่เจ้าขุนเขาคนดีไม่อยู่ที่บ้าน การลาดตระเวนภูเขาของหมี่ ลี่น้อยก็จะเดินเร็วหน่อย มักจะวิ่งไปวิ่งมาเสมอ
เจ้าขุนเขาคนดีอยู่บ้าน การลาดตระเวนภูเขาก็จะเดินช ้าๆ เดิน อย่างสบายอารมณ์ ไม่รีบร ้อนแม้แต่น้อย เสียเวลาอยู่บนเส้นทาง ภูเขาอย่างน้อยหนึ่งเท่าตัว
ราวกับว่าขอแค่นางวิ่งได้เร็ว เจ้าขุนเขาคนดีก็จะกลับมาบ้านได้ เร็วหน่อย
ถ้าอย่างนั้นก็หลักการเดียวกัน ขอแค่นางเดินได้ช ้าหน่อย เจ้า ขุนเขาคนดีก็จะลงจากภูเขาออกเดินทางไกลไปช ้าหน่อย
เฉินผิงอันยิ้มพลางถอนสายตากลับมา ยกเท้าขึ้นถอดรองเท้า ออก นั่งขัดสมาธิ ดีดดินโคลนเล็กน้อยที่ติดอยู่ใต้รองเท้า จากนั้นปัด ผิวของรองเท้าผ้าสองสามทีเบาๆ ถามว่า “วิชาหมัดเล่มนั้น?”
เด็กชายผมขาวคล้ายจะรู ้ใจของบรรพบุรุษอิ่นกวานเป็ นอย่างดี เอ่ยด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่ใส่ใจ “ขอแค่ไม่ถูกน้ามันหมูบด บังหัวใจ มอบให้ร ้านหนังสือของล่างภูเขาเอาไปจัดพิมพ์ ไม่เอาไป ขายเพื่อหาเงินมาก็พอ”
เฉินผิงอันยิ้มเอ่ย “พูดเรื่องเป็ นการเป็ นงานหน่อย”
การที่ทาเนียบหยกทองบนภูเขามีสองคาว่า “หยกทอง’ ก็ เพราะว่ามีความหมายแฝงอยู่สองชั้น ชั้นแรกเป็ นในเชิงทฤษฎีอย่าง หนึ่ง นั่นคือต้องการเตือนผู้ฝึกตนว่าสถานะบนทาเนียบที่ได้มานั้นไม่ ง่าย อีกชั้นหนึ่งเป็ นสิ่งที่จับต้องได้จริง ตาราหยกทาเนียบทอง ตัววัสดุ ที่ใช ้ก็มีความพิถีพิถันประณีตอย่างยิ่ง และตาราหมัดเล่มนั้นก็ เหมือนกับคัมภีร ์ล้าค่าที่สืบทอดกันอย่างลับๆ ของสานัก กระดาษที่ เป็ นวัสดุธรรมดาทั่วไปมิอาจรองรับปณิธานหมัดที่เข้มข้นส่วนนั้น เอาไว้ได้ พูดง่ายๆ ก็คือการพิมพ์ซ้าไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างมากสุดก็ได้ แค่สร ้างตาราหมัดที่เป็ นระดับรองของผลงานจริงขึ้นมาเท่านั้น ไม่แน่ ว่าเฉินผิงอันอาจยังจาเป็ นต้องให้สร ้างตราผนึกขุนเขาสายน้าให้หนา ชั้นด้วย
หากจะให้ยกตัวอย่าง ตาราหมัดเล่มนี้ก็คือภูเขาลูกหนึ่ง ในภูเขา มีกลิ่นอายแห่งมรรคา จ าเป็ นต้องใช ้ค่ายกลพิทักษ์ภูเขามาสร ้าง
ความมั่นคงให้กับปราณวิญญาณฟ้ าดินไม่ถึงขั้นทาให้ปณิธานหมัด ในต าราไหลกระจายหายไปข้างนอก
เด็กชายผมขาวเอ่ย “นอกจากบรรพบุรุษอิ่นกวานที่จะศึกษา ฝึกฝนด้วยตัวเอง ในอนาคตลูกศิษย์สองสานักที่มาจากภูเขาลั่วพั่ว และภูเขาเซียนตู ไม่ต้องสนว่าจะเป็ นลูกศิษย์ผู้สืบทอดแท้ๆ ของบรรพ บุรุษอิ่นกวานอย่างเผยเฉียน จ้าวซู่เซี่ย หรือจะเป็ นลูกศิษย์ของลูก ศิษย์อย่างโจวจวิ้นเฉิน หรือจะเป็ นการแตกกิ่งก้านสาขาในอนาคต ลูกศิษย์รุ่นที่สาม บวกกับรุ่นที่สี่ห้าหกเจ็ด ขอแค่มีสถานะเป็ นลูกศิษย์ ผู้สืบทอดอยู่บนท าเนียบก็ล้วนสามารถเปิดอ่านตาราหมัดวิชานี้ได้ แต่มิอาจน าไปแพร่งพรายข้างนอก ไม่อาจเอาหมัดออกไปสอนให้กับ คนนอก”
เฉินผิงอันพยักหน้า “ถือว่าข้าติดค้างน้าใจเจ้าครั้งหนึ่ง”
แค่มองก็รู ้ว่าไม่ได้เป็ นคาสั่งของอู๋ช่วงเจี้ยง เจ้าตาหนักอู๋ไม่มี อารมณ์สุนทรีมากขนาดนั้น ต้องเป็ นความคิดของลูกศิษย์นักการที่ อยู่ข้างกายผู้นี้เองแน่นอน
แน่นอนว่าบางทีอู๋ช่วงเจี้ยงอาจจงใจ จงใจให้เฉินผิงอันติดค้าง นาง ไม่ใช่ภูเขาลั่วพั่วติดค้างเขาและต าหนักสุ่ยฉู อย่างแรกจะมี หรือไม่มีก็ได้ อย่างหลับกลับไม่มีความจ าเป็ นเลยแม้แต่น้อย
เด็กชายผมขาวกลอกตาเร็วจี๋ ถามหยั่งเชิงว่า “บรรพบุรุษอิ่นก วาน ข้ามีข้อเสนอแนะที่ถือเป็ นการมองการณ์ไกลอย่างยิ่ง ไม่รู ้ว่า ควรจะพูดดีหรือไม่”
หากว่าเป็ นในอดีต คุยมาถึงตรงนี้ก็สามารถยุติได้แล้ว แต่ถึง อย่างไรก็เอาผลประโยชน์มาจากคนอื่นเขา เฉินผิงอันจึงยิ้มบางๆ เอ่ยว่า “ไหนลองว่ามาสิ”
เด็กชายผมขาวมีสีหน้าสดใส เอ่ยว่า “ในฐานะลูกศิษย์นักการ ฝ่ ายนอก และข้าเองก็เป็ นส่วนหนึ่งของภูเขาลั่วพั่ว ตามหลักแล้วควร จะทุ่มเทสุดความสามารถอันน้อยนิดที่มี จึงอยากจะทุ่มเทสติปัญญา ทั้งหมดจนถึงที่สุดจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ทางานไม่หยุดพักทั้งกลางวัน กลางคืน เรียบเรียงชีวประวัติตามลาดับปีปฏิทินที่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ ใช ้ถ้อยค าสละสลวยงดงาม เต็มไปด้วยสีสันวิจิตรตระการตาให้กับ บรรพบุรุษอิ่นกวานและเหล่าลูกพี่ใหญ่ในศาลบรรพจารย์ยอดเขาจี้ เช่อของภูเขาลั่วพั่ว!”
ปัญญาชนล่างภูเขาและพรรคบนภูเขาต่างก็มีความเคยชินใน การเรียบเรียงชีวประวัติตามล าดับปีปฏิทิน ฝ่ ายแรกมักจะเป็ นคนรุ่น หลังที่บันทึกเรื่องราวในชีวิตของปราชญ์ผู้ล่วงลับในตระกูล เรื่องที่ เขียนล้อมวนอยู่รอบเจ้าของชีวประวัติเป็ นหลักแล้วขยายออกไป ใช ้ ยุคสมัยเป็ นแกนหลัก ฝ่ ายหลังก็คล้ายคลึงกัน แต่ขอบเขตกลับกว้าง ยิ่งกว่า อิงตามกฎเกณฑ์ที่เกิดขึ้นจากความเคยชินของผู้คน ส านัก ชั้นสูงสามารถบันทึกประวัติของผู้ฝึกตนห้าขอบเขตบนทั้งหมดเอาไว้
ได้ สานักทั่วไปและจวนเซียนที่ค่อนข้างใหญ่จะบันทึกแค่เรื่องของผู้ ฝึกตนโอสถทอง ส่วนพรรคทั่วไปจะบันทึกเรื่องของผู้ฝึกลมปราณห้า ขอบเขตกลางที่มีขอบเขตถ้าสถิตเป็ นหนึ่งในนั้น สรุปก็คือล้วนมี ธรณีประตูที่กาหนดไว้แน่นอน
แน่นอนว่าภูเขาลั่วพั่วสามารถทาเรื่องนี้ได้นานแล้ว การที่ไม่ได้ ขยับพู่กันลงมือเขียนเสียที หลักๆ แล้วเป็ นเพราะเจ้าขุนเขาไม่พูดถึง ทุกคนจึงแสร ้งทาเป็ นว่าไม่มีเรื่องนี้อยู่
คนที่ถือพู่กันจะค่อนข้างคล้ายคลึงนักประวัติศาสตร ์หรือไม่ก็ฉี่จ วีหลาง (เป็ นชื่อ ตาแหน่งขุนนางในสมัยโบราณ มีหน้าที่รับผิดชอบ ในการบันทึกการกระท าประจ าวันของฮ่องเต้และเรื่องใหญ่ๆ ของ บ้านเมือง) ส่วนใหญ่มักจะเป็ นผู้ฝึกตนสายของผู้คุมกฏที่จัดการเรื่อง นี้
เฉินผิงอันไม่พูดไม่จา ก้มหน้าเริ่มควักชายแขนเสื้อ
คืนต าราหมัดไปก่อนแล้วค่อยคิดบัญชีกับเจ้า
ก่อนหน้านี้ตอนอยู่บนม้านั่งของตรอกฉีหลง พวกเราสองคนก็มี บัญชีเก่าบัญชีหนึ่งที่ต้องคิดกัน
เด็กชายผมขาวรีบใช ้สองมือกุมแขนของบรรพบุรุษอิ่นกวาน เอาไว้ “อย่าทาแบบนี้สิอย่าทาแบบนี้ เรื่องของการเรียบเรียงชีวประวัติ ตามล าดับปีปฏิทินไม่ต้องรีบร ้อนเสียหน่อยบรรพบุรุษอิ่นกวานยังไม่ ต้องรีบมอบสมุดเปล่าให้ข้าตอนนี้หรอก”
เฉินผิงอันเตรียมจะลุกขึ้นยืน เด็กชายผมขาวหยิบรองเท้าผ้า ข้างหนึ่งที่บรรพบุรุษอิ่นกวานวางไว้อย่างเป็ นระเบียบตรงกลาง ระหว่างพวกเขาสองคนขึ้นมาเพ่งมองอย่างละเอียด “ฝี มือดียิ่งนัก มองออกว่าตั้งใจอย่างมาก”
เฉินผิงอันหยิบรองเท้ากลับมาวางต าแหน่งเดิม คล้ายกับว่า เปลี่ยนความคิด เอ่ยว่า “การเรียบเรียงชีวประวัติตามลาดับปีปฏิทิน อยู่บนภูเขาไม่ใช่เรื่องเล็ก ครั้งหน้าในการประชุมศาลบรรพจารย์ ข้า จะนาเรื่องนี้เข้าสู่วาระการประชุม หากว่าไม่มีใครมีความเห็นต่างก็จะ ให้เจ้ารับหน้าที่เป็ นคนเรียบเรียง”
เด็กชายผมขาวได้คืบแล้วเริ่มจะเอาศอก ถามหยั่งเชิงว่า “เรียบ เรียงชีวประวัติตามล าดับปีปฏิทินของภูเขาลั่วพั่ว สามารถลงนาม ของข้าได้หรือไม่?”
เฉินผิงอันเริ่มควักชายแขนเสื้ออีกครั้ง
เด็กชายผมขาวตบสะพานหิน เอ่ยเสียงกลัดกลุ้ม “ช่างเถอะๆ ท า เรื่องดีไม่ควรทิ้งนาม”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!