ในห้องบนชั้นสองมียันต์ยี่สิบสี่แผ่นลอยขึ้นมา สอดคล้องกับช่วง
ฤดูกาลในหนึ่งปีพอดีนับตั้งแต่วันเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิมีน้ําฝนและ แมลงตื่นจากการจําศีลจนถึงหน้าหนาวถึงหนาวน้อยและหนาวมาก
เมื่อเฉินผิงอันโบกชายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ในห้องก็เหลือแค่ยันต์สอง แผ่นของสองช่วงฤดูกาลอย่างร้อนน้อยและร้อนใหญ่ ปณิธานหมัด พลันแผ่อบอวลอยู่ในชั้นสองประหนึ่งอากาศร้อนแผดเผาที่ทําให้จ้าว
ซู่เซี่ยเหงื่อแตกท่วมสันหลัง รอกระทั่งเฉินผิงอันหยิบยันต์สองแผ่น อย่างหนาวใหญ่และเริ่มหนาวออกมา ในห้องก็เปลี่ยนมาเป็นปณิธาน หมัดที่อากาศเยียบเย็นหนาวเยือกสู่กระดูก เฉินผิงอันบอกให้จ้าว ซู่เซี่ยตั้งท่าหมัด ปล่อย หมัดเต็มแรงมาใส่ตน จ้าวซู่เซี่ยทําตาม เฉิน ผิงอันยกมือปัดเบาๆ สลายปณิธานหมัดนั้นไปจากนั้นคีบยันต์ฝน ธัญพืชและน้ําค้างแข็งตกออกมาอีก จ้าวซู่เซี่ยออกหมัดอีกครั้ง ผล
แต่
คือกลับพบว่าดูเหมือนตัวเองออกหมัดไปอย่างเต็มแรงแล้ว อาจารย์ไม่จําเป็นต้องหลบเลี่ยงปณิธานหมัดก็สลายหายไปเอง
ระหว่างคนทั้งสอง อยู่ห่างจากตําแหน่งที่อาจารย์ยืนอยู่ก็คล้ายกับมี พันภูเขาหมื่นสายน้ํากั้นขวาง
เฉินผิงอันไม่ได้ถอน “ค่ายกลเล็ก” ที่ถูกสร้างจากยันต์สองแผ่น นั้นออกไป เพียงแต่ให้จ้าวซู่เซี่ยไปยืนติดผนังก่อน จากนั้นเฉินผิงอัน ค่อยตั้งท่าหมัด พริบตานั้นปณิธานหมัดในห้องก็ไหลบ่าราวน้ําท่วม
กระจายออกไปสี่ด้าน ปณิธานหมัดกระแทกชนชัดกระเพื่อมอย่าง
รุนแรง เรือนไม้ไผ่ทั้งหลังสั่นสะเทือนตามไปด้วย จากนั้นก็ตามมา ด้วยกลิ่นอายภูเขาและทะเลเมฆของภูเขาลั่วคั่วที่กระเทือนแล้วสลาย
หายไป
ภายหลังจ้าวซู่เซี่ยก็ถูกจูเหลี่ยนที่มารออยู่ในระเบียงนอกห้อง
นานแล้วแบกลงไปจากชั้นบน
จูเหลี่ยนแบกจ้าวซู่เซี่ยที่ตัวเต็มไปด้วยเลือด “คุณชาย ช่วย ไม่ได้จริงๆ นะ การถามหมัดครั้งนั้นไม่เปลี่ยนสถานที่ แต่ถ่วงเวลา ออกไปอีกหน่อยดีไหม? ถ้าหากปีนี้หิมะของเมืองหลวงแคว้นหนัน
เยวี่ยนไม่ตกลงมาล่ะ? ไม่หน้าดีไหม? ปีถัดไปก็ได้!”
เฉินผิงอันหัวเราะร่วน “บังเอิญยิ่งนัก ข้าคือผู้ฝึกลมปราณ ยิ่ง บังเอิญก็คือมีวัตถุแห่งชะตาชีวิตห้าธาตุครบถ้วน เรื่องหิมะตก ไม่เป็น ปัญหาเลย อยากจะให้หิมะตกหนักแค่ไหนก็ได้” จูเหลี่ยนกล่าว “ถ้าอย่างนั้นข้ายอมแพ้?”
เฉินผิงอันยิ้มบางๆ “เจ้าตื่นเถอะ เลิกมาแสร้งทําเป็นอ่อนแอให้ ศัตรูเห็นกับข้าเลย”
ป้อนหมัดให้คนอื่นด้วยความมาดมั่น ผลคือถูกอีกฝ่ายต่อยเข้า จังๆ บนใบหน้า เรื่องน่าอายประเภทนี้ เฉินผิงอันไม่คิดจะทําผิดซ้ํา เป็นแน่
จูเหลี่ยนหัวเราะหึหึ “คุณชายไม่ควรให้ข้ายืมตําราหมัดเล่มนั้น”
เฉินผิงอันยิ้มกล่าว “หลอกให้ข้าประมาทไม่ได้ ก็เลยเริ่มข่มขู่ข้า แทนแล้ว? ใช้วิชาพิชัยยุทธแล้วหรือ?”
หลังจากนั้นก็สอนหมัดให้จ้าวซู่เซี่ยอีกครั้ง เฉินผิงอันที่เป็น อาจารย์ ในที่สุดก็น่าจะปรับสภาพจิตใจได้แล้ว ดังนั้นจ้าวซู่เซี่ยจึง
เริ่มต้องเจอกับเรื่องยากลําบากแล้ว
แม้จะไม่ได้พูด “ถ้อยคํารุนแรง” อย่างผู้อาวุโสซุย แต่สําหรับผู้ ฝึกยุทธขอบเขตสี่คนหนึ่งแล้ว หมัดเท้าของเฉินผิงอันไม่ถือว่าเบา
เลย
ความชํานาญมาจากการปฏิบัติ การสอนหมัดต่อจากนั้น เนื่องจากพอจะมั่นใจใรขีดจํากัดของร่างกายจ้าวซู่เซี่ยคร่าวๆ แล้ว
นว่าจะสอนหมัดได้เกือบหนึ่งชั่วยาม
เฉินประกัน
วันนี้จ้าวซู่เซี่ยที่หมดสติไปถูกจูเหลี่ยนแบกมาแช่ในถังยา
สมุนไพรอีกครั้ง
ทางฝั่งของระเบียงชั้นหนึ่ง หน่วนซู่กับหมี่ลี่น้อยมองหน้ากันเอง
แม่นางน้อยสองคนต่างก็ถอนหายใจเบาๆ ไม่พูดอะไรแล้ว
อันที่จริงเมื่อเทียบกับเผยเฉียนตอนเด็ก จ้าวซู่เซี่ยนับว่าดีกว่า
หลายส่วน เพราะถึงอย่างไรเผยเฉียนยังต้องใช้ท่อนไม้และแผ่นไม้ไผ่
มาดามยันแขนและนิ้วเพื่อฝึกคัดตัวหนังสือด้วย
เฉินผิงอันยืนเงียบอยู่ตรงหน้าประตูพักหนึ่ง ก่อนจะเดินกลับไป นั่งที่ระเบียง หน่วนซู่กําลังเย็บรองเท้าผ้า ด้านข้างวางตะกร้าเข็มกับ
ด้ายเอาไว้ บนนิ้วมือสวมปลอกนิ้วเย็บผ้าการเย็บพื้นรองเท้าเป็นงาน ที่ทั้งต้องใช้แรง แล้วก็ต้องมือเบาจิตใจละเอียดอ่อน ร้อยด้ายสนเข็ม แต่ละฝีเย็บจะคลาดเคลื่อนไม่ได้ หน่วนซู่ใจเย็นมือเบา สีหน้ามุ่งมั่น ตั้งใจ มือหนึ่งกําพื้นรองเท้า อีกมือหนึ่งดึงเข็มกับด้าย เรี่ยวแรงต้อง สม่ําเสมอกัน รองเท้าผ้าถึงจะเบาและกระชับเท้า รองเท้าส้นหนาที่ เป็นรองเท้าผ้าดีๆ คู่หนึ่งไม่ได้เย็บได้ง่ายขนาดนั้น หมี่ลี่น้อยเองก็สั่ง จองรองเท้าผ้าสองคู่ไว้กับพี่หญิงหน่วนซู่ เดิมที่ผู้พิทักษ์ขวาอยากสั่ง
จองไว้สักยี่สิบคู่ ผลคือโดนพี่หญิงหน่วนซู่เขกมะเหงกใส่เบาๆ ช่าง เถอะๆ ดูท่ากลยุทธเปิดราคาสูงเทียมฟ้ากับนั่งลงต่อรองราคาคงจะใช้ ไม่ได้แล้ว
เฉินผิงอันนัดหมายกับพวกนางไว้แล้วว่าในช่วงเวลานี้ของทุกวัน
ล้วนสามารถมาเล่นที่นี่ได้
หน่วนซู่กับหมี่ลี่น้อยต้องมาอยู่แล้ว เฉินหลิงจวินรู้สึกว่าเด็กน้อย สองคนไม่มีอะไรให้คุยด้วย ส่วนใหญ่จะมานั่งพักเดียวแล้วก็จากไป
I
คุยเรื่องความในใจกับผู้พิทักษ์ซ้ายของ
ตรอกฉีหลงอยู่ตลอดสาขาแยกตรอกฉีหลง ตําแหน่งหัวหน้าผู้พิทักษ์
ตรอกฉีหลงที่ก่อตั้งใหม่ เด็กชายชุดสีชาดที่ขยันขันแข็งมาขานชื่อ ได้เลื่อนขั้น เลื่อนตําแหน่งขุนนางแล้ว
ทุกๆ ช่วงเวลาหนึ่งเผยเฉียนจะต้องส่งจดหมายมาที่ยอดเขาจี้ เซ่อ ทําตามกฎเดิมคือจะเขียนประโยคหนึ่งไว้บนจดหมายว่า “ผู้
พิทักษ์ขวาเปิดด้วยตัวเอง พี่หญิงหน่วนซู่อ่านจดหมายและเก็บรักษา
ไว้
ดังนั้นเรื่องที่เด็กชายชุดสีชาดเลื่อนจากผู้พิทักษ์ขวาของตรอกฉี
หลงเป็นหัวหน้าผู้พิทักษ์จึงถือว่าแน่นอนแล้ว ตอนที่หมี่ลี่น้อยป่าว ประกาศข่าวดีนี้ที่หน้าประตูภูเขา คนจิ๋วควันธูปก็ใช้สองมือทําท่ารับ
ราชโองการก่อน จากนั้นขยับจัดเสื้อผ้าให้เป็นระเบียบด้วยสีหน้า เคร่งขรึม หันไปค้อมเอวคารวะอย่างนอบน้อมทางทิศใต้สามครั้ง ผู้พิทักษ์ฝ่ายซ้ายของตรอกฉีหลงยังจะทําอย่างไรได้อีก ก็นอน
ต่อไม่ขยับไปไหนน่ะสิ
เฉินหลิงจวินขุ่นเคืองที่เจ้าหมอนี่ไม่เอาการเอางานมาโดยตลอด
แล้วก็เป็นตัวขี้เกียจที่ประคับประคองไม่ขึ้น ตัวเขาเองยังไม่อยาก
เลื่อนขั้นขุนนาง จะให้นายท่านใหญ่จางชิงอย่างเขาบ่มเพาะปลูกฝัง อุ้มชูอย่างไร?
บนภูเขาล้วนมีแต่เรื่องเล็กน้อยยิบย่อย ไม่ทําให้เหนื่อย แต่กลับ สามารถเผาผลาญเวลาไปได้มากที่สุด ดังนั้นช่วงนี้ขอแค่หน่วนซูมี เวลาว่างก็มักจะมาเย็บรองเท้าที่นี่ ถือว่าเป็นการพักผ่อนไปในตัว
มา
สะพายหีบไม้ไผ่ ถือไม้เท้าเดินป่า เป็นประเพณีที่นายท่านนําพา
ทุกวันนี้สวมชุดกว้าตัวยาวสีเขียว สวมรองผ้าส้นหนาคู่เก่า ก็
เช่นเดียวกัน
ดังนั้นหมี่ลี่น้อย เฉินหลิงจวินและนักพรตเซียนเว่ยต่างก็มี
ความคิดบางอย่างกันแล้ว
อันที่จริงอาจารย์จูชอบสวมรองเท้าผ้ามานานแล้ว แต่กลับไม่มี
ใครสนใจ
เพราะถึงอย่างไรครั้งแรกที่เผยเฉียนรู้ว่าพ่อครัวเฒ่าเคยมีฉายา
ว่า “คุณชายผู้สูงศักดิ์ก็หัวเราะจนเกือบน้ําตาไหล หมี่ลี่น้อยดีกว่า
หน่อย
ถึงอย่างไรก็เป็นเวลาแค่ไม่กี่วันเท่านั้นที่นางวิ่งวนอยู่รอบกาย
พ่อครัวเฒ่า แล้วก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เพ่งมองอย่างจริงจังก็เท่านั้น หน่วนซู่น่าจะถือว่าเป็นคนที่เข้าใจคนอื่นดีที่สุดแล้ว พอได้ยินคํา เรียกขานทํานองว่า “คุณชายผู้สูงศักดิ์” “เจ๋อเซียนเหริน” จากเผย เฉียนที่กุมท้องหัวเราะก๊ากอยู่ในห้อง หมี่ลี่น้อยนอนหัวเราะกลิ้งไป กลิ้งมาอยู่บนเตียง หน่วนซู่แค่กะพริบตาปริบๆ เม้มปาก ไม่ได้หลุด เสียงหัวเราะออกมา
ตอนที่หมี่ลี่น้อยเดินอาดๆ ไปถามพ่อครัวเฒ่าว่าต้องการรองเท้า
ผ้าคู่หนึ่งหรือไม่ เพิ่งจะเข้าประตูมาก็ตะโกนเสียงดัง จูเหลี่ยนที่ผูกผ้า กันเปื้อนถือมีดหั่นผักเดินออกมาจากห้องครัว ผลคือหมี่ลี่น้อยก้ม หน้าลงมองก็เห็นว่าเป็นรองเท้าผ้า พอเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง มีมีดหั่นผัก
หนึ่งคนแก่หนึ่งเด็ก ตาใหญ่มองตาเล็ก เอาเป็นว่าตอนนั้นบรรยากาศ กระอักกระอ่วนอยู่มาก
หน่วนซู่น้อยก้มหน้ากัดด้ายให้ขาดเบาๆ ถามอย่างสงสัยว่า
“นายท่าน
นกนางแอ่นที่พับจากกระดาษตัวนั้นเอาไปมอบให้คนอื่น
แล้วหรือ?”
ห้ามหาบรรพตแผ่นดินกลาง ซานจวินหญิงของภูเขาแยนจือเคย
มอบนกนางแอ่นสีดําพับจากกระดาษตัวหนึ่งให้ที่สวนกงเต๋อ สามารถ
มองเป็นคนจิ๋วควันธูปคนหนึ่งได้ เพียงแค่ต้องวางไว้บนกรอบป้าย หรือเสาคานของบ้านบรรพบุรุษ อีกทั้งยิ่งอยู่ใกล้มหาบรรพตมาก เท่าไรก็จะยิ่งมีปราณวิญญาณมากเท่านั้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!