ทางฝั่งของเรือนไม้ไผ่บนยอดเขาจี๋หลิงแห่งนี้ ทัศนียภาพงดงาม จับตาอย่างแท้จริง ปี นั้นเลือกสร ้างเรือนไม้ไผ่ขึ้นที่นี่ แขกที่เคยมา เที่ยวชมทัศนียภาพต่างก็พูดกันว่าเจ้าขุนเขาเฉินมีความคิดที่ฉลาด เฉียบแหลมไม่เหมือนใคร
นกขมิ้นในภูเขาจับกลุ่มกันส่งเสียงร ้อง ก้อนเมฆที่บินอยู่นอก หน้าผาเหมือนเดินทางไปเที่ยวยามวสันต์ กลายร่างเป็ นเจียวหลงต่อ หน้าต่อตาคน
เสี่ยวโม่กล่าว “อาจารย์เจิ้งกลับมาบ้านเกิด บรรยากาศก็ ครึกครื้นขึ้นเยอะเลย”
อยู่ดีๆ เฉินผิงอันก็ยิ้มเอ่ยขึ้นมาว่า “เจิ้งต้าเฟิ งบอกว่าบัณฑิต อย่างพวกเราพลิกเปิดตาราเก่า ประหนึ่งจากลากันในระยะสั้นๆ ที่ทา ให้ความรักหอมหวานยิ่งกว่าเพิ่งแต่งงานใหม่”
เสี่ยวโม่พยักหน้า “อาจารย์เจิ้งเป็ นผู้รอบรู ้ที่มากด้วย ความสามารถอย่างแท้จริง เมื่อเทียบกับพวกคนที่แสร ้งพูดจามี ความรู ้มีสติปัญญา กับวิญญูชนจอมปลอมที่แสร ้งทาเป็ นศึกษาวิชา ความรู ้แล้ว ย่อมแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง”
เฉินผิงอันกล่าว “คราวก่อนไปที่ร ้านเหล้าของนครบินทะยานได้ เจอกับลูกค้าเก่าคนหนึ่ง แต่ละคนต่างก็พูดว่าคาพูดสัปดนของเถ้า
แก่เจิ้งเหมือนกับแกล้มแกล้มสุรา ข้าที่เป็ นเถ้าแก่รองอยู่ไกลเกินกว่า จะเทียบได้ติด”
เสี่ยวโม่ยิ้มเอ่ย “อาจารย์เจิ้งนิสัยเบิกบานใจกว้าง มีน้าใจมี คุณธรรม แต่กลับไม่คิดเล็กคิดน้อย ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ล้วนเป็ นที่ ต้อนรับเสมอ”
“ไปเดินเล่นกับข้าหน่อย”
เฉินผิงอันโยนเหล้ากาหนึ่งให้กับเสี่ยวโม่ คนทั้งสองนิ้วเหล้ากัน คนละกา เดินไปทาง ยอดเขาเดินไปดื่มไป สีสันของภูเขาเขียวปลั่ง ราวกับจะคั้นน้าได้ พกสุราขึ้นเขาเขียว
ค่ายกลปกป้ องภูเขาของสานักชั้นสูงแห่งหนึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็ น ค่ายกลที่ทับซ ้อนกันช่วยส่งเสริมกัน ผ่านการปลุกเสกชั้นแล้วชั้นเล่า มีครบทั้งป้ องกันและโจมตี
ทุกวันนี้ภูเขาลั่วพั่วได้ครอบครองค่ายกลใหญ่ปกป้ องภูเขาสอง ชั้น หนึ่งในนั้นคือค่ายกลกระบี่ที่ถือว่าทยอยเอามาประกบประกอบ กัน เป็ นเจ้าขุนเขาผู้ประหยัดมัธยัสถ์อย่างเฉินผิงอันที่ทาเหมือนนก นางแอ่นคาบดินโคลนท ารัง ค่อยๆ สะสมจนกลายเป็ นฐานก าลัง ทรัพย์อีกชั้นหนึ่งนั้นเป็ นเพราะ ได้รับโชคหลังเคราะห์ร ้าย” ตอนนั้น เจ้าอารามผู้เฒ่ามาเป็ นแขกที่ภูเขาลั่วพั่ว ได้ดื่มน้าชาที่หน้าประตู ภูเขา คาดว่าเดิมทีต้องการมาซักไซ้เอาผิดภูเขาลั่วพั่วเนื่องจากเฉิน หลิงจวินเคยพูดจาไร ้ยาเกรงล่วงเกินเขาในเมืองเล็ก เจ้าแห่งถ้าปี้
เซียวชายหาดลั่วเป่ าที่ ไม่เคยละเว้นใคร” ผู้นี้ดูแคลนที่จะคิดเล็กคิด น้อยกับเจียวน้าขอบเขตก่อกาเนิดตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นก็ ต้องหันมาเล่นงานเจ้าขุนเขาอย่างเฉินผิงอันแทน
ไม่ต้องสงสัยในฝี มือของเจ้าอารามผู้เฒ่า ยิ่งไม่ต้องสงสัยใน ความกล้าและพละก าลังของผู้ฝึกตนใหญ่ขอบเขตสิบสี่คนนี้เลย
“ออกจากถ้าไร ้ศัตรูเทียมทาน จุดที่ละเว้นคนได้ไม่เคยละเว้น ใคร” นี่ไม่ใช่คาชมเชยอะไรเลย
ตอนนั้นเสี่ยวโม่หนีเข้าไปอยู่ในชายหาดลั่วเป่ า ผู้ฝึ กกระบี่ที่ ก าเริบเสิบสานอย่างป๋ ายจิ่งก็ยังต้องเป็ นฝ่ ายหยุดเท้าแต่โดยดี
เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าไปๆ มาๆ เจ้าอารามผู้เฒ่ากลับมอบภาพที่ แท้จริงของห้ามหาบรรพตมาให้ภาพหนึ่ง
เป็ นเหตุใหทุกวันนี้ซานจวินเว่ยป้ ออยากจะมาเที่ยวหาที่ภูเขาลั่ว พั่ว ทั้งๆ ที่อยู่ห่างกันแค่ไม่กี่ก้าว แต่กลับต้องมี “เอกสารผ่านด่าน” ฉบับหนึ่งถึงจะไม่ถ่วงรั้งให้อึดอาดล่าช ้า
มิน่าเล่านอกจากเว่ยซานจวินจะอัดอั้นตันใจแล้วยังอดไม่ไหวเอ่ย หยอกเย้าหมี่ลี่น้อยไปด้วยว่า นั่นคือน้าชาที่มีมูลค่าที่สุดในใต้หล้า แล้ว
คาพูดนี้ไม่เกินจริงเลยแม้แต่น้อย เจ้าอารามผู้เฒ่าไม่เพียงแต่ ไม่ได้เล่นงานเฉินผิงอันยังมอบภาพที่แท้จริงซึ่งมีระดับขั้นเป็ นภาพ
บรรพบุรุษมาให้ภาพหนึ่ง ไม่เท่ากับว่าเป็ นอาวุธเซียนสองชิ้นเลย หรือ?
ในศาลภูเขาเก่าที่ตั้งอยู่บนยอดเขาตั้งวางม้วนภาพเซียนกระบี่ที่ เฉินผิงอันน ากลับมาจากกาแพงเมืองปราณกระบี่ แรกเริ่มสุดมันอยู่ ในหอจิ้งเจี้ยนของภูเขาห้อยหัว เดิมทีเฉินผิงอันอยากจะคืนกลับไป ให้นครบินทะยาน เพียงแต่หนิงเหยาไม่ยอมรับเอาไว้ เฉินผิงอันรู ้นิสัย ของนางดียิ่งกว่าใคร เขาไม่มีทางชนะนางได้แน่
เดินไปถึงยอดเขา เสี่ยวโม่ก็เอ่ยอย่างปลงอนิจจังว่า “คุณชาย ภู เขาลั่วพั่วมีภาพบรรยากาศอย่างทุกวันนี้ได้ก็ได้มาไม่ง่ายเลยจริงๆ”
เฉินผิงอันคุยโวชมตัวเองว่า “เงินทองเต็มกระบุง ย่อมต้องดูแล ครอบครัวได้ด้วยความขยันหมั่นเพียรและประหยัดมัธยัสถ์”
ในอดีตภูเขาไท่ผิงได้มอบภาพค่ายกลภาพหนึ่งให้กับเฉินผิงอัน ภูเขาลั่วพั่วกลัดกลุ้มมาโดยตลอดว่าไม่มีกระบี่บินที่เหมาะสม เป็ น เหตุให้เมื่อหลายปีก่อนความคิดของเฉินผิงอันจึงวนเวียนป้ วนเปี้ยน อยู่แถบภูเขาซังกระบี่ของอุตรกุรุทวีปมาโดยตลอด โชคดีที่คราวก่อน ไปเยือนพื้นที่ใจกลางของเปลี่ยวร ้าง ระหว่างทางได้ผ่านนครอวี้ป่ าน ของราชวงศ์อวิ๋นเหวิน ในฐานะบุคคลผู้ยอดเยี่ยมรุ่นหลังและผู้ประสบ ความส าเร็จในการเป็ นร ้านผ้าห่อบุญ อิ่นกวานหนุ่มจึงได้ส าแดง เป้ าหมายของคนในยุทธภพอย่างเราๆ ที่ “โจรไม่เคยกลับมามือเปล่า หยุดแต่พอสมควร” อีกครั้ง ได้กระบี่บินสิบสองเล่มและที่วางพู่กัน ปะการังที่เอาไว้สาหรับวางกระบี่บินมาจากมือของฮ่องเต้เย่ฟูผู้มีฉายา
ว่า “ตู้ปู้ ” ซึ่งเป็ นขอบเขตบินทะยานใหม่เอี่ยมของเปลี่ยวร ้าง เฉินผิง อันเก็บอย่างแรกเข้ากระเป๋ า ส่วนอย่างหลังเอาไปท าการค้าระยะยาว กับลู่เฉิน
เมื่อเป็ นเช่นนี้ค่ายกลของภูเขาลั่วพั่วก็มีกระบี่บินสิบสองเล่ม มาร่วมด้วยพอดี จึงเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบไร ้ช่องโว่
และครั้งก่อนที่จัดงานเฉลิมฉลองสานักเบื้องล่างอยู่ที่ใบถงทวีป ในฐานะ “สหายสุราที่ดีที่สุดของเฉินผิงอัน แน่นอนว่าหลิวจิ่งหลงต้อง มาร่วมพิธีก่อตั้งสานักกระบี่ชิงผิง เขาพาป๋ ายโส่วผู้เป็ นลูกศิษย์ ออกมาจากสานักกระบี่ไท่ฮุย ระหว่างที่เดินทางลงใต้หลิวจิ่งหลงก็ได้ เป็ นเยือนเมืองหลวงต้าหลีมาก่อนรอบหนึ่งตามคาเรียกร ้องของเฉิน ผิงอัน ช่วยชี้แนะด้านการฝึกตนให้กับหันโจ้วจิ่นอาจารย์ค่ายกลของ สายแผนภูมิดิน อันที่จริงหลิวจิ่งหลงดื่มสุราอย่างเต็มอิ่มอยู่ที่นั่นแล้ว ก็ยังได้เข้ามาภูเขาลั่วพั่วอย่างลับๆ ช่วยเจ้าคนที่ทาตัวเป็ นเถ้าแก่ สะบัดมือทิ้งร ้านจนชินแล้วผู้นั้นทาเรื่องที่เป็ นดั่งการปักบุปผาลงบน ผ้าแพรให้กับ “ภาพสะท้อน” ของวิญญาณวีรบุรุษเซียนกระบี่ที่ “หลงเหลือแค่ปณิธานกระบี่มิอาจมีสติปัญญากลับคืนมาได้อีกแล้ว” ในภาพวาดพวกนั้น หลิวจิ่งหลงศึกษาภาพค่ายกลของภูเขาไท่ผิง อย่างละเอียดมาก่อนแล้ว จึงใช ้ภาพค่ายกลนี้เป็ นรากฐานของพื้นที่ ประกอบพิธีกรรม เลือกวิญญาณวีรบุรุษเขียนกระบี่สิบสองท่าน และ เลือกกระบี่บินที่ใกล้เคียงกับมรรคากระบี่ของเซียนกระบี่แต่ละท่าน ให้ในมือพวกเขาถือกระบี่บินสิบสองเล่ม จึงเป็ นเหตุให้ค่ายกลที่ใช ้ใน
การโจมตีนี้มีแนวโน้มว่าจะสมบูรณ์แบบตามความหมายที่แท้จริงใน ที่สุด
จากที่เมื่อก่อนเฉินผิงอันประเมินไว้ว่า “สามารถสังหารก่อกาเนิด สยบเซียนเหริน” ก็ได้เลื่อนขั้นเป็ น “สามารถทาให้เซียนเหรินที่ไม่รู ้ เรื่องมาก่อนบาดเจ็บสาหัส
ส่วนผู้ฝึกตนขอบเขตบินทะยานก็อย่าได้มาโอ้อวดบารมีแถวนี้ ส่งเดช หนึ่งเพราะทุกวันนี้เข้ามาในแจกันสมบัติทวีปจาเป็ นต้องแจ้ง การเดินทางต่อป๋ ายอวี้จิงจ าลองของต้าหลีเสียก่อน นอกจากนี้คิดว่า ภูเขาลั่วพั่วไม่มีขอบเขตบินทะยานจริงๆ หรือไร? หากท าให้เจ้า ขุนเขาเฉินโมโหขึ้นมาจริงๆ ก็คงจะไม่มีคุณธรรมน้าใจในยุทธภพอีก แล้ว ต้องได้เปิดประตูปิดประตูปล่อยสุนัขแน่
นอกจากนี้เว่ยป้ อก็แอบอ้อมผ่านราชส านักต้าหลี ไม่ได้รายงาน ไปที่กรมพิธีการของต้าหลี แต่เปิ ดประตูใหญ่อ านวยความสะดวก ให้กับค่ายกลกระบี่นี้โดยตรง นี่ก็ยิ่งทาให้วีรบุรุษที่ถือกระบี่พวกนั้น สามารถไปมาในอาณาเขตของมหาบรรพตอุดรได้เกินครึ่งของพื้นที่
เห็นว่าตรงประตูภูเขาพีอวิ๋น เจิ้งต้าเฟิงกับเว่ยป้ อก าลังตอบโต้ กลับกันอย่างมีมารยาท
เสี่ยวโม่ก็เอ่ยสัพยอกว่า “เว่ยซานจวินของพวกเราสมกับคาว่า คนท าดีได้ดีตอบแทนจริงๆ”
มอบกล่องไม้ใบนั้นไปให้แล้ว เจิ้งต้าเฟิ งก็ทาเหมือนกอดไหล่ คล้องคอเว่ยป้ อ แต่แท้จริงแล้วกลับบังคับลากเว่ยซานจวินให้ขึ้นเขา ไปด้วยกัน ไปดื่มเหล้าในกองงานสังคีตที่มีขุนนางหญิงเยอะที่สุด
ส่วนเรื่องที่ว่าเว่ยซานจวินจะบอกเตือนกับเหล่าขุนนางในกอง งานสังคีต ให้พวกนางระมัดระวังเจิ้งต้าเฟิงไว้ก่อนหรือไม่ ก็มิอาจรู ้ได้ แล้ว
เสี่ยวโม่นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “ไม่รู ้ว่าเซี่ยโก่วไปได้ยินข่าวมา จากไหน บอกว่าซานจวินห้ามหาบรรพตของแจกันสมบัติทวีปพวก เรามีโอกาสที่จะได้รับการแต่งตั้งจากทางศาลบุ๋นคุณชาย นี่เป็ นเรื่อง จริงหรือไม่?”
เฉินผิงอันส่ายหน้า “เรื่องนี้ข้าไม่รู ้จริงๆ ศิษย์พี่เหมาไม่ได้บอก เรื่องนี้ไว้ในจดหมายคราวหน้าข้าจะลองถามศาลบุ๋นดู”
ใต้หล้าไพศาลในทุกวันนี้มีข่าวลือที่ยังไม่ผ่านการพิสูจน์ว่าจริง หรือเท็จอยู่เรื่องหนึ่งบอกว่าซานจวินห้ามหาบรรพตของแต่ละแคว้น ของต้าหลีในอดีต เจ้าแห่งห้ามหาบรรพตของแจกันสมบัติทวีปในทุก วันนี้ มีโอกาสที่จะได้ครอบครอง “ฉายาเทพ” กันแล้ว
ส่วนใครจะเป็ นคนมาทาพิธีแต่งตั้งอย่างเป็ นทางการ ตามหลัก แล้วต่าสุดก็น่าจะต้องเป็ นรองเจ้าลัทธิของศาลบุ๋น แต่ก็มีโอกาสสูง มากที่เหวินเซิ่งจะมาเยือนแจกันสมบัติทวีปด้วยตัวเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: กระบี่จงมา Sword of Coming กระบี่จงมา!