ลิขิตรัก ในกรงแค้น นิยาย บท 65

สรุปบท บทที่ 65 ไปบอกเลิกมาแล้วนะ: ลิขิตรัก ในกรงแค้น

ตอน บทที่ 65 ไปบอกเลิกมาแล้วนะ จาก ลิขิตรัก ในกรงแค้น – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 65 ไปบอกเลิกมาแล้วนะ คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายใช้ชีวิต ลิขิตรัก ในกรงแค้น ที่เขียนโดย ทีปสิขา เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

แทนคุณขับรถมุ่งตรงเข้ามายังบริษัท เพื่อทำงานที่ค้างไว้ให้เสร็จ หน้าจอคอมถูกเขาเปิดอย่างรีบร้อน เพราะเสียเวลาไปกับธุระส่วนตัวมากพอสมควร ก้นนั่งบนเก้าอี้ได้ไม่ถึงห้านาทีพนักงานฝ่ายต่างๆ รีบนำเอกสารเข้ามารอลายเซ็นจากท่านประธานปึกใหญ่ เขาวุ่นวายอยู่กับงานจนเวลาล่วงเลยไปถึงช่วงพักกลางวัน ม่านฟ้าเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับในมือถือถุงอาหารชุดใหญ่มาด้วย

“อ้าวม่าน ซื้ออะไรมาเยอะแยะเชียว นี่กะไม่ให้ผมออกไปสูดอากาศข้างนอกเลยใช่ไหม” แทนคุณปิดหน้าจอคอมแล้วเดินไปนั่งบนโซฟา ก่อนที่ม่านฟ้าจะเดินเข้าไปจัดแจงอาหารให้พร้อมกับรอยยิ้ม

“คุณจะได้ไม่ต้องเหนื่อยออกไปข้างนอกไงคะ ไม่ดีหรือ” หญิงร่างระหงหันยิ้มกลับมาถาม

“ขอบคุณนะ” แทนคุณยิ้มตอบ

“ผมมีอะไรจะบอกคุณด้วย”

“เรื่องอะไรหรือคะ เรื่องผู้หญิงคนใหม่อีกใช่ไหม” สองมือของเธอพัลวันแกะกล่องอาหาร ถามด้วยความรู้สึกปกติ เพราะเธอเคยชินกับเรื่องราวเหล่านั้น

“ไม่ใช่”

“งั้นเรื่องอะไร ม่านไม่อยากเดาแล้วค่ะ คุณบอกม่านมาดีกว่านะ”

“เมื่อเช้า ผมไปบอกเลิกจีนราแล้วนะ” คำตอบของเขาทำให้ม่านฟ้าหยุดการกระทำทั้งหมด แล้วหันหน้าหันมามองชายหนุ่มอย่างประหลาดใจ

“นี่ม่านไม่หูฝาดไปใช่ไหมคะ คุณนี่นะจะบอกเลิกผู้หญิงทั้งที่ยังไม่มีคนใหม่ ไหนตัวร้อนหรือเปล่า” ม่านฟ้ายกมือมาจับที่หน้าผากของแทนคุณอย่างสงสัย

“ตัวก็ไม่ร้อนนี่คะ”

“ก็เพราะว่าเราจะหมั้นกันแล้วไง ผมไม่อยากทำปัญหาให้พ่อคุณไม่เชื่อว่าเรารักกัน” แทนคุณสบตาพูดกับเพื่อนสาวอย่างจริงจัง หากแต่ในหัวใจของหญิงสาว เมื่อได้รับฟังกลับรู้สึกสงสารแทนคุณจับหัวใจ คล้ายกับว่าเธอใช้ความรักบริสุทธิ์ของเพื่อนมาเป็นเกาะคุ้มภัยให้ตัวเองอย่างเห็นแก่ตัว แทนคุณหมดอิสรภาพทั้งที่เขาไม่เคยรักเธอในแบบที่เธอรักเขา ความเสียสละของแทนคุณทำให้เธอรู้สึกละอายมากกว่าความยินดีที่เธอจะได้เป็นเจ้าของเขาเพียงผู้เดียว ก่อนที่หญิงสาวจะปั้นหน้าส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม

“ขอบคุณนะคะแทน อย่างน้อยคุณจะได้เรียนรู้การรักเดียวใจเดียวเสียบ้าง ไม่ใช่เก่งแต่แจกรักไปทั่วประเทศแบบนี้”

“ก็หยุดแล้วนี่ไงครับ คุณผู้หญิง” แทนคุณมองหญิงสาวอย่างยอมแพ้ ที่จะตีฝีปากด้วย

“วันนี้เป็นไงบ้าง เหนื่อยไหม” ผู้จัดการร้านเดินเข้ามาอย่างเงียบๆ ก่อนจะเหลือบมองหญิงสาวที่หันหลังวุ่นอยู่กับงานเอกสารที่กองเป็นภูเขา

“ก็ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ แต่ค่อนข้างเป็นงานใหม่สำหรับพริมเหมือนกัน แล้วทำไมคุณทีกลับมาเร็วจังคะ ไหนบอกจะไปอีกสาขาหนึ่ง” พริมทำท่าทางสงสัย เมื่ออยู่ๆ ผู้มีตำแหน่งใหญ่กว่ากลับเข้ามาที่สาขาเร็วกว่าที่คิดไว้

“ใจเย็นๆ นะ ผมไม่ได้ว่า ว่าคุณไม่สวยหรืออะไร แต่ว่างานที่เป็นผู้ช่วยผม ต้องมีความกระฉับกระเฉง มีบุคลิกที่ดี อีกทั้งมีไหวพริบที่สามารถให้ความเชื่อมั่นลูกค้าแทนผมได้เวลาที่ผมไม่อยู่ร้านหรือเวลาที่ผมไปดูแลสาขาอื่นๆ ซึ่งถ้าคุณน้ำหนักลงกว่านี้สัก 5 กิโลกรัมผมว่า....”

“สวยใช่ไหมคะ” หญิงสาวทำท่ามั่นอกมั่นใจ ซึ่งทำให้ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างไม่จริงใจ

“นั่นก็ใช่..แต่ว่าอย่างที่ผมบอกมันมีประโยชน์ในการทำงาน และ 5 กิโลก็ไม่ได้มากมายอะไร อีกทั้งยังทำให้คุณมีสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย ซึ่งถ้าไม่ใช่นายแทนใช้วิธีบังคับผมให้รับคุณฝึกงาน ผมคงต้องหาผู้ช่วยคนใหม่ไปแล้ว และคุณก็คงได้ไปฝึกงานที่อื่นแทน”

“โห...นี่มองกันที่รูปร่างงั้นหรือคะ ถึงอวบแบบนี้ก็มีไหวพริบในการทำงานได้นี่คะ ไม่เห็นเกี่ยวกับรูปร่างเลย เชยชะมัด” หญิงสาวกล่าวเรียกร้องสิทธิ์ขึ้นมา หน้าตากลมเหมือนซาลาเปาเวลาทำหน้าไม่พอใจ ก็ดูน่ารักแปลกตาไปอีกแบบ ทีภพพยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้ ร่างสูง ยืนเอามือล้วงกระเป๋า นัยน์ตาจ้องเข้ามาหาหญิงร่างอวบ

“แต่ตอนนี้แม้แต่ไหวพริบคุณก็ยังไม่มี ที่ผมเตือนเพราะอยากให้คุณทำงานที่นี่ไปตลอดนะ แม้จะจบการฝึกงานแล้วก็ตาม แต่ผมก็อยากให้คุณได้ทำงานที่นี่ เพราะอีกหน่อยที่นี่ก็ต้องมีผู้จัดการตัวจริง และจะเป็นใครไปได้นอกจากคุณ ซึ่งแน่นอนถ้าคุณเก่งมากแต่มีหุ่นที่อวบอ้วน ต่อให้หนักแปดสิบถึงเก้าสิบกิโลกรัม ผมจะไม่ตำหนิคุณเลยสักคำ แต่นี่อะไรมันดูโหวงเหวงไปหมด”

“หลอกด่าว่าโง่หรือเปล่าวะนี่” หญิงสาวพูดพึมพำคนเดียว

“ไม่แน่นะ เวลาคุณผอม ผมอาจจะเผลอไปกับมุกแปลกๆ ของคุณก็ได้” ชายหนุ่มเผยอหน้าเข้ามาใกล้ จนหญิงสาวหน้าเจื่อน ลืมความเจ็บใจจากคำพูดเชิงถากถางเรื่องน้ำหนักตัวจนสิ้น ผิวหน้านวลละเอียดของทีภพเข้าใกล้ระยะประชิดจนแทบจะเห็นทุกรูขุมขนทำให้หญิงสาวหัวใจเต้นรัว ดวงตาเบิกโพลงอยากจะกรีดร้องระบายความรู้สึกออกมา หากแต่เธอทำได้เพียงปล่อยให้ชายหนุ่ม อมยิ้มเดินห่างออกไปทำหน้าที่อย่างสบายอารมณ์

“สู้โว้ย” เมื่อเธอรวบรวมสติได้ จึงเปล่งเสียงออกมาสุดพลัง เสียงนั้นไล่ตามหลังชายหนุ่มมา ทำให้เขาหยุดเดิน ถึงตอนนี้เขาไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้อีกต่อไป จึงปล่อยยิ้มออกมาตามความรู้สึก สองมือล้วงกระเป๋ากางเกงแล้วเดินเข้าไปทำหน้าที่ ปล่อยให้คนอวบอยู่ในภวังค์เพ้อฝันต่อไป

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลิขิตรัก ในกรงแค้น