และคืนวันเดียวกันหลังจากร้านปิด ร้านของพี่รินได้จัดงานอำลา พนักงานทุกคนในร้านอยู่ร่วมเพื่ออำลาเจ้านายที่แสนดีของพวกเขาเป็นครั้งสุดท้าย เพราะนับแต่นี้นอกจากจะไม่เจอกันแล้วเจ้านายของพวกเขายังอยู่หากไกลถึงเมืองนอก นันทิชาผู้ซึ่งสนิทกับเจ้าของร้านมากที่สุด รู้สึกใจหายและไม่ทันตั้งตัว ในงานเปิดเพลงครึกครื้นบรรยากาศไม่มีแม้ความเศร้าแต่ต่างกับใจของเธอที่พยายามยิ้มและแอบมองเจ้านายเป็นระยะ เธอแอบมองหญิงสูงอายุที่แสนใจดี
“พี่รินจะรู้สึกเหมือนเราไหมนะ รู้สึกเสียใจ รู้สึกไม่อยากจากกัน” ความรู้สึกพลัดพรากมันล้นจนเอ่ยเป็นคำพูดออกมาไม่ได้ นันทิชาได้แต่มองและนั่งคิดทบทวน พี่รินเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งหลังจากเธอสูญเสียมารดา พี่รินจึงเป็นผู้คอยแนะนำและอยู่ข้างๆ เธอมาตลอด หญิงสาวจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหาหญิงสูงอายุที่นั่งดื่มนั่งคุยกับพนักงานคนอื่นๆ ร่างบางค่อยๆ ก้าวเข้ามาหยุดแล้วนั่งลงบนพื้น ก่อนที่จะก้มลงกราบบนตักของหญิงเจ้าของร้าน
“ทิชาขอบคุณพี่ริน สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งที่พี่รินคอยช่วยเหลือ คอยให้กำลังใจ คอยอบรมสั่งสอน ทิชาคงขอบคุณพี่รินไม่หมด” หญิงสูงอายุยิ้มก่อนที่จะใช้มือลูบหลังเพื่อปลอบประโลม เธอเข้าใจความรู้สึกของสาวน้อยคนนี้ดีว่าการจากไปของเธอ ส่งผลให้นันทิชาต้องเสียใจไม่น้อย
“การจากลาเป็นเรื่องปกตินะทิชา เธอยังเด็กยังต้องเจออะไรในชีวิตอีกมาก พี่ขอให้เธอเข้มแข็งเมื่อเจออุปสรรค อย่าร้องไห้นะ วันนี้เป็นวันอำลาพี่ไม่อยากเห็นน้ำตาใครก่อนที่พี่จะไป” ไม่ใช่เพียงนันทิชาคนเดียวเท่านั้นที่ต้องทรมานกับการกลั้นน้ำตาหากแต่พี่รินเองก็เช่นกัน ก่อนที่หญิงเจ้าของร้านจะโอบกอดเธอเป็นครั้งสุดท้ายแทนคำบอกลา
“พริมพอเถอะ” นันทิชาหยิบแก้วในมือของพริมออก
“ทำไมดื่มเยอะอย่างนี้ พอเถอะกลับบ้านได้แล้ว” นันทิชาพูดห้ามปรามเพื่อนสาวที่เมาจนพูดไม่ได้ความ
“ก็พี่รินห้ามพนักงานทุกคนร้องไห้ ก็กินมันเข้าไปสิ เอ้า! ชน ชน ชนแก้ว ฮ่าๆๆ”
นันทิชารีบลากเพื่อนออกมาจากในงานอย่างเงียบๆ โดยไม่ได้ล่ำลาใคร เธอไม่กล้าแม้จะไปลาหญิงเจ้าของร้านด้วยกลัวจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เพราะภายในใจอยากจะตะโกนออกมาดังๆ อยากจะกอดรั้งพี่ริน อยากร้องไห้หากแต่ต้องกลั้นน้ำตาไว้ ทำไมความเสียใจครั้งนี้รู้สึกทรมาน ทำไมพี่รินไม่บอกก่อน ทำไมเร็วอย่างนี้
คำถามและความเสียใจวนอยู่ในสมองของเธอ สองมือกึ่งพยุงกึ่งลากเพื่อนสาวที่เมาจนแทบจะเดินไม่ไหว มาหยุดรอรถ ณ จุดเดิม น้ำตาที่กลั้นไว้ในงานพรั่งพรูออกมา เธอกลั้นมันไม่ไหวอีกแล้ว แม้จะรู้ก่อนเพียงไม่กี่วันแต่เมื่อถึงเวลาที่พี่รินจะไป กลับตั้งตัวไม่ติด สองมือเช็ดน้ำตาแล้วพยุงเพื่อนที่แม้แต่ยืนยังเซซ้ายทีขวาที
เหตุการณ์ทั้งหมดของหญิงสาวทั้งสองที่ออกไปโดยไม่ลา อยู่ในสายตาของหญิงเจ้าของร้าน ที่ยืนถือแก้วไวน์ในมือน้ำตาไหลอาบแก้มมองผ่านกระจกร้านออกไปด้านนอก แน่นอนความเสียใจความผูกพันหญิงเจ้าของร้านรู้สึกมากกว่านันทิชากว่าหลายเท่าตัวนัก นั่นเพราะร้านที่เธอรักเพราะพนักงานอย่างนันทิชาทำให้เธอตัดใจยากเสียกว่าแต่หากครอบครัวเธอนั้นก็สำคัญเธอปาดน้ำตาแล้วหันกลับเข้าไปในงานต่อ อยู่ๆ รถคันหรูจอดเทียบ กระจกรถเลื่อนลงอย่างช้าๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ลิขิตรัก ในกรงแค้น