ภาค 2 ตอนที่ 6 ข้อความในตำรา
หลังจากผ่านเหตุการณ์อันชวนให้ต้องอับอายในห้องน้ำมาได้ ในที่สุดเวลานี้ก็เข้าสู่ช่วงเวลาที่สงบสุขอีกครั้งเฉกเช่นหลายราตรีที่ผ่านมา นั่นก็คือช่วงเวลาแห่งการอ่านตำราบันทึกลับของราชวงศ์ฉิน…
“จากข้อมูลทั้งมวลที่กล่าวมาสรุปความได้ว่า แท้จริงแล้วสาเหตุที่เมืองโจวล่มสลายจากเหตุภูเขาไฟเจียฮว๋าซานระเบิด เป็นเหตุให้โจวหยางอ๋องหวงเทียนหยางและราษฎรกว่าสามหมื่นคนต้องตายไปนั้น แท้จริงแล้วเป็นเล่ห์กลทางการเมือง…
ราชสำนักฉินมิได้ตั้งใจเพิกเฉยต่อเหตุการณ์นี้ แต่เพราะถูกคนจงใจบิดเบือนเรื่องราวไป ในยามที่โจวหยางอ๋องสังเกตเห็นถึงภัยพิบัติและส่งคนสนิทมารายงานความเพื่อร้องขอให้มีการอพยพในท้องพระโรง
วันที่มีเหตุการณ์ว่าราชการด้วยเรื่องของภูเขาไฟเจียฮว๋าซานนั้น ปรากฏว่าองค์ฮ่องเต้หวงตี้มีเหตุให้ทรงพระประชวรกะทันหันทำให้ไม่สามารถออกมาว่าราชกิจด้วยตนเองได้ ผู้นำการไต่สวนคนส่งสารของโจวหยางอ๋องหวงเทียนหยางในวันนั้นจึงกลายมาเป็นองค์ชายรัชทายาทหวงเทียนหรง และมีองค์ชายสามหวงเทียนจิน และฮองเฮาเสด็จมาร่วมสังเกตการณ์ด้วยเพียงเท่านั้น
เมื่อไร้ซึ่งขุนนางผู้สนับสนุน เรื่องราวความร้ายแรงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองโจวผ่านการบอกเล่าของกุนซือซุนอวี้เซวียน ราชบัณฑิตคนสนิทของโจวหยางอ๋องจึงได้ถูกขัดขวางตัดทอนเรื่องราวไปมาก จนราชสำนักไม่ได้รู้ความร้ายแรงจริงๆ ของเหตุการณ์นี้และหามาตรการให้การช่วยเหลือได้ทันการ สุดท้ายเมื่อหายนะเกิดขึ้นแล้ว ชื่อของชายงามป๋ายอี้หลินจึงถูกป้ายสีให้มีความผิดเป็นผู้รับความอัปยศในเหตุการณ์นี้แทนราชสำนักฉินทั้งมวลไป
เนื่องเพราะไม่มีผู้ใดจากเมืองโจวรอดชีวิตมาจนได้มาเล่าขานเหตุการณ์อย่างละเอียด มีเพียงคำร่ำลือว่าทั้งโจวหยางอ๋องและชายาป๋ายอี้หลินต่างตายตกลงไปที่ปากปล่องภูเขาไฟนั้นเท่านั้น... เรื่องราวในบันทึกประวัติศาสตร์จึงได้ถูกแต่งเติมเล่าขานออกไปในทางที่เป็นตำนานโศกนาฏกรรมรักลึกซึ้งของคนสองคน แทนที่จะบอกว่าเป็นความผิดพลาดของราชสำนัก เพื่อไม่ให้มีคนรุ่นหลังต้องการขุดคุ้ยเรื่องราวใดๆ ขึ้นมาอีก…."
ลู่หลินเล่าขานเรื่องราวผ่านการอ่านความตามบันทึกลับราชวงศ์ฉินไปก็ให้ฉงนใจไป… แบบนี้เท่ากับว่าเรื่องราวที่เกิดตามบันทึกประวัติศาสตร์นั้นแทบไม่ได้มีสิ่งใดเป็นเรื่องจริงเลยนอกจากเรื่องที่ภูเขาไฟได้ระเบิดจริงๆ ทุกอย่างนอกเหนือจากนั้นล้วนเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาอย่างส่งเดช โจวหยางอ๋องและป๋ายอี้หลินตายไปอย่างไรก็ไม่มีใครที่รู้ความจริงสักคน
แม้แต่โจวหยางอ๋องหวงเทียนหยางที่ร่วมฟังความอยู่ก็รู้สึกสนเท่ห์ใจเป็นอย่างมาก…
มิคาดคิดมาก่อนว่าแท้ที่จริงแล้วเหตุการณ์ร้ายแรงที่เมืองโจวนี้จะไม่ได้ถูกละเลยเพราะความงมงายเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะเลห์กลทางการเมืองเป็นตัวชักนำไปสู่จุดที่เลวร้ายด้วย
ในอดีตแม้ตัวเขาจะตงิดใจกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งจนคิดการขอให้มีการอพยพ แต่ก็คงไม่ได้จัดการทุกอย่างได้รัดกุมรวดเร็วนักจนหนีออกมาได้ทันการ เมื่อเทียบกับตอนนี้ที่มีลู่หลินอยู่ด้วยและได้รู้ชัดเจนแม้แต่วันเวลาที่ภูเขาไฟจะระเบิด การพาผู้คนหนีเอาตัวรอดจึงทำได้รวดเร็วกว่ามากต่อให้ไม่มีการช่วยเหลือจากวังหลวงก็ตาม
แม้จะรู้อยู่บ้างว่าหลายเหตุการณ์มักมีมือมืดเข้ามาแทรกแซง ชัดเจนที่สุดก็คือตัวนักบวชแกนนำชาวบ้านผู้นั้น แต่เขาก็คาดเดาไปแค่ว่าเป็นเพราะคนลงมือหวังผลให้เขาต้องรับโทษตายจากการฝ่าฝืนราชโองการเป็นหลักและไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้จะร้ายแรงจนราษฎรทั้งเมืองต้องเสียชีวิต มายามนี้ได้มารู้ว่าแท้จริงราชสำนักมิได้ตั้งใจเพิกเฉยแต่เพราะไม่ได้รับข่าวสารจนครบถ้วนกระบวนความ และมีคนจงใจบิดเบือนเรื่องราวไปมากทั้งที่รู้ว่าการกระทำนี้ต้องแลกมากับชีวิตราษฎรถึงสามหมื่นคน ก็ทำให้เทียนหยางและลู่หลินถึงกับโกรธเคืองอย่างมาก…
ไม่ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังแผนการชั่วร้ายนี้จะเป็นผู้ใด แต่กระทำการโดยไม่ยี่หระต่อชีวิตราษฎรมากมายเช่นนี้ย่อมไม่สมควรยอมรับได้ ยิ่งคนคนนี้หวังผลให้ตัวเองได้เป็นกษัตริย์ด้วยแล้ว นับว่าความไม่แยแสชีวิตคนถึงสามหมื่นคนเพียงเพื่อหวังกำจัดศัตรูคู่แข่งเท่านั้นย่อมหมายถึงการขาดคุณสมบัติของผู้นำที่ดีไปอย่างร้ายแรง
กับโจวหยางอ๋องที่ชีวิตราษฎรเพียงห้าสิบชีวิตยังทุ่มเทแรงกายรักษาไว้ถึงเพียงนี้ มองยังไงย่อมเหนือกว่าคนชั่วช้าผู้นั้นที่ยอมสละชีวิตคนถึงสามหมื่นคนหลายร้อยเท่า
เมื่อรู้ความเป็นมาเป็นไปเช่นนี้แล้วตอนนี้เทียนหยางก็ปักธงในใจไว้สามเรื่อง
เรื่องแรกคือนักบวชอารามเทพภูเขาผู้นำความงมงาย คนผู้นั้นยามที่ถูกองครักษ์เจิ้งลงทัณฑ์ทรมานสอบสวนความจริงได้เอ่ยรับสารภาพออกมาแล้วว่ามีผู้จ้างวานเป็นขุนนางจากเมืองหลวงผู้หนึ่งนามตู๋กู่เจี้ยน บุตรของเสนาตู๋ผู้ให้การสนับสนุนองค์ชายสาม นับว่าได้เบาะแสมาไม่น้อย เช่นนั้นแล้วหลังจากนี้เขาจะเริ่มสืบสาวความต่ออย่างจริงจัง จะได้ลากเอาตัวผู้ที่ทำผิดจริงมาลงโทษให้ได้
เรื่องที่สองคือวันนั้นที่ท้องพระโรงยามที่ซุนอวี้เซวียนและนายกองหานเข้าไปรายงานความเกี่ยวกับภูเขาไฟเจียฮว๋าซานนั้นมีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง คนฉลาดรู้สถานการณ์อย่างซุนอวี้เซวียนจะยอมให้คนโกงป้ายสีได้เลยหรือ? เหตุใดทุกเรื่องราวถึงได้ถูกบิดเบือนไปถึงเพียงนี้ เมื่อไปถึงเมืองหลวงได้เจอหน้ากันและช่วยเหลือออกมาจากการจองจำได้แล้วคงต้องซักถามสอบความกันมากหน่อย
และเรื่องสุดท้าย… สิ่งที่น้อยคนนักจะรู้คือนอกจากซุนอวี้เซวียนที่เขาส่งไปรายงานแล้ว เขายังได้มีการส่งราชสาสน์ส่วนพระองค์ไปรายงานเสด็จพ่อด้วยตนเองด้วยเนื้อความอย่างละเอียด น่าแปลกนักที่จดหมายตอบกลับมาจากเสด็จพ่อชัดเจนว่ารู้เรื่องแล้วทุกอย่างแต่ไม่เชื่อถือในตัวเขาทั้งยังแสดงความงมงายออกมาอย่างมากมาย… มาถึงตอนนี้เทียนหยางก็ตระหนักได้ถึงความจริงบางอย่าง… แม้เสด็จพ่อจะไม่ได้โปรดปรานในตัวเขามากนัก แต่ก็ไม่ใช่คนหูเบาและไม่เฉลียวใจยามเกิดเหตุผิดปกติกับราษฎร การปฏิเสธการรับรู้ทุกสิ่งที่เขียนโต้ตอบกลับมาทางจดหมายจึงนับว่าประหลาดนัก… จะว่าเป็นคนอื่นสวมรอยมาตอบจดหมายแทน ลายมือที่ใช้ก็คล้ายลายมือเสด็จพ่อนัก หลังจากนี้คงต้องสืบความเรื่องนี้ด้วยว่าแท้จริงแล้วเรื่องราวเป็นอย่างไรกันแน่…
ลู่หลินเว้นจังหว่ะการอ่านตำราไปครู่หนึ่งจนเห็นว่าเทียนหยางที่นิ่งคิดบางอย่างในภวังค์ของตัวเองไปเสียนานได้เงยหน้าขึ้นมาสบตาเป็นสัญญาณว่าพร้อมจะรับฟังเรื่องราวต่อไปแล้วจึงได้เริ่มอ่านบันทึกลับต่อไป…
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: #ลู่หลินไม่อินประวัติศาสตร์ ภาคป๋ายลู่หลิน กับศึกชิงบัลลังก์อาณาจักรฉิน