ภาค 2 ตอนที่ 5 ข้อตกลงระหว่างกัน
เมื่อได้รับคำตอบเป็นที่น่าพอใจ ลู่หลินก็ยินดีสีหน้าชื่นบานเป็นอย่างยิ่ง ปลดเสื้อผ้าส่วนบนของเขาได้ก็ลากจูงเขาที่ยังคงนุ่งกางเกงอยู่ให้เดินไปหย่อนตัวลงในถังน้ำขนาดเล็กสำหรับอาบน้ำทันทีโดยมีเจ้าตัวดีนั่งอยู่ที่ขอบอ่างคอยช่วยตักน้ำตักท่าวักล้างศีรษะ ใบหน้าแผนหลัง แผงอก และหน้าท้องให้…
ล้างไปก็ลูบไล้ร่างกายเขาไป ชอบตรงไหนก็จับอ้อยอิ่งอยู่ตรงนั้นนานมากขึ้นหน่อย ทำตัวเป็นเถ้าแก่เนี้ยหอโคมแดงหื่นกามชอบลวนลามหนุ่มๆ ไม่มีผิด…
ส่วนล่างกายช่วงล่างนั้นกลับถูกละเลยไม่ไยดีราวกับตัวเขานั้นมีร่างกายเพียงครึ่งเดียวเสียอย่างนั้น…
“หนึ่ง… สอง… สาม…. สี่… ห้า… หก… หูยยย ซิกแพ็คหกลูกพอดิบพอดีเป๊ะๆ หุ่นท่านล่ำมากเลยอ่า….”
“….-_-…."
เทียนหยางทำเพียงสีหน้านิ่งๆ ไม่บ่งบอกอารมณ์ คล้านจะต่อล้อต่อเถียงกับคนที่กำลังลวนลามร่างกายเขาด้วยประกายตาแวววาวอย่างมีความสุข ในขณะที่เขาแทบจะไม่มีสิทธิ์แสดงอาการยุ่มย่ามกลับได้เลย…
ส่วนสาเหตุของปัญหาทั้งหมด ก็คงจะต้องย้อนกลับไปในวันนั้น วันที่พวกเขาตกลงปลงใจอยู่เป็นคู่ผัวตัวเมียกันนี่แหละ…
ยิ่งนึกถึงวันนั้น เทียนหยางก็แทบจะกระอักเลือดตาย ถ้ารู้ว่าการรับปากจะไม่ฝืนใจจะเป็นเหตุทำให้เขาต้องทนทรมานร่างกายตัวเองถึงเพียงนี้แล้ว ตอนนั้นเขาคงทำตัวเป็นโจรโฉดชั่วลงมือให้สุดทาง ไม่คิดยั้งมือไว้เด็ดขาด…
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าหน้าท้องและแผ่นอกของบุรุษเป็นจุดไวต่อสัมผัส….”
“เห? … รู้สิ… แต่จื่อหยางน้อยต้องอดทนไว้นะ มีของดีก็ต้องให้ข้าจับ แต่จับแล้วท่านต้องห้ามตื่น ไม่เช่นนั้นข้าจะใช้ความสามารถของป๋ายอี้หลินวางยาพิษท่าน ทำให้ท่านเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ!”
ลู่หลินเจ้าตัวดี เหมือนจะรู้ดีว่าตนเองกำลังได้เปรียบ มั่นใจว่าเขาจะไม่อาจหักหาญน้ำใจเฉกเช่นที่เคยทำ ถึงได้ขยันลวนลามอ้อยอิ้งกับร่างกายเขาไม่หยุดหย่อน… ในขณะที่เขาทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากเพียงนั่งนิ่งๆ เป็นตุ๊กตาให้คนผู้นี้เล่นสนุกได้ตามใจ… ความยุติธรรมมันอยู่ที่ไหนกัน…
“ชายาของข้าไยถึงได้ใจร้ายนัก… คิดบ้างหรือไม่ว่าตัวข้าก็เป็นบุรุษ ย่อมต้องมีอารมณ์บ้างยามถูกสัมผัส…”
คำกล่าวอ้อนวอนพร้อมแววตาที่มองมาอย่างน่าสงสารทำให้ลู่หลินเริ่มจะใจอ่อนขึ้นมาบ้าง จึงได้หยุดใช้ฝ่ามือกลั่นแกล้งให้เทียนหยางได้พักหายใจหายคอให้สะดวกขึ้นบ้าง…
“ก็เพราะใครกันล่ะ มาทำให้ร่างกายนี้หวาดกลัวการตั้งครรภ์และการมีสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งน่ะ… ไม่ใช่ตัวท่านเองหรอกรึ? เช่นนั้นแล้วก็รับกรรมไปซะเถอะ!”
คำกล่าวของป๋ายลู่หลินทำให้เทียนหยางได้แต่น้ำตาตกใน นึกสาปส่งตัวเองเป็นร้อยครั้ง ที่ยามมีโอกาสได้ร่วมรักกับป๋ายอี้หลินคนเก่าไม่รู้จักทำตัวดีๆ เสียบ้าง ดันไปปลูกฝังให้อีกฝ่ายมีแต่ความรู้สึกหวาดกลัวยามที่เขารุกไล่ฝืนใจ อีกทั้งยังพ่วงอาการวิตกจริต หวาดกลัวการตั้งครรภ์อย่างหนักอีกด้วย เช่นนี้แล้วเขาจะทำอะไรได้อีกนอกจากต้องยอมก้มหน้ารับกรรม ยอมทำตัวดีๆ ให้อีกฝ่ายได้ลูบคลำแต่เพียงฝ่ายเดียวไป….
ลู่หลินเห็นท่าทีหมาหงอยของเทียนหยางก็นึกเอ็นดูปนสงสารขึ้นมา
ตั้งแต่วันนั้นที่เขาฟื้นกลับขึ้นมาและตกลงใจว่าจะอยู่ด้วยกันเขาก็คิดว่าตนเองพร้อมเต็มที่ที่จะเป็นคนของโจวหยางอ๋องทั้งกายและใจ
หลังจากที่ถูกเจ้าคู่แฝดขาวดำโผล่เข้ามาขัดจังหวะคราวนั้น…เขาก็รู้แล้วว่าเรื่องราวจะไม่จบลงเพียงเท่านี้ เพราะจูบสุดท้ายที่กดย้ำลงมาพร้อมกับคำฝากฝังที่บอกว่า “ฝากไว้ก่อนเถอะเจ้าตัวดี… ราตรีนี้ข้าจะทำให้เจ้าเป็นของข้าโดยสมบูรณ์….” ด้วยสีหน้าและท่าทางที่จริงจังนั้น ลู่หลินก็ทำใจมาตลอดว่าไม่ช้าไม่นานโจวหยางอ๋องหวงเทียนหยางจะหาเรื่องเข้ามาหาเขาจริงๆ และคราวนี้ก็คงเลือกช่วงเวลาที่จะไม่ให้มีใครเข้ามาขัดขวางได้อีก…
และก็เป็นจริงตามนั้น เพราะในราตรีนั้น เทียนหยางก็พาตัวเองเข้ามานอนพักในห้องเดียวกับเขาด้วยข้ออ้างที่ว่า
“ห้องหับบนเรือมีน้อยและคับแคบเกินไป เราสองคนเป็นสามีภรรยากันก็ควรจะพักที่ห้องเดียวกัน จะได้ไม่เป็นภาระเดือดร้อนให้บ่าวไพร่ต้องวิ่งวุ่นไปมาคอยดูแล…”
ลู่หลินเกือบจะเชื่อแล้วเชียว ถ้าไม่ได้บังเอิญไปเห็นสายตาแวววาวพราวระยับแบบที่หาได้ยากอย่างยิ่งจากจอมทัพผู้เคร่งขรึมผู้นี้…
‘ใช่ซี้… แยกห้องบนเรือลำบากบ่าวไพร่… ที่เมื่อก่อนแยกตำหนักกันอยู่ ห่างกันตั้งไกลยังไม่คิดจะบ่นเลย ชิๆ!’
ข้ออ้างมากพิธีถูกเทียนหยางหยิบยกมาแค่ในช่วงต้นที่เห็นหน้าค่าตากันผ่านประตูห้องกั้นเท่านั้น
ยามที่ก้าวพ้นธรณีประตูมาได้แล้ว ความโหยหาก็ผลักดันให้ร่างสูงใหญ่นั้นเร่งร้อนเข้าจู่โจมกอดจูบเขาอย่างร้อนรน สัมผัสแปลกใหม่ที่ได้รับทำเอาลู่หลินหลอมละลายตัวเหลวเป๋วอยู่ในอ้อมกอดนั้น
แม้จะได้รับการถ่ายทอดความทรงจำสัมผัสและความรู้สึกเกี่ยวกับประสบการณ์เหล่านี้จากป๋ายอี้หลินมาบ้างแล้ว แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับการที่ได้มาเผชิญด้วยตัวเองตรงหน้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: #ลู่หลินไม่อินประวัติศาสตร์ ภาคป๋ายลู่หลิน กับศึกชิงบัลลังก์อาณาจักรฉิน