ภาค 2 ตอนที่ 4 ความสัมพันธ์ที่คืบหน้า
“เป็นอันว่าตกลงตามนี้… พรุ่งนี้ให้รีบเร่งคัดสรรกำลังพล เมื่อถึงยามเว่ย ข้ากับทหารห้าพันคนและเรืออีกห้าสิบลำจะออกเดินทางสู่เมืองหลวง เรื่องการคัดสรรคน ให้เป็นหน้าที่ขององครักษ์เจิ้งและรองแม้ทัพช่วยกัน ส่วนพ่อบ้านหวังท่านดูแลจัดหาข้าวของที่จำเป็นในเรือให้พร้อม"
“รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ!”
จบคำสั่งการ ทุกคนทั้งองครักษ์เจิ้ง รองแม่ทัพหุย และพ่อบ้างหวังก็ขานรับกันอย่างพร้อมเพรียงแล้วเตรียมจะออกไปทำตามคำสั่งในทันที
“พ่อบ้านหวัง… ท่านอยู่ก่อน…”
“…? … พ่ะย่ะค่ะ…”
ความเงียบเกิดขึ้นชั่วอึดใจ จนเมื่อในห้องควบคุมนี้เหลือเพียงเทียนหยางและพ่อบ้านหวังแล้ว บรรยากาศจึงเข้าสู่ความเงียบเพื่อเฝ้ารอบทสนทนาอันจริงจังที่กำลังจะเกิดหลังจากนี้
“ลู่หลินเป็นอย่างไรบ้าง….”
คำถามไม่คาดคิดจากปากโจวหยางอ๋องทำให้พ่อบ้านหวังต้องนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะเค้นสมองคิดหาคำตอบอย่างเต็มที่ เขาไม่แน่ใจนักว่าคำถามนี้มีความหมายลึกซึ้งว่าอย่างไร ในเมื่อชัดเจนแล้วว่าตอนนี้พระชายาป๋ายสบายดีอยู่ที่ห้องพักซึ่งคนที่ใกล้ชิดกันมากที่สุดในตลอดระยะเวลาเกือบสิบวันที่ผ่านมานี้ก็เป็นตัวท่านอ๋องเอง ย่อมต้องทราบดีว่าพระชายาดูสดชื่นเบิกบานใจมากเพียงไร ดังนั้นคำถามสั้นๆ นี้ย่อมมีความหมายแฝงแน่ๆ และเรื่องที่ท่านอ๋องกำลังกังวลอยู่ในขณะนี้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องที่จะต้องกลับไปที่เมืองหลวง
“พระชายาแข็งแรงมีความสุขดี พร้อมทั้งกายและใจ คิดว่าจะรับมือกับทุกเรื่องราวยุ่งยากในวังได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ….”
เห็นพ่อบ้านหวังหรืออดีตขันทีหวังเอ่ยคำตอบแบบเข้าใจในคำถาม พร้อมทั้งระบุจุดที่น่ากังวลได้อย่างชัดเจนตรงใจเขานัก เขาจึงมั่นใจได้อย่างเต็มที่ที่จะสนทนาพูดคุยกับอีกฝ่ายต่อไปได้อย่างตรงประเด็นและชัดเจน
“ความจริงแล้วข้าไม่อยากพาเขากลับไปเลย…… อยากให้เขารั้งรออยู่ที่เมืองเสวี่ยนี้ ให้ห่างไกลจากเล่ห์กลการเมืองและอยู่ให้ไกลจากอดีตผู้บงการของเขาที่จะต้องกลับเข้ามาวุ่นวายแน่ๆ แต่ข้าก็เป็นห่วงเขามากเกินไป เกินกว่าที่จะปล่อยให้อยู่ห่างไกลจากสายตาได้…”
“……….”
“เมื่อไปถึงเมืองหลวง ที่นั่นจะเต็มไปด้วยอำนาจมืดมากมาย มีหลายที่ที่เขาอาจจะต้องไป และข้าตามไปด้วยไม่ได้ ทำให้ข้าอาจจะปกป้องเขาได้ไม่เต็มที่….”
“……….”
“ข้าแค่อยากให้ท่านรู้ว่าตอนนี้ป๋ายลู่หลินผู้นี้มีความหมายกับข้ามาก… มากเกินกว่าจะปล่อยให้มีเรื่องอะไรมาทำอันตรายใดๆ แก่เขาได้……”
“……….”
“ท่านเป็นคนเดียวที่ข้าจะไว้ใจให้อยู่กับเขาได้ตลอดเวลาในตอนที่ข้าไปอยู่ด้วยไม่ได้…”
“…องค์ชาย… ท่านอย่าได้กังวลเลย… พระชายาป๋ายเป็นชายาของพระองค์ ย่อมต้องเป็นคนที่กระหม่อมจะถวายชีวิตให้ด้วยความรักและเคารพยิ่งไม่ต่างจากพระองค์… ในวังแม้จะน่ากลัว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีทางระวังป้องกันตัว… กระหม่อมสัญญาว่าจะใช้ทุกประสบการณ์ความรู้และความสามารถที่มีดูแลพระชายาให้ดี ไม่ให้ต้องเจอกับเรื่องร้ายหรืออันตรายใดๆ เป็นอันขาด…”
คำตอบรับอย่างหนักแน่นของคนสนิททำให้เทียนหยางเบาใจได้มากขึ้น แม้จะไม่ได้มีอะไรมายืนยันว่าหลังจากนี้ทุกอย่างจะราบรื่น แต่เขาก็เชื่อมั่นได้ว่าคนตรงหน้านี้จะพยายามอย่างเต็มที่ที่จะช่วยปกป้องคนสำคัญของเขาไม่ให้เป็นอันตรายโดยเด็ดขาด
“ขอบคุณท่านมาก… ท่านตา… ข้าขอฝากฝังลู่หลินไว้กับท่านด้วย…”
และเพราะอยากที่จะเอ่ยคำขอบคุณออกมาอย่างจริงใจที่สุด คำเรียกขานอันแสนสนิทสนมคล้ายเป็นคนในครอบครัวเช่นเดียวกับที่เคยเรียกขานในวัยเด็กจึงได้ถูกนำมาใช้อีกครั้ง สร้างความปีติและซาบซึ้งใจให้ท่านพ่อบ้านชราเป็นอย่างมาก…
เดิมทีตั้งแต่ที่ผ่านการพิสูจน์ตนจากเหตุการณ์ที่ออกหน้าช่วยเหลือบ่าวไพร่ น้ำหนักของพระชายาป๋ายในใจของพ่อบ้านหวังก็เพิ่มขึ้นมามากอยู่แล้ว ยิ่งได้ช่วยเหลือราษฎรมากมายจากเหตุการณ์ภูเขาไฟระเบิดในครั้งนี้ นับว่าพระชายาป๋ายได้มีความดีความชอบไม่น้อย ตัวเขาก็ไม่คิดตะขิดตะขวงใจใดๆ แล้วทั้งยังพร้อมยินดีรับใช้อย่างเต็มกำลังให้สมกับหน้าที่และความสามารถที่มี
มาในยามนี้ได้มาฟังคำขอร้องจากปากขององค์ชายอันเป็นที่รักไม่ต่างจากลูกหลาน ทั้งยังเอ่ยย้ำความสำคัญของคนผู้นี้ว่ามีคุณค่าขนาดไหนในใจตน ประกอบกับคำบอกเล่าขององครักษ์เจิ้งที่กล่าวว่าองค์ชายรองถึงกับลืมสิ้นทุกสิ่งอย่างและตัดสินใจกระโดดน้ำตามลงไปหมายช่วยเหลือชีวิตพระชายาป๋ายผู้นี้เอาไว้ให้ได้แม้ตนเองอาจจะต้องสิ้นชีพไปด้วยแล้ว ตัวเขายิ่งต้องดูแลคนผู้นี้ให้ดี เพราะหากคนผู้นี้มีอันตรายหรือมีอันเป็นไปอย่างไรไป ผลกระทบคงตกหนักที่องค์ชายรองอันเป็นที่รักของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย….
ในฐานะคนที่เลี้ยงดูอุ้มชูมาแต่อ้อนแต่อ่อน ขันทีเฒ่าเช่นเขาก็นับว่ารู้นิสัยใจคอของนายตัวเองดีนัก ตัวตนของพระชายาป๋ายมีความสำคัญมากมายถึงเพียงนี้แล้ว… คงไม่ต้องคาดหวังว่าต่อไปในอนาคตจะรับอนุชายาที่ไหนมาเพิ่มอีกได้ คงมิแคล้วรักเดียวใจเดียวเหมือนเสด็จแม่ของพระองค์และมีพระชายาป๋ายเป็นชายาเพียงคนเดียวแน่ๆ
เช่นนั้นแล้วต่อไปนี้เขาคงต้องเข้าประกบอย่างใกล้ชิด ขัดเกลากิริยามารยาทให้มากหน่อย ให้สมกับที่เป็นคนสำคัญและมีตำแหน่งอันสูงศักดิ์ จะได้ไม่ทำตัวเปิ่นเป๋อจนทำให้ท่านอ๋องต้องขายหน้า
และที่สำคัญคือจะได้รู้จักระมัดระวังกิริยามารยาท ไม่ไปเผยจุดอ่อนให้พวกอสรพิษในวังจับจุดอ่อนมาแว้งกัดได้เป็นอันขาด!
โจวหยางอ๋องหวงเทียนหยางเฝ้ามองพ่อบ้านคนสนิทอยู่ชั่วครู่ก็เอ่ยคำสำคัญต่อไปออกมา
“มีเรื่องหนึ่งที่ข้าจำต้องบอกกล่าวกับท่านไว้ก่อน… เรื่องเมืองโจวคราวนี้ จะว่ามีความผิดก็นับว่ามี มีความชอบก็นับว่าใช่ ที่ผ่านมาเรื่องผิดถูกเสด็จพ่อแบ่งแยกชัดเจน นอกจากสั่งลงโทษตามสมควรแล้วข้าก็เชื่อว่าท่านจะพระราชทานบำเหน็จรางวัลให้ด้วย ข้าตั้งใจไว้แล้วว่าในคราวนี้ข้าจะทูลขอให้เสด็จพ่อแต่งตั้งลู่หลินเป็นหวางเฟยของข้าแทนการปูนบำเหน็จ…”
“!!!!!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: #ลู่หลินไม่อินประวัติศาสตร์ ภาคป๋ายลู่หลิน กับศึกชิงบัลลังก์อาณาจักรฉิน