“คุณก็คือเย่เซิ่งเทียน ลูกชายของคุณหนูหมิงยู่?”
เหล่าเฟิงเพ่งพิศดูเย่เซิ่งเทียน ไม่แสดงออกในความเป็นศัตรู แน่นอนก็ไม่ได้แสดงความสนิทสนมด้วย
ยามหน้าประตูรีบแนะนำไป “ท่านนี้คือเหล่าเฟิงพ่อบ้านตระกูลเซียวของเรา”
เย่เทียนผงกหัว ยกมือคำนับด้วยความเคารพนอบน้อม “คารวะท่านเฟิง ฉันก็คือเย่เซิ่งเทียน คุณแม่ของฉันก็คือหมิงยู่”
เหล่าเฟิงผงกหัว “ตามข้ามา ท่านเจ้าบ้านก็อยากพบคุณ”
เย่เซิ่งเทียนเดินตามเข้าไป
ลานบริเวณบ้านตระกูลเซียวก็ไม่ได้เล็ก ข้างในประกอบไปด้วยเต๊นศาลาหอเรือน หินก้อนเขาจำลองประดับสวนไม่น้อย พื้นที่ครอบคลุมดูจะใหญ่กว่าวังหลวงเสียอีก
“เฮ้อ ในเมื่อคุณมาแล้ว ก็จะแจงเรื่องบางอย่างให้คุณรู้ ฉันก็ไม่มีอะไรต้องปิดบังคุณ ในสมัยนั้นพวกเราตระกูลเซียวก็เป็นญาติพี่น้องกับเผ่าซวนหยวน เพียงแต่มาตอนหลังมีบางอย่างเกิดขึ้น ก็ไม่สะดวกที่จะพูดให้คุณรับฟัง มีบางเรื่อง ไม่ใช่ธรรมดาอย่างที่เห็นกันผิวเผิน”
เหล่าเฟิงพาเย่เซิ่งเทียนเดินเข้าไปข้างใน เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ในปีนั้น
เย่เซิ่งเทียนแกล้งทำเป็นประหลาดใจ “ฉันไม่เห็นรู้เรื่องละเอียดพวกนี้เลย ที่หามาถึงบ้านตระกูลเซียวนี่ ก็มีเพียงคำสั่งเสียที่คุณแม่ทิ้งไว้ให้ ท่านบอกว่ามีตระกูลเซียวที่เชื่อถือได้ ตอนนี้คุณแม่ของฉันถูกสรวงสวรรค์จับตัวไป ด้วยเหตุนี้ฉันจึงได้คิดมาขอความช่วยเหลือจากตระกูลเซียว”
เหล่าเฟิงพูดอย่างสะเทือนใจว่า “คุณหนูหมิงยู่เป็นคนสุดประเสริฐ และก็เป็นคนที่แข็งกล้ามาก ในปีนั้นฉันก็ยังเคยได้พบหล่อน แต่อำนาจอิทธิพลสรวงสวรรค์น้้นยิ่งใหญ่ มีบางเรื่องที่ตระกูลเซียวเราไม่อาจเข้าไปสอดได้ แต่คุณวางใจได้ หากมีที่ช่วยคุณได้ นายท่านจะไม่อยู่เฉยเป็นแน่ คุณเพิ่งจะทะลวงทะลุถึงแดนลอยฟ้าใช่ไหม? แดนลอยฟ้าสำหรับโลกมนุษย์บอกว่าเป็นชั้นฟ้า แต่สำหรับตระกูลลี้ลับนั้นไม่ได้เห็นว่าเป็นเรื่อง หากแม้นคุณคิดจะช่วยแม่ของคุณ ความหวังคงริบหรี่เอามาก ๆ เลยนะ”
เย่เซิ่งเทียนรีบพูดว่า “ท่านเฟิงโปรดได้วางใจ ฉันจะไม่ทำอะไรเหลวไหลหรอกครับ ฉันก็เพิ่งทะลุแดนลอยเมฆมาใหม่ ๆ พลังปราณยังไม่เสถียร ที่สำคัญกับระบบภายนอกยังไม่มีพลังวิชามารองรับ ที่ผ่านมาได้นี่ก็ด้วยฉันจับแพะชนแกะรวม ๆ กันออกมา ถ้าได้ตระกูลเซียวมาแนะแนวช่วย ก็จะเป็นพระคุณอย่างสูง”
การแสดงออกของเย่เซิ่งเทียนเต็มไปด้วยความจริงใจ วางตัวพินอบพิเทาในลักษณะคนที่มาน้อมขอความช่วยเหลือ
น้ำเสียงที่กล้ำกลืนความอดสู ทำให้แม้แต่ตัวเองยังเกือบจะเชื่อ
การจะหลอกคน ต้องหลอกตัวเองให้ได้ก่อน
เหล่าเฟิงพูดต่อ “คุณได้บรรลุเสินฉางธาตุน้ำ ธาตุไม้ ธาตุดินทั้งสามแล้ว?จัดว่ามีพรสวรรค์อยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรเท่าไหร่”
เย่เซิ่งเทียนตอบไปด้วยมารยาทของเด็กรุ่นหลัง “ใช่ครับ ฉันได้มาแค่ธาตุน้ำ ธาตุไม้ ธาตุดินสามหลักวิชา นี่ยังเป็นเรื่องที่ฉันใช้เวลาอย่างยาวนานกว่าจะตามหามาได้ การจะหาฝึกฝนให้ได้จากข้างนอกนั้นยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์”
เหล่าเฟิงผงกหัวพูดว่า “ก็ไม่เลวแล้วนะ บรรลุสามธาตุเสินฉางนี้ได้ จัดว่าขั้นแดนลอยเมฆสามชั้น ถือว่าใช้ได้ มีคนอีกมากมายยังเปิดเสินฉางไม่ได้เลยแม้แต่ชั้นเดียว แต่ก็อยู่แค่สถานะมนุษย์ชั้นกลางเท่านั้น”
เย่เซิ่งเทียนอึ้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Mars เจ้าสงครามครองโลก
เนื้อเรื่องน่าจะต่อได้อีกนะรีบจบไปหน่อย มีหลายปมเลย ปกแรกเย่หลงตายรึยัง ปมที่2ซือซือทำไม่ถึงลืมเรื่องที่เกิดขึ้น ปมที3หวางซีเป็นสเก็ดวิญาณของใคร หายไปไหนทำไมเห้ยซูหลิงถึงหาเจอ ปมที่4หมิงหยูเลยลูกชายจะช่วยแทบตายไม่กล่าวถึงเลยคือคาฝจมากคนแต่งน่าจะแต่งต่อได้อีกพันตอน...
ฟ้าสยบทำไม่ไม่ช่วย...
ตั้งแต่โดนวางยา..จนถึงตอนเย่เซิงเทียนดูโง่ๆเลย...
เจ้าเทพอะไรดูโง่จัง..โดนจูงจมูกเหนื่อยใจกับคนแต่ง...