มหาเทพ แห่ง สงคราม นิยาย บท 1990

แต่เฟนด์กลับมุ่งไปยังสถานที่ที่จะทำให้เขาสามารถเพิ่มระดับทักษะของตัวเองได้เร็วขึ้น! มีเพียงศิษย์ที่อยู่ในตำหนักสองกษัตริย์นานพอเท่านั้นถึงจะทำเช่นนั้นได้ เวสลีย์เย้ยหยันและพูดว่า “อืม เพราะอาจจะกำลังแสดงละครอยู่ก็ได้ เขาควรได้รับเกียรติที่เขาจะได้ยืนอยู่ในสนามประลองเดียวกับฉัน…”

ในขณะเดียวกัน เฟนด์ก็ใกล้จะถึงขั้นตอนที่สำคัญที่สุด การรวบรวมดาบวิญญาณสามเล่มไม่ง่ายเหมือนกับการเดินเล่นในสวนสาธารณะเลยสักนิด ในแง่หนึ่ง เขาต้องอดทนต่อคลื่นพลังวิญญาณ อีกแง่ เขายังต้องร่ายเคล็ดวิชาผ่าห้วงสุญญะเพื่อรวบรวมดาบวิญญาณทั้งสามเข้าด้วยกัน ในที่สุดเขาก็เข้าใจสิ่งหนึ่งว่าเหตุใดหอเจตสิกจึงสามารถเร่งการปรับระดับทักษะธาตุวิญญาณได้ ซึ่งเปรียบได้กับการเพิ่มระดับอาวุธหรือทักษะยุทธต่าง ๆ กับการแกะสลักหยก

ในช่วงเริ่มต้นของการบ่มเพาะ ก็เปรียบเสมือนกับชิ้นหยกดิบที่ยังไม่ได้เจียระไน และการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องนั้นเทียบเท่ากับเจียระไนและแกะสลักหยกดิบอย่างต่อเนื่อง คลื่นกระแทกวิญญาณนั้นก็เปรียบเสมือนสิ่วที่ช่วยให้ผู้บ่มเพาะแกะสลักหยกดิบได้เร็วขึ้น แต่กระบวนการนี้อาจค่อนข้างโหดร้าย และอาจทำให้ถึงตายได้ง่าย ๆ หากเกิดข้อผิดพลาด

เมื่อเวลาผ่านไป เฟนด์ลืมเวลาที่เขาเข้ามาอยู่ในนี้โดยสิ้นเชิง เขาเพิ่งรู้สึกว่าพลังกายและพลังวิญญาณของเขาถูกใช้ไปเป็นจำนวนมาก ในขณะที่เขายังคงต้านทานคลื่นกระแทกวิญญาณ คลื่นกระแทกวิญญาณเหล่านั้นก็หายไปในวันที่ห้าของการฝึกฝน และความมืดมิดรอบตัวเขาก็ดูคล้ายจะมลายหายไปด้วย เขารู้สึกงุนงงเมื่อสังเกตเห็นสิ่งนี้ ก่อนจะค่อย ๆ หยัดกายขึ้นจากพื้น เขาทำได้เพียงแค่ย่อขนาดของดาบวิญญาณเล่มที่สามเท่านั้น ต้องใช้เวลาอีกสองสามวันในการบ่มเพาะดาบวิญญาณเล่นที่สามจึงจะสามารถควบรวมดาบทั้งสามเล่มได้อย่างสมบูรณ์

เมื่อเฟนด์ก้าวออกจากประตูเรียงเนตรเขาก็เห็นโนเอลซึ่งกำลังชี้ไปที่กระดานอัญเชิญในมือของเขา “ต้องขออภัยด้วย จะหมดเวลาของนายแล้ว” เฟนด์ได้แต่พยักหน้ารับ ในเวลานี้เฟนด์ดูซีดเซียวขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับตอนที่เขาเข้าไป แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเพราะหลังจากประสบคลื่นกระแทกวิญญาณระดับสี่เข้าไปก็นับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เมื่อรวมกับความจำเป็นที่เขาจะต้องรวบรวมดาบวิญญาณเล่มที่สามให้ได้ มันก็ยิ่งใช้ดึงพลังวิญญาณของเขาไปใช้มากขึ้นไปอีก หากเขาไม่ได้ดูดซับชิ้นส่วนวิญญาณที่ทรงพลังของผู้อาวุโสมาก่อน เฟนด์คงไม่อาจทนต่อสิ่งเหล่านั้นได้อย่างแน่นอน

โนเอลเลิกคิ้วขึ้นและรู้สึกโล่งใจอย่างที่สุด เมื่อเห็นสีหน้าซีดเซียวของเฟนด์ หากรูปลักษณ์ของเฟนด์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลก็จะไม่ต่างกับการที่เขาเข้าไปงีบหลับเท่านั้น หากเป็นเช่นนั้นโนเอลคงไม่อาจยอมรับได้ เพราะมันย่อมหมายความว่าเฟนด์ไม่ใช่มนุษย์แล้วด้วยซ้ำ

โนเอลกระแอมเล็กน้อย "ไปรับคะแนนให้มากขึ้นกว่านี้และกลับมาอีกครั้งแล้วกัน" เขาจะพูดอะไรได้อีก เฟนด์มีคะแนนสะสมเพียงห้าสิบคะแนนซึ่งทำให้เขาอยู่ในนั้นได้เป็นเวลาห้าวัน

เฟนด์พยักหน้าอยากยอมแพ้ เขากลับมาเป็นคนยากไร้อีกครั้ง หลังจากนำป้ายหยกประจำตัวของเขากลับมา เขาก็เหลือบไปมองและเห็นว่าจำนวนคะแนนกลับมาเป็นศูนย์อีกครั้ง เขาลูบหน้าผากอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนว่าเวลาที่เหลือของเขาจะไม่ง่ายเสียแล้ว เขาอยู่และพูดคุยกับโนเอลครู่หนึ่งก่อนจะก้าวออกจากหอเจตสิก