มหาเทพ แห่ง สงคราม นิยาย บท 1989

ชายผู้มีดวงตารูปสามเหลี่ยมยิ้มและพูดว่า “ศิษย์พี่เวสลีย์ ผมตามหาคุณไปทั่วเลย! เด็กรับใช้บอกว่าคุณไปยังหอทักษะศิลปยุทธและหอทักษะยุทธ ผมเสียเวลาไปถามคนนู้นคนนี้ไปทั่ว กว่าจะเจอคนที่รู้ว่าคุณมายังหอสัตตะฤกษ์แล้ว”

เวสลีย์เลิกคิ้วและไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเขาด้วยซ้ำ "ไม่มีปัญหาอะไร? ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะ ตอนนี้ฉันยุ่งมาก อย่าเอาเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ มาโยนใส่หัวฉัน!” เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ

ชายผู้มีดวงตารูปสามเหลี่ยมไม่ได้สนใจน้ำเสียงของเวสลีย์ ราวกับว่าน้ำเสียงของเขาไม่ได้ลดความปรารถนาที่เขาจะทำให้อีกฝ่ายพอใจเลยแม้แต่น้อย “คนขอให้ผมจับตาดูเฟนด์วู๊ด และตอนนี้ผมก็มาเพื่อที่จะรายงานว่าเขาไปที่หอเจตสิกแล้ว!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น เวสลีย์ขยับคอขึ้นลงแก้เมื่อย “นี่นายพูดว่าเฟนด์ไปที่หอเจตสิกงั้นเหรอ? เขาไม่ได้ไปที่หอทักษะศิลปยุทธและหอทักษะยุทธเพื่อแลกทักษะยุทธหรือทักษะศิลปยุทธด้วยคะแนนห้าสิบแต้มอย่างนั้นหรือ? เขาไปทำอะไรในหอเจตสิกล่ะ? เขาวางแผนที่จะบ่มเพาะจิตวิญญาณของตัวเองงั้นเหรอ?”

เวสลีย์พบว่านี่เป็นเรื่องน่าขำ และชายผู้มีตาสามเหลี่ยมก็พยักหน้ารับ “เขาไปที่หอเจตสิกไม่ผิดแน่ และจากสิ่งที่ผมได้ยินมา เขาเข้าไปในประตูเรียงเนตรด้วย ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงที่เขาจะไปที่นั่นเพื่อฝึกฝนทักษะยุทธหรือทักษะศิลปยุทธทางธาตุวิญญาณ”

เวสลีย์ไม่อาจกลั้นหัวเราะได้อีกต่อไปราวกับว่าเขาได้ยินเรื่องตลกที่สุดในจักรวาล เขาหัวเราะอย่างหนักขนาดก้มหน้าลงและกลุ่มท้องไว้ เสียงหัวเราะของเขาทำให้ศิษย์คนอื่น ๆ ต้องหันมามองตามเสียง "โอ้พระเจ้า! สมองเขาต้องมีปัญหาแน่ ๆ นี่เขาโกรธที่ฉันเหน็บแนมเขาขนาดนั้นเลยเหรอ? ถ้าเขาไปที่หอวิญญาณพฤกษ์หรือหอวิญญาณมาศฉันก็จะรู้สึกกลัวกว่านี้อยู่หรอกนะ แต่กับหอเจตสิก? เขานี่บ้าเข้าขั้นเลย! เขาไม่รู้หรือไงว่าการได้มาซึ่งทักษะธาตุวิญญาณนั้นยากเพียงใด? ฉันยอมรับว่าพลังโจมตีของทักษะธาตุวิญญาณนั้นทรงพลังและมีเพียงไม่กี่คนที่สามารถทำให้มันเสถียรได้ แต่นี่ก็หมายความว่าไม่ใช่ทุกคนที่สามารถได้รับทักษะนี้มาได้ เขาบ้าไปแล้วแน่ ๆ”

ชายผู้มีดวงตารูปสามเหลี่ยมยิ้มและพูดว่า “ผมเห็นด้วยกับคุณอย่างยิ่งเลย แต่ผมก็สงสัยว่าเขาได้ทักษะธาตุวิญญาณมาจากไหน” ว่ากันตามเหตุและผลแล้ว ทักษะธาตุวิญญาณของเฟนด์ไม่อาจเทียบกับทักษะทั้งหมดที่มีอยู่ในหอทักษะศิลปยุทธและหอทักษะยุทธ ศิษย์ใหม่ส่วนใหญ่จะรับงานให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อที่จะได้รับคะแนนเพื่อแลกใช้ทักษะ และมีไม่กี่คนที่เป็นเหมือนเฟนด์ซึ่งเลือกที่จะมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนของตัวเอง เนื่องจากทักษะที่ได้รับนอกหอทักษะนั้นไม่อาจเทียบกับทักษะที่ได้รับในหอทักษะยุทธได้

เวสลีย์จำได้ว่าเฟนด์ได้รับคะแนนสะสมห้าสิบคะแนนจากการได้ที่หนึ่ง และเขารู้สึกว่านั่นเป็นอะไรที่เปล่าประโยชน์เสียจริง เขาถามตัวเองว่าหากเขาเป็นเฟนด์เขาจะทำอย่างไร หลังจากที่เขาตกลงที่จะเข้าร่วมการประลองและคำตอบคือเขาจะมาที่หอสัตตะฤกษ์เพื่อรับการมอบหมายงานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และใช้คะแนนเพื่อแลกทักษะอันทรงพลังมาให้ได้ แล้วเขาถึงจะมีโอกาสเอาชนะคู่ต่อสู้ แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับตรงกันข้ามกับสิ่งที่เขาคิด เฟนด์ไม่ได้ทำเช่นนั้นเลย