ห้านาทีต่อมา...
พนักงานเสิร์ฟก็ยกอาหารที่สั่งมาวางให้ สองสาวจึงลงมือทานกันอย่างไม่รอช้า หลังจากที่นั่งทานไปได้สักพัก หนุ่มหล่อหน้าคมตาสีฟ้าอ่อนก็เดินฉีกยิ้มกว้างเข้ามาหาสองสาวที่โต๊ะอย่างคุ้นเคย
มาร์ติน รีออสโซ่ เป็นสถาปนิกหนุ่มหล่อไฟแรงขวัญใจของพนักงานสาวๆ ในบริษัท เขาตกหลุมรักแพรณาราตั้งแต่วันแรกที่เห็นเธอเข้ามาทำงาน เขาจีบเธอทุกครั้งที่มีโอกาส แต่ก็ไม่กล้ารุกหนัก เพราะเธอไม่เคยแสดงออกว่าชอบหรือสนใจในตัวเขามากไปกว่าเพื่อนร่วมงานคนหนึ่ง
“สวัสดีครับมิกิ! นานา ผมขอนั่งทานด้วยคนได้ไหม”
“เอ่อ...เชิญค่ะมาร์ติน” แพรณาราหันไปตอบพร้อมกับส่งยิ้มบางๆ ให้อีกฝ่าย ก่อนจะหันหน้าไปมองรอบๆ เธอเห็นพนักงานผู้หญิงมองตามมาเป็นแถว ‘ความอึดอัดใจเพิ่มมาอีกหนึ่งเรื่องแล้วสิ’
“อ้าว! มาร์ติน ไหนว่าวันนี้ไม่กลับเข้าบริษัทไง?” นานาถามอย่างรู้สึกงงๆ เพราะเมื่อช่วงสายๆ อีกฝ่ายมาแจ้งว่าจะออกไปดูงานที่กำลังก่อสร้าง ว่าเป็นไปตามที่ออกแบบหรือไม่ และคงจะไม่กลับเข้ามาที่บริษัทอีก
“อ๋อ! พอดีงานเสร็จเร็วน่ะนานา มิกิไปเที่ยวไหนมาบ้างครับช่วงวันหยุด” มาร์ตินถามอย่างอยากรู้ เพราะพักอยู่ใกล้ๆ กับที่พักของแพรณารา และตลอดช่วงเวลา 6 วันที่ผ่านมา เขาแอบไปดักรอเธอทุกวัน แต่ก็ไม่เจอ! จึงรู้สึกเป็นห่วง พอทราบจากเพื่อนร่วมงานว่าเธอมาทำงาน เขาจึงแอบชิ่งงาน แล้วรีบกลับเข้าบริษัท เพราะอยากจะเห็นใบหน้าจิ้มลิ้มที่ทำให้เขาเอาแต่คิดถึงจนแทบจะเป็นบ้า
สถาปนิกหนุ่มหล่อนั่งมองสาวเจ้าด้วยดวงตาเป็นประกาย พร้อมกับส่งยิ้มหวานให้อย่างเปิดเผย ว่ารู้สึกพิเศษกว่าเพื่อนร่วมงานทั่วๆ ไป
แพรณาราแกล้งมองไปทางอื่นเหมือนเช่นทุกครั้งที่ผ่านมา มาร์ตินทำให้เธออึดอัด และถูกเพื่อนร่วมงานกระแนะกระแหนตลอดว่าให้ท่าอีกฝ่าย
“แหม! มาร์ตินคุณมานั่งกับพวกเราทีไร สาวๆ มองตามกันเป็นแถวเลย ดูสิ!” นานารับรู้อาการอึดอัดใจของเพื่อนสาว จึงแกล้งต่อว่าอีกฝ่ายที่ไม่มองสิ่งรอบข้างใดๆ นอกจากแพรณารา!
“ว้าว! จริงเหรอครับ! ผมไม่ทันสังเกต ฮ่าๆๆ” มาร์ตินตอบพลางหัวเราะเบาๆ
“แหม! สังเกตสักนิดก็ดีนะคะ” นานาพูดติดตลก
“ตอนนี้ไม่มีอะไรน่ามองไปกว่า...สิ่งที่ผมกำลังมองอยู่หรอกครับนานา!” มาร์ตินจ้องมองแพรณาราด้วยสายตาเคลิบเคลิ้ม
“มองให้ดีๆ นะคะ ระวังจะไปมองคนมีเจ้าของเข้าล่ะ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน” นานาเอ่ยพลางหันไปมองนิ้วที่สวมแหวนของเพื่อนรัก เป็นผลให้ชายหนุ่มหันมองตาม
“พระเจ้า!” มาร์ตินอุทานออกมาอย่างลืมตัว หัวใจกระตุกวูบ ราวกับมีเข็มเป็นร้อยเป็นพันกำลังทิ่มแทงหัวใจอยู่ตอนนี้
“ตกใจอะไรมาร์ติน? รีบๆ ทานเลย มานั่งทีหลังยังเอาแต่มองหน้า มิกิอยู่นั่นแหละ เร็วๆ เข้า!” นานาแอบยิ้มอย่างชอบใจที่เห็นชายหนุ่มสะดุดตาเข้ากับบางอย่าง
“ก็ได้ๆ จะรีบทานเดี๋ยวนี้แหละครับคุณนานา” มาร์ตินฝืนยิ้มอย่างยากลำบาก ก่อนจะรีบตักอาหารทาน แต่ลิ้นของเขากลับไม่รับรู้รสชาติของอาหารเลย ในใจมันมีคำถามมากมายว่า ทำไม? ตอนไหน? เพราะเท่าที่รู้เขาไม่เคยเห็นเธอคบหากับผู้ชายคนไหนมาก่อน ตอนนี้ใจของเขาแทบจะมอดไหม้เป็นจุณ เพราะแหวนเพชรเม็ดใหญ่ที่นิ้วนางข้างซ้ายของเธอ มันบ่งบอกว่าเธอไม่ใช่มิกิคนเดิมอีกแล้ว มันไม่ใช่แค่หมั้นหมาย แต่มันหมายความว่า... ตัวเขาจะไม่สามารถยุ่งเกี่ยวกับเธอได้อีกต่อไป
“เราอิ่มแล้ว! ขอไปเข้าห้องน้ำก่อน เดี๋ยวมานะมิกิ” นานาเอ่ย
“จ้ะ” แพรณารามองดูนานาเดินแกมวิ่งไปอย่างขำๆ
“มิกิ! ผมถามอะไรหน่อยได้ไหม” มาร์ตินกลั้นใจเอ่ยถาม
“เรื่องอะไรเหรอคะ?” แพรณาราขมวดคิ้วมองชายหนุ่มอย่างสงสัย
“นั่นแหวนหมั้นหรือว่าแหวนแต่งงานครับ” มาร์ตินเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ ทั้งที่รู้ดีว่ามันคือแหวนแต่งงานเพราะมันอยู่ตรงนิ้วนางข้างซ้าย แต่เขาก็ยังคิดเผื่อเอาไว้ว่า...บางทีเธออาจจะใส่ผิดข้างก็ได้
“เอ่อ...คือ...” แพรณาราอึกอักไม่รู้จะตอบยังไงดี
“ผมว่าลึกๆ มิกิรู้นะ ว่าผมรู้สึกยังไง บอกมาเถอะครับ ต่อไปนี้ผมจะได้ทำตัวถูก” มาร์ตินเอ่ยเสียงจริงจัง
“แหวนหมั้นค่ะ” เธอตอบสั้นๆ ทั้งที่ยังไม่รู้ว่ามันคือแหวนอะไร แต่อีกฝ่ายก็เอามาสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายและนั่นมันหมายถึงว่าเธอมีสามีแล้ว ครั้นจะถอดเปลี่ยนข้างก็ไม่ทัน จึงได้แต่นั่งปั้นหน้านิ่งๆ ต่อไป
“เพิ่งหมั้นเหรอครับ?” มาร์ตินถามต่อ
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำเบาๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร พลางนึกไปถึงสาเหตุที่ทำให้เธอต้องมานั่งตอบคำถามที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่ในตอนนี้ ‘หมั้นเหรอ? อีตาบ้านั่นยังไม่ได้จีบเธอหรือขอเธอเป็นแฟนเลยด้วยซ้ำ!’
“ช่วงที่หยุดไปหกวันใช่ไหม?” มาร์ตินถามต่อเสียงสั่นๆ
“ค่ะ” แพรณาราตอบเสร็จต้องตกใจ เพราะอยู่ๆ อีกฝ่ายก็ลุกขึ้นยืนพรวดอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แล้วเดินออกไปทันที
“อ้าว! แล้วมาร์ตินล่ะมิกิ” นานาที่ไปเข้าห้องน้ำมาเอ่ยถาม หลังเห็นมาร์ตินเดินออกประตูห้องอาหารไป
“ไม่รู้สิ! อยู่ๆ ก็ลุกเดินออกไปเลย” แพรณาราแกล้งตอบ ทั้งที่รู้ว่าชายหนุ่มคงจะกำลังเสียใจ แต่เธอก็ไม่คิดจะตามไปพูดหรือปลอบอะไร เพราะกลัวว่ามันจะเป็นการไปให้ความหวังกับอีกฝ่าย เท่าที่ผ่านมาเธอก็ลำบากใจพอสมควร จึงคิดว่าให้ทุกอย่างเป็นไปแบบนี้แหละดีแล้ว
“สงสัยมีงานด่วนมั้ง แล้วมิกิอิ่มหรือยัง?” นานาเอ่ยถาม
“อิ่มแล้ว เราไปกันเถอะ” แพรณาราลุกขึ้นยืนแล้วหยิบกระเป๋าถือ
“ไปสิ! เย็นนี้รับรองเธอจะติดใจฝีมือของฉัน ขอบอกเลยนะว่าฉันไม่เคยทำอาหารให้ใครทานง่ายๆ คนที่จะได้ทาน ต้องพิเศษสุดๆ” นานาอวดฝีมือการทำอาหาร จนแพรณารารู้สึกหมั่นไส้เพื่อนสาวขึ้นมานิดๆ
“ว้าว! แสดงว่าฉันต้องพิเศษมากๆ สินะ”
“รู้ตัวนี่!” นานาหันมาตอบอย่างยิ้มแย้ม
สองสาวเดินไปคุยไปอย่างสนุก โดยไม่รู้ว่าที่มุมหนึ่งของห้องอาหารมีอันโตนีโอ้นั่งถือหนังสือพิมพ์ปิดบังใบหน้า และแอบถ่ายรูปของแพรณารา ตั้งแต่ที่เดินเข้ามาในห้องอาหารกับเพื่อนสาว จนกระทั่งทานข้าวเสร็จ ส่งไปให้ผู้เป็นนายดู
17:00 น. หลังจากเลิกงาน แพรณาราก็รีบโทร. ไปหาออร์แลนโด้ เพื่อจะบอกว่าเธอจะไปบ้านของนานา แต่อีกฝ่ายก็ไม่รับสาย พอหันไปมองยังร้านกาแฟที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ก็ไม่เห็นกิติและรถที่ขับมาส่งจอดอยู่ เธอจึงคิดว่าเดี๋ยวกิติคงโทร. หาเธอเอง เลยนั่งแท็กซี่ออกไปกับนานา โดยไม่ได้สังเกตว่าอันโตนีโอ้นั่งรออยู่ในร้านกาแฟ
ด้านคนที่ได้รับมอบหมายให้มาตามดูความเคลื่อนไหวของสาวเจ้า ก็แอบตามสอดส่องดูอย่างเงียบๆ จนกระทั่งใกล้เวลาเลิกงาน จึงมานั่งรอที่ร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามตามที่กิติบอกเอาไว้
ขณะที่อันโตนีโอ้นั่งก้มหน้าอ่านไลน์กลุ่มแก๊งมือขวาอย่างเพลิดเพลิน และจิบกาแฟรออย่างชิลล์อยู่นั้นๆ หารู้ไม่ว่าของรักของหวงของผู้เป็นนายได้ขึ้นแท็กซี่ออกไปแล้วเมื่อห้านาทีก่อน!
บ้านบีเชอร์แลงค์...พอไปถึงบ้านของเพื่อนสาว แพรณาราก็เข้าไปช่วยเตรียมของทำอาหารในห้องครัว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ้อมกอดอสูรไร้ใจ