อ้อมกอดอสูรไร้ใจ นิยาย บท 51

เช้าวันต่อมา...Rofwell Grand Hotel @Changmai

เวลา 07:04 น. ในขณะที่สองสาวยังนอนอยู่บนเตียงฟ้ารดาก็ตกใจตื่นเพราะมือถือส่งเสียงดัง จึงรีบกดรับสายเพราะกลัวจะรบกวนเพื่อนสาวที่นอนหลับตาพริ้มอยู่ข้างๆ

“ฮัลโหล ฟ้ารดาพูดค่ะ” ฟ้ารดาเอ่ยก่อนจะหลับตาลงอย่างง่วงนอน

“ฟ้า แกยังไม่ตื่นใช่ไหม ช่างเถอะ! เอาเป็นว่าวันนี้ฉันไปเที่ยวด้วยไม่ได้นะ เพราะต้องรีบไปกรุงเทพฯ กับคุณเพียง มีงานสำคัญน่ะ เอาไว้เดี๋ยวกลับมาแล้วจะโทร. หานะ ตอนนี้ฉันต้องรีบไปขึ้นเครื่องแล้ว ไว้เจอกัน บาย!”

พอแพรลานนากดวางสายเสร็จ ฟ้ารดาก็วางมือถือเอาไว้บนโต๊ะโคมไฟเหมือนเดิม แล้วหลับตาลงนอนต่ออีกครั้ง

ห้านาทีต่อมา...มือถือของแพรณาราก็สั่นขึ้น หญิงสาวงัวเงียคลำตรงข้างเตียงที่วางมือถือเอาไว้ พอหยิบได้ก็ลืมตาขึ้นมองแวบหนึ่ง พอเห็นเป็นเบอร์ของมะลิฉัตรก็รีบลุกขึ้น แล้วเดินออกไปตรงระเบียงห้องด้านนอก ก่อนจะกดรับสาย

“สวัสดีค่ะคุณมะลิ”

“สวัสดีจ้ะมิกิ ตอนนี้แม่อยู่ที่เมืองไทยแล้ว แม่อยากให้หนูและหนูฟ้ารดามาที่กรุงเทพฯ วันนี้! แม่จองตั๋วเครื่องบินให้แล้ว เปิดดูในไลน์นะลูก เครื่องออกตอนบ่ายสอง ถึงกรุงเทพฯ บ่ายสาม จะมีคนรอรับที่สนามบิน เขาจะชูป้ายว่า Malichat Grand ให้หนูเดินเข้าไปหาเขาแล้วบอกชื่อ เขาจะพาหนูไปที่โรงแรม และผู้จัดการโรงแรมจะดูแลหนูกับเพื่อนต่อ แล้วเจอกันที่งานนะมิกิ!” มะลิฉัตรเอ่ยถึงกำหนดการต่างๆ ก่อนจะวางสายไปดื้อๆ ทำเอาแพรณารากะพริบตาอย่างมึนงง รีบเปิดดูในไลน์ก็เห็นรายละเอียดของสายการบินหนึ่ง พร้อมกำหนดเที่ยวบินที่เธอต้องเดินทาง

หญิงสาวมองก่อนจะเดินกลับเข้าห้องนอน ก็เห็นฟ้ารดาลุกขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงในสภาพงัวเงีย พร้อมกับจ้องมองเธอด้วยตาปรือๆ

“มีอะไรเหรอมิกิ?” ฟ้ารดาเอ่ยถาม

“ฟ้า ฉันต้องนั่งเครื่องกลับไปกรุงเทพฯ ตอนบ่ายสองน่ะ” แพรณาราเอ่ยด้วยเสียงจริงจัง

“อะไรนะ! แกจะนั่งเครื่องไปกรุงเทพฯ ตอนบ่ายสอง” ฟ้ารดาทวนคำพูดของเพื่อนอีกครั้ง

“ใช่! คุณมะลิให้ไปน่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่างานอะไร อยู่ๆ ท่านก็กดวางสายไป เหมือนท่านกำลังยุ่งๆ อยู่ ฉันก็เลยไม่กล้าโทร. กลับ อ้อ! ท่านส่งตั๋วเครื่องบินมาให้แกด้วยนะฟ้า!” แพรณาราเอ่ย

“มีของฉันด้วยงั้นเหรอ?” ฟ้ารดาเอ่ยถามอย่างมึนงง ตอนนี้เธอตื่นนอนจนตาสว่างเลย

“อืม!” แพรณาราตอบสั้นๆ

“เมื่อเช้ายัยแพรเพิ่งโทร. มาบอกว่ามีธุระด่วนที่กรุงเทพฯ ต้องรีบไปขึ้นเครื่องกับคุณเพียงดาว แล้วก็วางสายไปเลย ทำเหมือนกำลังเร่งรีบอยู่เหมือนกัน”

“ตกลงแกจะไปกับฉันใช่ไหมฟ้า” แพรณาราเอ่ยถามพลางทำหน้าเศร้าๆ ขอความเห็นใจจากเพื่อนสาว

“เฮ้อ...หวังว่าคงไม่ใช่งานใหญ่นะ ฉันเบื่อนักข่าวน่ะ” ฟ้ารดาถอนหายใจก่อนจะตอบรับอย่างไม่มีทางเลี่ยง ครั้นจะทิ้งเพื่อนสาวให้ไปคนเดียวก็ดูกระไร และคงจะอดเป็นห่วงอีกฝ่ายไม่ได้

“แกไปกับฉันใช่ไหมฟ้า?” แพรณาราเอ่ยถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“ก็ต้องแน่อยู่แล้วน่ะสิยะ” ฟ้ารดากลอกตาใส่เพื่อนสาวที่นั่งยิ้มอยู่

“ฉันรักแกที่สุดเลย” แพรณาราเอ่ยขึ้นอีกครั้งพร้อมกับทำท่าดีใจ

“อย่ามาดราม่านะ ตั้งนาฬิกาปลุกให้ด้วย สิบเอ็ดโมง ตอนนี้ขอนอนก่อนง่วงมากกก” ฟ้ารดาสั่งก่อนจะล้มตัวลงนอนต่อ

“ได้ตามที่สั่งจ้า” แพรณาราบอก ก่อนจะตั้งปลุก แล้วนอนต่อตามเพื่อนสาว เพราะเธอเองก็ง่วงนอนอยู่เช่นกัน

England…

แขไขวางสายจากทนายที่ดูแลพินัยกรรม ซึ่งโทร. มาคุยถึงกำหนดการส่งคืนหุ้นและกิจการให้กับแพรณารา บุตรสาวเพียงคนเดียวของพิทักษ์ น้องชายต่างมารดาของเธอ ในวันครบรอบวันเกิดอายุยี่สิบสามปีบริบูรณ์ของหญิงสาวที่จะถึงในอีกห้าวันนี้ โดยให้บินมาคุยกันที่ไทยถึงรายละเอียดต่างๆ เพราะตอนนี้แพรณาราได้ติดต่อมาบอกว่าพร้อมที่จะดูแลกิจการเอง ให้แขไขเตรียมเอกสารการส่งมอบของทุกอย่างมาให้พร้อม

กรี๊ดดดดด เพล้ง!

แขไขส่งเสียงกรี๊ดดังไปทั่ว ก่อนจะปามือถือทิ้งอย่างโมโหจนคาทอร์ ผู้เป็นสามี ที่เพิ่งจะกลับมาถึงต้องรีบวิ่งมาดูอย่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น

“แข! คุณเป็นอะไร” คาทอร์เอ่ยถามอย่างร้อนใจ

“คุณมัวไปทำอะไรมา! รู้ไหมว่าไอ้ทนายประธีปนั่น ติดต่อให้เราเตรียมเอกสารการส่งมอบคืนทุกอย่างให้นังมิกิ แถมนังนั่นยังติดต่อไปว่า ตอนนี้มันพร้อมที่จะดูแลกิจการทุกอย่างที่เป็นของพ่อมัน คุณบอกมาซิ! ว่าฉันต้องทำยังไงต่อไป บอกมา!” แขไขระเบิดอารมณ์ใส่สามีอย่างเบรกไม่อยู่ เพราะตอนนี้เธอติดหนี้เขาไปทั่ว จนแทบจะเรียกว่าไม่มีที่จะยืนในสังคมชั้นสูงอีกแล้ว

“คุณไม่ต้องห่วงหรอกแขไข เพราะผมสืบมาว่าออร์แลนโด้มันกำลังหลงมิกิหัวปักหัวปำ ดูนี่สิ!” คาทอร์หยิบหนังสือพิมพ์สามสี่ฉบับออกมาจากกระเป๋า ส่งให้ภรรยา

แขไขรับมาดู ก็เห็นพาดหัวข่าวหน้าหนึ่งมีรูปชายคนหนึ่งที่เมาไม่รู้เรื่อง ถูกหิ้วปีกออกจากสถานบันเทิงหลายๆ ที่ด้วยกัน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองสามีของตนอย่างไม่เข้าใจ

“อะไร! ก็แค่คนเมา แล้วมันเกี่ยวอะไรกันไม่ทราบคาทอร์”

“ใช่! มันเมาหนักทุกวันหลังจากที่มิกิหนีมันไป แถมตระกูลมันยังรวยติดหนึ่งในห้าของโลกอีก ดังนั้นคุณต้องรีบเก็บเสื้อผ้าบินกลับไทย เพื่อเรียกร้องค่าสินสอดในขณะที่คุณยังเป็นผู้ดูแลมิกิอยู่ แขไข” คาทอร์บอกแผนที่คิดเอาไว้

“มันรวยติดหนึ่งในห้าของโลกเลยเหรอ? พระเจ้า! แบบนี้เราก็สบายน่ะสิ” แขไขยิ้มกว้างอย่างดีใจ

“ตอนนี้คุณควรจะรีบไปเตรียมตัวออกเดินทางได้แล้วนะ เพราะเราจะบินกลับไทยในอีกสามชั่วโมง!” คาทอร์บอกหลังจากที่ให้ลูกน้องจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้

“ฉันรักคุณคาทอร์!” แขไขบอกก่อนจะเขย่งเท้าหอมแก้มสามี แล้ววิ่งขึ้นห้องนอนเพื่อเก็บเสื้อผ้า เตรียมบินกลับไทย คาทอร์ยกมือขึ้นมาเช็ดตรงที่แขไขหอมออกอย่างขยะแขยง ก่อนจะเดินไปหยิบเอกสารสำคัญลงกระเป๋า

Suvarnabhumi Airport…

สองสาวหิ้วกระเป๋าขนาดพอดีคนละใบ เดินตรงมายังทางออก เห็นคนถือป้ายชูข้อความว่า “Malichat Grand” พวกเธอก็เดินตรงเข้าไปหา

“คุณมิกิกับคุณฟ้ารดาใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดสูทสีดำเสื้อเชิ้ตสีขาว สูงประมาณร้อยแปดสิบห้าเอ่ยทักสองสาว

“ใช่ค่ะ” แพรณาราพยักหน้าตอบ

“สวัสดีครับ ผมชื่อชาร์ค เป็นหัวหน้ารักษาความปลอดภัยและคุ้มกันคุณแพรณาราและคุณฟ้ารดาไปส่งให้ถึงงานวันนี้ครับ” ชาร์คแนะนำตัว

“สวัสดีค่ะ คุณชาร์ค” สองสาวเอ่ยทักทายพร้อมกัน

“ครับ! ถ้างั้นเชิญที่รถเลยครับ” ชาร์คเอ่ยพร้อมกับพยักหน้าให้ลูกน้อง ที่อยู่ด้วยสองคน เข้าไปถือกระเป๋าให้สองสาว ก่อนจะเดินนำไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ และเดินทางตรงไปยังโรงแรมมะลิฉัตรแกรนด์ ตามกำหนดการที่ได้รับมา

Malichat Grand Hotel…

หลังจากที่รถแล่นเข้าไปจอด ก็มีพนักงานต้อนรับวิ่งมาเปิดประตู ชาร์คจึงแนะนำกับผู้จัดการโรงแรมที่ออกมารอรับสองสาว

“นี่คุณแพรณารา คนรักของคุณออร์แลนโด้ กับเพื่อนสาว คุณฟ้ารดาครับ”

“สวัสดีครับผมธีระกรณ์ ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณแพรณารา คุณฟ้ารดาเชิญด้านในเลยครับ ช่างพร้อมแล้ว” ธีระกรณ์รีบเอ่ยขึ้น เพราะกลัวว่าจะไม่ทันกำหนดการ พร้อมกับยิ้มให้สองสาวที่สวยซะจนเขาทำตัวแทบจะไม่ถูก

แพรณาราและฟ้ารดาเอ่ยทักทายก่อนจะรีบเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปด้านในโรงแรมอย่างรีบๆ ไม่ทันมีเวลาได้คิดหรือสงสัยอะไรเพราะทุกคนก็ทำเหมือนรีบไปซะหมด สองสาวเลยต้องตามน้ำต่อไป

พอเข้าไปข้างในห้องก็มีสาวประเภทสอง ที่เป็นช่างแต่งหน้าและช่างทำผมฝีมือดีรอพวกเธออยู่ ฟ้ารดายิ้มกริ่มเพราะเธอรู้จักทั้งสองดี ทั้งคู่เป็นช่างแต่งหน้าและทำผมที่ค่าตัวแพงมาก แต่ก็สมกับฝีมือเพราะเวลาไปถ่ายแบบลงปกนิตยสารเธอมักจะได้ร่วมงานกับทั้งสองอยู่ตลอด

“ผมจะรออยู่ที่ล็อบบีนะครับ เชิญตามสบายนะครับ” ธีระกรณ์เอ่ยเสร็จก็ออกไป ทิ้งให้สองสาวกับสาวประเภทสองอยู่ด้วยกันในห้อง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ้อมกอดอสูรไร้ใจ