moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว นิยาย บท 70

สรุปบท บทที่ 70 แผนสกปรก: moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว

สรุปตอน บทที่ 70 แผนสกปรก – จากเรื่อง moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว โดย Light-Knight

ตอน บทที่ 70 แผนสกปรก ของนิยายใช้ชีวิตเรื่องดัง moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว โดยนักเขียน Light-Knight เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

บทที่ 70 แผนสกปรก

“ทำไม?”

ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าไอ้เด็กจนๆที่่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่มีแม้กระทั่งชื่อแสดงตัวตนคนนี้จะกล้าแสดงกิริยาท่าทางเช่นนี้ออกมา

คุณน้าโมโหมากและไม่ได้โมโหธรรมดา

“ทำไม?”

เมื่อเห็นคนที่เกลียดถูกตัวเองยั่วโมโหได้ขนาดนี้ จักรชัยก็ยิ่งมีความสุข

“คุณน้า คุณมานี่หน่อย ผมจะบอกคุณให้ก็ได้”

จักรชัยกระดิกมือเรียกโดยไม่สนใจเรื่องลำดับอาวุโสใดๆ เขาแค่เพียงอยากหยอกคนเล่นเท่านั้น

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะถูกความโกรธเผาไหม้สติปัญญาไปหมดแล้วหรืออย่างไร คุณน้าถึงได้ทำตาม

“โอเค ฉันอยากดูว่าเธอจะทำอะไรได้บ้าง”

ปากพูดเป็นต่อยหอย คุณน้าเดินเข้าไปทีละก้าว

เมื่อเดินมาถึงตรงหน้าจักรชัย ก็เกิดเหตุที่คาดไม่ถึง

ก่อนที่ทุกคนจะตอบสนอง จักรชัยก็ตะโกนใส่คุณน้าอย่างดุเดือด

เสียงดังแค่ไหนก็ต้องถามคนรอบข้างว่าใครแยกเขี้ยวยิงฟันบ้าง

“เธอไอ้เด็กจน เธอ...”

คุณน้าทำอะไรไม่ถูกเหมือนหูเกือบหนวกไปแล้ว

“ทำไมครับ? คุณน้า”

จักรชัยยังคงมีรอยยิ้มจางๆซึ่งแตกต่างจากท่าทางโมโหของผู้หญิงคนนั้น

คนประเภทนี้ชอบแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา แม้ว่าทุกคนจะรู้แน่ชัดว่าเขาจงใจ แต่ก็ไม่มีใครว่าอะไรเขา

ในขณะที่คุณน้ากำลังพุ่งตัวเข้ามาเพื่อเตรียมจะกัด เธอก็ถูกคนรั้งตัวเอาไว้

“คุณน้า จักรชัยไม่ได้ตั้งใจ เขาแค่เหลวไหลไปหน่อยเอง”

“เหลวไหลไปหน่อย?”

ราวกับว่าได้ยินเรื่องตลก คุณน้าพยายามดิ้นรน

“พวกเธอปล่อยมือ ปล่อย”

“คนอะไร ไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่”

“เหลวไหลอะไรกัน โตขนาดนี้แล้วยังทำตัวเหลวไหลอยู่อีก โง่หรือเปล่า?”

“หืม? นิษฐา เธอว่าอะไรนะ?

ทันทีที่คำว่านิษฐาสิ้นเสียงลง เสียงอันน่าเกรงขามก็ดังเข้ามา

เมื่อมาพร้อมกับเสียงนี้ คุณหญิงตระกูลหัสบดินทร์ที่เดิมทีทำอะไรไม่ถูกก็ดูเหมือนจะพบบุคคลสำคัญที่สามาถยึดเหนี่ยวได้แล้วในช่วงเวลาแบบนี้

“เขาเป็นใคร?”

ท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์พูดพลางชี้ไปทางจักรชัย

เมื่อจักรชัยได้ยินดังนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นทันที

พูดถึงอะไรน่ะ ดูการแสดงนี้มาตั้งนานแล้ว ยังไม่ออกหน้าเพื่อตัวเอง ทำไม...

คุณหญิงตระกูลหัสบดินทร์ไม่ได้คิดมากเท่าจักรชัย และตะกอนความคิดทั้งหมดก็มาหยุดอยู่ที่ท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์

พูดได้ว่าความดีความชอบเกือบทั้งหมดที่สั่งสมมาจนถึงตอนนี้ของคุณหญิงตระกูลหัสบดินทร์ล้วนอยู่ในตัวผู้เป็นพ่อ

มิฉะนั้นก็คงไม่เป็นคนเช่นนี้ที่พอได้เห็นท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ก็เหมือนได้เจอผู้ช่วยชีวิต

“นั่น คุณพ่อคะ เขาเป็นน้องชายฝาแฝดของธีรพลค่ะ เขาชื่อจักรชัย”

คุณหญิงตระกูลหัสบดินทร์พูดแนะนำตัวตามที่ท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ชี้ออกไปด้วยเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อ

ทุกคนในเหตุการณ์ก็ดูจริงจังมากขึ้นเช่นกัน แม้แต่นิษฐาซึ่งเคยหยิ่งยโสมาตลอดก็ยังไม่กล้าพูดอะไรในเวลานี้

หากมองจากมุมนี้ ท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ถือว่าเป็นผู้มีความสามารถอย่างแท้จริง

แต่มีความสามารถแล้วอย่างไร เห็นๆกันอยู่ว่าดูละครฉากนี้มาตั้งนานแล้ว

จักรชัยไม่เชื่อว่าท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์จะเดาไม่ออกถึงสถานะของตัวเอง ทางที่ดีเขาควรหลีกเลี่ยงความไม่ชอบมาพากลนี้จะดีกว่า

เมื่อในใจคิดได้แบบนี้ จักรชัยก็ไม่เกรงใจอีกต่อไป เขายิ้มออกไปตรงๆ

“เจ้าเด็กคนนี้นี่มันยังไง?”

ภาพนี้ตกอยู่ในสายตาของท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ นี่มันทำให้เขาโกรธมาก และลำดับต่อไปก็มีเสียงช่วยเสริมเข้าไปอีก

“จักรชัยเรียกคุณปู่สิ”

“คุณปู่”

เมื่อคุณหญิงตระกูลหัสบดินทร์หันมาสบตา เขาก็เข้าใจทันทีว่าเด็กหนุ่มคนนี้กำลังโทษเขา จึงอดไม่ได้ที่จะพูดในตอนนี้

“ดอกเหมย พ่อไม่ได้ว่าเธอ แต่หลายปีที่ผ่านมามีคนนับญาติกับตระกูลหัสบดินทร์มาตั้งเท่าไหร่ล่ะ?”

“นั่น...”

เมื่อได้ยินท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์พูดแบบนี้ คุณหญิงตระกูลหัสบดินทร์ก็ลังเลเล็กน้อย

แต่พอหันกลับไปมองจักรชัย เธอก็กัดฟันพูดในท้ายที่สุด

“คุณพ่อคะ จักรชัยเป็นลูกที่พลัดพรากไปในตอนนั้นอย่างแน่นอน”

หลังจากพูดจบ บรรยากาศก็เงียบไปชั่วขณะ เมื่อเห็นหน้าตาท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ดูไม่พอใจ คุณหญิงตระกูลหัสบดินทร์จึงพูดออกมาอีกครั้ง

“คุณพ่อคะ ครั้งนี้หนูรู้สึกได้ถึงสายสัมพันธ์แม่ลูก จักรชัยเป็นลูกชายที่พลัดพรากไปเมื่อหลายปีก่อนอย่างแน่นอนค่ะ”

พูดตามตรงเมื่อเผชิญหน้ากับคุณหญิงตระกูลหัสบดินทร์ผู้เป็นลูกรัก ท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ก็เชื่อแล้ว

แต่พอคิดถึงเป้าหมาย เขาก็ยังคงลำบากใจเล็กน้อยจึงคิดจะเพิ่มเชื้อไฟ

เมื่อคิดได้ดังนี้ ท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ก็ไม่ยอมใจอ่อน เขาพูดด้วยความเย็นชา

“มีหลักฐานไหม? ไม่มีหลักฐานก็ไม่ควรจะเชื่อไปทั้งหมด”

“จริงด้วยค่ะพี่ พวกเราหวังดีกับพี่นะคะ”

นี่เป็นครั้งแรกที่นิษฐาเห็นพี่สาวตัวเองโดนท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ต่อว่า หากเธอไม่คิดจะซ้ำเติมก็ดูเหมือนจะเป็นการโกหก

“เอาล่ะพี่สาว อย่ามัวลังเลเลย พวกเราเชื่อฟังท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์กันดีกว่า”

ในขณะที่พูดนิษฐาก็เดินไปลากตัวดอกเหมยมาข้างๆ

เธอต้องการทำให้เรื่องนี้เป็นที่ประจักษ์ เพื่อให้จักรชัยรับแรงกดดันอันน่าเกรงขามจากท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์โดยไร้ซึ่งที่พึ่ง

“หึ”

จักรชัยยิ้มมุมปากอย่างเยาะเย้ย พร้อมกับเดินมาตรงหน้าท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์แล้วพูดว่า

“เอาล่ะ คุณน้าไม่ต้องลากคุณแม่ของผมแล้ว”

“นี่ไม่ใช่เป็นการทดสอบหรอกเหรอ อีกอย่างท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ก็ไม่ใช่เสือกินเนื้อคน ผมยังต้องกลัวอะไร?”

ในขณะที่ปากพูดออกไปแบบนี้ จักรชัยก็มองไปที่ท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์และยิ้มอย่างถากถาง

“ท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ ผมไม่รู้ว่าคุณต้องการทดสอบอะไร? แต่ผมควรทำอย่างไร ถึงจะพิสูจน์ตัวเองได้ว่าผมเป็นหลานชายของตระกูลหัสบดินทร์?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว