moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว นิยาย บท 71

สรุปบท บทที่ 71 มีความเด็ดเดี่ยว: moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว

อ่านสรุป บทที่ 71 มีความเด็ดเดี่ยว จาก moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว โดย Light-Knight

บทที่ บทที่ 71 มีความเด็ดเดี่ยว คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายใช้ชีวิต moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Light-Knight อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

บทที่ 71 มีความเด็ดเดี่ยว

“เด็กดี มีความเด็ดเดี่ยว”

สำหรับการกระทำของจักรชัยนั้น ท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์พอใจเป็นอย่างมาก

เห็นโบกมือให้กับฝูงชน แล้วพูดด้วยความมั่นใจ

“ไม่ต้องทดสอบแล้วล่ะ ดูแค่บุคลิกลักษณะนี้ จักรชัยต้องเป็นหลานของฉันแน่ๆ”

“ไม่ใช่ นี่......” สำหรับคำพูดของท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ คนที่ไม่พอใจที่สุดก็ต้องเป็นดอกเหมยอยู่แล้ว

เห็นเธอเดินไปข้างหน้า แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรบ้าง

เป็นผลให้ท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์จ้องมองเธอ แล้วพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ

“เหมย ญาติฝั่งแม่เธอก็รังแกเธอแล้ว เธอยังจะทนต่อไปเหรอ ?”

“พ่อคะ หนู......”

ลังเลอยู่ชั่วขณะ คุณหญิงตระกูลหัสบดินทร์เป็นผู้หญิง ดังนั้นนั่นเธอจึงมีจิตใจที่อ่อนโยน

ไม่เช่นนั้น ด้วยตัวตนของเธอแล้ว นิษฐาจะกล้ามาอวดดีต่อหน้าเธอได้ซะที่ไหนกัน

“หึ”

เห็นคุณหญิงทำท่าทีโง่บัดซบ ท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์จึงโมโหขึ้นมา ฮ่องเต้ไม่ร้อนใจ แต่ขันทีร้อนใจแทนเอาซะจริงๆ เลย

น้ำใจดีๆ จากท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ จะให้คุณหญิงตระกูลหัสบดินทร์ยอมปฏิเสธได้อย่างไร

“คุณเอ๊ยคุณ ถ้าเมื่อกี้ผมไม่อยู่จักรชัยจะต้องถูกเธอราดน้ำเหม็นๆ เข้าให้แล้ว”

“พ่อ คนบริสุทธิ์ก็บริสุทธิ์อยู่วันยังค่ำ”

สำหรับคำเตือนของคุณท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์นั้น คุณหญิงตระกูลหัสบดินทร์ไม่ได้สนใจ

ในตอนนี้จักรชัยก็เข้าใจได้ในทันที

ทำไมท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ถึงเอาเขามาก่อเรื่อง นี่คือการตั้งใจสร้างหลุมพรางให้คุณหญิงตระกูลหัสบดินทร์แน่ๆ

เพียงแต่แม่ของตัวเองใจดี จึงหลีกเลี่ยงไปได้โดยไม่ได้ตั้งใจ

“โอเค ตามใจคุณแล้วกัน”

พูดจนคอแห้ง สุดท้ายคนอื่นก็ไม่ยอมฟัง

ช่างมันเถอะ ไม่ต้องไปยุ่งหรอก

จักรชัยรู้สึกว่าในตอนนี้ท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ต้องคิดแบบนี้อยู่แน่ๆ

เมื่อในสมองของจักรชัยฉายความคิดนี้ขึ้นมา เขาก็ถูกท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์จับได้อีกแล้ว

“คุณมาเป็นเพื่อนผมหน่อย”

ท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ชี้นิ้วไปที่จักรชัยด้วยสายตาที่เบิกโพลง ท่าทีที่ก่อเรื่องก่อราวนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาอยู่ ที่เกิดเหตุก็คงหัวเราะกันจนหมด

แน่นอนว่ากลุ่มคนที่กลัวพวกนี้ไม่รวมจักรชัย

ผู้ชายคนนี้ยิ้มไปโดยไม่ได้สนใจสายตาที่หวาดกลัวของทุกคน

พูดถึงตระกูลหัสบดินทร์แล้ว คนที่ไม่ให้เกียรติท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์คนแรกก็ยังคงเป็นจักรชัย อย่าไปพูดถึงคนอื่นเลย

ด้วยอาจจะเป็นเพราะเป็นคนแรก จึงเป็นกรณีพิเศษ ซึ่งมันทำให้ท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ชื่นชอบ

“หัวเราะอะไรกัน ?”

มันเป็นเรื่องยากที่จะได้เห็นว่านอกจากท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ไม่ได้โกรธแล้วยังพูดติดตลกกับจักรชัยด้วย

“อย่าหัวเราะ เดี๋ยวฟันหลุดแล้วจะกินข้าวไม่สะดวกเอาซะล่ะ”

“โอเคๆๆ”

มือจับหน้าท้อง จักรชัยหัวเราะแล้วตอบไปหนึ่งประโยค

“มา ไปเดินเป็นเพื่อนฉันที่สวนดอกไม้ด้านหลังหน่อย”

เขาเอ่ยปากเรียกจักรชัยอีกครั้ง จากนั้นท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ก็หันหลังเดินออกไป

“แม่ครับ ผม......”

“ไปเถอะ”

ดูเหมือนว่าความต้องการของท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์จะไม่มีใครกล้าขัดขืน

โอเค งั้นเราก็เดินเป็นเพื่อนสักหน่อยละกัน

เมื่อในใจคิดเช่นนั้น จักรชัยไม่รีรอ จึงรีบติดตามไปทันที

ในตระกูลหัสบดินทร์ สวนดอกไม้เป็นสถานที่ต้องห้าม แต่ก็เป็นสวนสนุกของท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์เช่นกัน

ที่นั่นได้ปลูกดอกไม้และพืชหายากทุกชนิดที่ท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ได้รวบรวมมาจากหลายแห่ง โดยที่คนทั่วไปไม่เคยได้พบเห็น

ว่ากันว่าคนโชคดีที่ถูกท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ชวนมาที่นี่สามารถนับนิ้วได้

เป็นครั้งแรกที่จักรชัยถูกชนมา จึงรู้ได้ว่าโดยธรรมชาติแล้วนี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก

ขณะนี้กำลังเดินตามหลังคุณท่านมาแบบบื้อๆ จากที่ที่สองคนค่อยๆ เดินไป ไม่นานนักก็ถึงสวนดอกไม้

ก่อนที่จักรชัยจะได้เป็นคนของตระกูลหัสบดินทร์ เคยเป็นเด็กยากจนมาก่อน จึงไม่เคยพบเห็นสภาพต่างๆ ในสังคมที่ใหญ่โตมโหฬารเป็นธรรมดา

ดังนั้นเมื่อได้เห็นดอกไม้และพืชแปลกๆ เหล่านี้ที่อยู่ตรงหน้า ความสนใจของเขาจึงถูกดึงดูดไปทันที

“แหม คุณปู่ ก็แค่ดอกโบตั๋นดอกเดียวเองไม่ใช่เหรอ คุณจะเอาเท่าไหร่ผมก็จะให้คุณโอเคไหม ?”

“เอ่อ คุณชายน้อย อย่าพูดคึกคะนองสิครับ”

พ่อบ้านเกือบจะถูกจักรชัยทำให้เป็นบ้าแล้ว

คุณชายน้อยคนนี้บ้าไปแล้วเหรอ ไม่เห็นใบหน้าอันมืดครึ้มของท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์จริงๆ หรืออย่างไร ?

เมื่อในใจคิดเช่นนั้น พ่อบ้านก็อดส่ายหัวไม่ได้

เขาไม่อยากพูดไร้สาระกับจักรชัยแล้ว จึงพูดอย่างตรงไปตรงมา

“คุณชายน้อย นี่เป็นดอกโบตั๋นที่กลายพันธุ์ ประเมินค่าไม่ได้เลยนะครับ”

“อะไรนะ ? ประเมินค่าไม่ได้ ?”

ทันใดนั้นปากของจักรชัยจึงปิดไม่ลง แล้วกลืนน้ำลายโดยอัตโนมัติ เขาจึงโยนดอกไม้ในมือออกไปทันที

“โธ่เอ๊ย คุณชายน้อยของฉัน”

เมื่อเห็นสีหน้าของท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์มืดครึ้มขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็หันไปมองคุณชายน้อยอีกครั้ง พ่อบ้านจึงรู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายมากเลย

อย่างไรก็ตามวันนี้ปู่หลานต้องสู้กันแน่ๆ เลย แล้วตัวเองจะช่วยใครกันเนี่ย ?

ช่วยใครก็ผิด หุบปากไปซะยังดีกว่า

พ่อบ้านกลัวขึ้นมา จึงใช้วิธีหุบปากอย่างเงียบๆ

ส่วนจักรชัยกับท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ทั้งสองคน ยังคงจ้องมองกันอยู่ในตอนนี้

ทั้งสองฝ่ายยังคงแอบต่อสู้กัน แต่ขิงแก่ย่อมเผ็ดกว่า สุดท้ายจักรชัยก็ได้พ่ายแพ้

“ปู่เอ๊ยปู่ อย่าบอกนะว่าหลานจะเทียบดอกไม้ดอกเดียวไม่ได้ ?”

ใบหน้าเศร้าเสียใจนี้ ถ้าตกอยู่กับคุณปู่ทั่วไป ใจก็คงอ่อนลงแล้วให้อภัยไปแล้ว

น่าเสียดายที่ท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ไม่ใช่คนธรรมดา เขาเป็นข้อยกเว้นของคนธรรมดา

“ไร้สาระ ดอกไม้มีค่าเป็นล้าน แล้วคุณมีค่าเท่าไหร่กัน ?”

ท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ทำหน้าถมึงทึง แล้วเอ่ยปากพูดอย่างไร้ความเกรงใจ

“ผม......”

ดวงตาของจักรชัยล่อกแล่ก แล้วเอ่ยปากพูดอย่างไม่เกรงใจ

“ดอกไม้ก็หายไปแล้ว แต่หลานยังอยู่ จะฝังหลานให้ไปเป็นเพื่อนกับดอกไม้เหรอ ?”

หลังจากพูดประโยคนี้ออกไปแล้ว จักรชัยจึงเต้นต่อหน้าท่านปู่ตระกูลหัสบดินทร์ แล้วเอาหัวไปวางไว้ต่อหน้าเขาโดยตรง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: moneybags พ่อฉันเป็นเจ้าสัว