ในขณะนี้นักแสดงสาวได้รับคำชมอยางล้นหลามจากโลกอินเทอร์เน็ต หลิวเสี่ยวหนิงรู้สึกผิดเล็กน้อย เพราะคนที่ให้การช่วยเหลือคุณยายอย่างแท้จริงแล้วไม่ใช่เธอ เธอก็แค่ช่วยเหลืออีกฝ่ายในจุดที่เธอสามารถช่วยได้เท่านั้น
ดังนั้นเธอจึงค่อนขอดเล็กน้อยกับการกระทำของจินจิ่นหรานในการพาคุณยายมาพบเธอในวันนี้ เธอไม่ได้อยากให้ผลตอบรับทุกอย่างมันเป็นแบบนี้
"คุณไม่จำเป็นต้องอ่อนน้อมถ่อมตน คุณสมควรได้รับมัน"
"ฉันไม่ได้คาดหวังว่าเสี่ยวหนิงจะทำสิ่งนั้น"
เมื่อดูข่าวทางอินเทอร์เน็ต ซูฉิงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เมื่อสักครู่เธอก็ได้สอบถามและยืนยันเรื่องนี้กับผู้จัดการส่วนตัวของหลิวเสี่ยวหนิงแล้วเรียบร้อย จึงทำให้บริษัทและตัวหลิวเสี่ยวหนิงเองนั้นเป็นที่นิยมอยู่ในชั่วขณะหนึ่งได้
ในขณะนั้นเองประตูสำนักงานถูกเคาะขึ้น ซูฉิงเงยหน้าและกล่าวกับผู้มาเยือน "เชิญเข้ามา"
ร่างของเฉินจุนเหยียนปรากฏขึ้นและเขาก็พยักหน้าอย่างสุภาพต่อซูฉิง
"เกิดอะไรขึ้น?" ซูฉิงไม่คิดว่าเฉินจุนเหยียนจะมาหาเธอในวันนี้ ซึ่งมันทำให้เธอแปลกใจอยู่ไม่น้อย
"ผู้จัดการบอกว่ามีบทละครให้ฉันเลือก และตัวเธอก็ยุ่งอยู่กับการดูแลนักแสดงหน้าใหม่ ฉันเลยต้องการถามความคิดเห็นของเธอ" ดวงตาที่ลึกซึ้งของเฉินจุนเหยียนจับจ้องไปที่ซูฉิง
หลังจากได้ยินสิ่งที่เฉินจุนเหยียนพูด ซูฉิงจำได้ว่าเธอควรจะตีเหล็กในขณะที่เหล็กยังร้อนอยู่ เธอควรจะให้เฉินจุนเหยียนลงมือเล่นละครบทใหม่บทต่อไปได้แล้ว
ขณะที่เธอลุกขึ้น เธอเหลือบหน้าจอคอมพิวเตอร์จากหางตา และการเคลื่อนไหวทั้งหมดของเธอก็หยุดลงชั่วครู่
"มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?" เฉินจุนเหยียนมองไปที่ซูฉิงและถามด้วยความสงสัย
ซูฉิงส่ายหัวและหยิบบทละครที่ถูกวางไว้บนชั้นหนังสือขึ้นมา แต่ไม่ได้มอบมันให้กับเฉินจุนเหยียน
"บทพวกนี้ไม่เหมาะกับนาย"
ซูฉิงจ้องสายตามองบทละครหลายๆเล่มตรงหน้าจึงพบว่าบทละครส่วนใหญ่ล้วนเป็นบทบาทที่เฉินจุนเหยียนเคยแสดงมาแล้วทั้งนั้น ดังนั้นเธอจึงคิดว่าควรจะใช้โอกาสนี้ในการให้เขาได้แสดงบทบาทใหม่ๆ แต่สำหรับนักแสดงแล้วการออกมาจากกรอบของตัวละครที่เคยเล่นมักถือเป็นความท้าทายที่ค่อนข้างยากเลยทีเดียว
"เฉินจุนเหยียน คุณอยากเล่นบทที่เหมือนกับบทละครเรื่องก่อนหรือไม่?"
เฉินจุนเหยียนส่ายหัวอย่างเร็วโดยไม่ลังเล ในฐานะนักแสดงเขาควรท้าทายตัวเอง และไม่ควรอยู่แต่ภายในกรอบการแสดงที่จำเจของตนเอง
"ฉันตัดสินใจปรับแต่งบทละครโทรทัศน์เรื่องหนึ่งขึ้นมา" ซูฉิงพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
"เพื่อฉัน?" เฉินจุนเหยียนแสดงท่าทีตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของซูฉิง
"คุณก็มีส่วนครึ่งนึง" ซูฉิงผายมือให้เฉินจุนเหยียนเหลือบดูข่าวเกี่ยวกับหลิวเสี่ยวหนิงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์
"คุณเป็นนักแสดงชายอันดับหนึ่ง และหลิวเสี่ยวหนิงก็เป็นนักแสดงหญิงหมายเลขหนึ่ง"
แม้ว่าเฉินจุนเหยียนจะเห็นการค้นหาที่ร้อนแรงของหลิวเสี่ยวหนิงในวันนี้ แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ
เขาพอจะได้เห็นคำชมจากแหล่งข่าวต่างๆที่พากันชื่นชมและสรรเสริญหลิวเสี่ยวหนิง แต่เฉินจุนเหยียนก็ไม่ได้นึกคิดอะไร
แต่ว่า......
"ละครทีวีที่สร้างแรงบันดาลใจจากไอดอลเยาวชน ตอนนี้ความนิยมของหลิวเสี่ยวหนิงกำลังเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งมันเหมาะสำหรับการโปรโมทเรื่องแบบนี้" ซูฉิงพูดแผนงานเกริ่นๆออกมาพลางเงยหน้าขึ้นมองเพื่อดูสีหน้าท่าทางของเฉินจุนเหยียน
"มีปัญหาอะไรหรือเปล่า" ซูฉิงเอ่ยถามเมื่อเห็นท่าเพิกเฉยของฝ่ายชาย
เฉินจุนเหยียนฟื้นคืนสติและเอ่ยถามขึ้นมาเสียงเบา "เปลี่ยนนักแสดงชายเบอร์หนึ่งเป็นคนอื่นแทนได้ไหม? ฉัน..."
ครั้งก่อนตอนที่หลิวเสี่ยวหนิงสารภาพรักกับเขาโดยกะทันหันยังติดตรึงอยู่ในใจของเขาไม่เลือนหาย เรื่องราวในวันนั้นมันทำให้เขาทั้งสองคนรู้สึกเขินอายจนมาถึงตอนนี้ และถ้าจับพวกเขามาถ่ายทำละครเรื่องเดียวกันอีก เฉินจุนเหยียนรู้สึกว่าควรจะให้หลิวเสี่ยวหนิงได้ฟื้นฟูจิตใจ และเขาทั้งสองไม่ควรต้องพบและข้องเกี่ยวกันในช่วงนี้
เมื่อนึกถึงใบหน้าของหลิวเสี่ยวหนิงที่เจ็บปวดแต่ก็ยังพยายามอดทนอดกลั้นความรู้สึกในวันนั้น เฉินจุนเหยียนก็เกิดความรู้สึกเศร้าในใจทันที
"คราวที่แล้วข่าวการจิ้นระหว่างคุณและหลิวเสี่ยวหนิงก็ได้รับความนิยมอย่างมาก และตอนนี้แฟนคลับก็ชอบเวลาที่พวกคุณได้กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง" ซูฉิงกล่าวเบาๆด้วยรอยยิ้ม
"นี่…" เฉินจุนเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย
"เราควรใช้ประโยชน์จากความนิยมของคุณและหลิวเสี่ยวหนิงในตอนนี้ การเป็นคู่จิ้นกันล้วนมีแต่ข้อดีไม่มีข้อเสียแน่นอน"
การแสดงประกบคู่กันในมุมของคนอื่นอาจจะมองว่าเหมาะสมบ้างไม่เหมาะสมบ้าง แต่การเป็นคู่จิ้นกันนั้นมันไม่ใช่
เฉินจุนเหยียนเข้าใจความจริงเหล่านี้ดี ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องตกลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น