"อันที่จริง ฉันรู้แล้วว่าน้องสาวฉันทำอะไรลงไปในครั้งก่อน เหตุการณ์ที่โรงแรมจินเฮ่อ... จริงอยู่ที่ว่าเธออาจจะลงมือทำเรื่องนั้นแรงเกินไป และฉันก็ไม่ได้ห้ามเธอเอาไว้ ทำให้เธอไประรานและสร้างปัญหาให้กับคุณและฮ่อหยุนเฉิง ซึ่งฉันมาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อเป็นตัวแทนของสวีหว่านเอ๋อร์ที่อยากจะมาขอโทษคุณซู ฉันหวังว่าคุณจะยกโทษให้ฉันและน้องสาวของฉันด้วย"
โดยปกติฉันมักจะตามใจเธอ และเธอก็เป็นคนที่ไร้เดียงสามาก ฉันหวังว่าคุณหนูซูจะไม่มีความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับตัวฉันและความร่วมมือของเราในตอนนี้ใช่ไหม? "
เข้าใจแล้ว ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง
รอยยิ้มสุภาพที่มุมปากของซูฉิงก็เริ่มหายไปทีละน้อย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สวีหว่านเอ๋อร์พุ่งเป้าทำลายเธอ เธอรู้มาตั้งแต่ต้นแล้วและเคยร้ายสวนกลับผู้หญิงคนนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ตอนนี้เธอกลับขอให้พี่ชายของเธอมาขอโทษและเรียกสิ่งที่ตนเองกระทำอย่างน่ารังเกียจนั้นว่า "ไร้เดียงสา" ซึ่งสวีหว่านเอ๋อร์ใช้คำนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าในการขอโทษเธอ
ซูฉิงยังสงสัยอยู่ว่า สวีหว่านเอ๋อร์ยังเป็นคนอยู่จริงหรือไม่?
"ในเมื่อคุณพูดแบบนี้" ซูฉิงเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยและมองตรงไปยังดวงตาของสวีมู่หยาง เธอรู้สึกว่าเธอต้องปรึกษาเรื่องนี้กับสวีมู่หยางอย่างจริงจังเสียที
"ฉันอยากจะคุยกับคุณสวีเกี่ยวกับปัญหานี้ ฉันรู้ว่าสวีหว่านเอ๋อร์ชอบฮ่อหยุนเฉิงและเนื่องจากสวีหว่านเอ๋อร์ตั้งเป้าหมายทำลายฉันมากกว่าหนึ่งครั้งและพยายามใส่ร้ายฉันอย่างไม่หยุดหย่อน และทั้งครอบครัวฮ่อและครอบครัวสวีก็เป็นเพื่อนกัน ในตอนนี้คุณสวีก็ได้ร่วมลงมือทำธุรกิจกับฉันแล้ว ฉันไม่ต้องการทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวย่ำแย่ลงไป ฉันคิดว่าไม่ควรเอาคำว่าไร้เดียงสามาอ้างเพื่อหักล้างกับการทำเรื่องเลวร้ายต่างๆ ฉันหวังว่าคุณจะดูแลน้องสาวของคุณให้ดี และควรสั่งสอนให้น้องสาวของคุณรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ควรทำและอะไรคือสิ่งที่ไม่ควรทำ"
แม้ว่าซูฉิงจะไม่ได้เอ่ยปากด่าเขา แต่คำพูดที่ชัดเจนของหญิงสาวก็พอที่จะทำให้ใบหน้าของสวีมู่หยางหมองคล้ำลง แม้ว่าเขาจะนั่งบนเก้าอี้แต่ก็เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกตัวสั่นและรู้สึกประหม่าโดยไม่มีเหตุผล
เพราะสวีหว่านเอ๋อร์ไปยั่วและทำร้ายคนอื่นก่อน ไม่ว่าเขาจะอึดอัดแค่ไหนในฐานะพี่ชาย เขาก็ทำได้แค่รับฟังอย่างจริงใจ
"แน่นอน ฉันจะเตือนหว่านเอ๋อร์ไม่ให้รบกวนคุณซูและคุณฮ่อ แต่—ที่ฉันพูดเมื่อกี้เป็นความจริง ฉันหวังว่าคุณหนูซูจะเข้าใจ ธุรกิจคือธุรกิจ"
ซูฉิงพยักหน้า เธอไม่ใช่คนที่จะผสมผสานระหว่างเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงาน
แม้ว่าสวีหว่านเอ๋อร์จะทำเรื่องที่มันร้ายแรงมากเกินไป แต่คำขอโทษของสวีมู่หยางก็ยังคงแสดงความจริงใจออกมา และชายคนนี้ก็ให้คำมั่นชัดเจนว่าหากสวีหว่านเอ๋อร์ยังไม่จบการกระทำที่เลวร้ายลง ต่อไปคงจะต้องเป็นตระกูลสวีที่จะเสียหน้าครั้งใหญ่แน่นอน
ฮ่อหยุนเฉิงมีความอำนาจในด้านนี้ และเธอก็มีเช่นกัน
"คุณสวีมั่นใจได้เลยว่างานคืองาน ถ้าคุณไว้ใจเราสตาร์เอ็นเตอร์เทนเมนท์จะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน โอเค เรามาพูดถึงเรื่องบทละครกันดีกว่า เรื่องอื่นเราค่อยพูดกันในภายหลัง ฉันเชื่อว่าคุณสวีจัดการมันได้"
สวีมู่หยางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ไม่ว่าอย่างไรซูฉิงยังสามารถเกลี้ยกล่อมฮ่อหยุนเฉิงได้ เขาจึงสามารถคลายความกังวลลงได้
เวลาห้าโมงเย็น
ฮ่อหยุนเฉิงเลิกงานตรงเวลาพอดี และเขาคิดว่าจะมารับซูฉิงที่บริษัทเพื่อกลับบ้านพร้อมกัน เพราะเขาได้สั่งจองอาหารค่ำใต้แสงเทียนที่ร้านอาหารฝรั่งเศสของเพื่อนของเขาเอาไว้แล้ว เขาอยากจะจัดเซอร์ไพรส์เล็กๆให้เธอ ใครจะไปคิดว่า—
"คุณซู งั้นคราวนี้ฉันขอรบกวนคุณหน่อยแล้วกัน"
ประตูสำนักงานแง้มไว้และเสียงของสวีมู่หยางก็ดังลอดมาจากด้านใน เขาเพียงแค่จับมือกับซูฉิงด้วยรอยยิ้มกว้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น