“ห๊า "ซูฉิงเบิดตากว้าง รู้สึกแปลกใจ
ฮ่อหยุนเฉิงเอียงหน้ามา จ้องมองตาเธอ"ฉันใจแคบหรอ ฉันนิสัยแย่หรอ"
ซูฉิง:"............"
แม่เจ้า คำพูดที่เธอพูดกับคุณปู่ ฮ่อหยุนหยุนเฉิงได้ยินทั้งหมดแล้ว
รู้สึกประหม่าจังเลย
ซูฉิงลูบหน้าผากตัวเอง "ฮ่อหยุนเฉิง นายมีนิสัยชอบแอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์รึไง"
ฮ่อหยุนเฉิงคิ้วขมวด "ควรจะพูดว่า เธอมีนิสัยนินทาพูดจาใส่ร้ายคนอื่นลับหลังเสียมากกว่านะ"
"นินทางั้นหรอ"ซูฉิงโมโหแทบจะระเบิด จ้องฮ่อหยนเฉิงตาเขม็ง "ฉันไปพูดนินทาที่ไหน ฉันพูดความจริงทั้งหมดต่างหาก"
สีหน้าฮ่อหยุนเฉิงนิ่งขรึม "ดังนั้น ฉันไม่มีอะไรดีสู้เฉินจุนเหยียนได้เลยหรอ"
ซูฉิงหมดคำจะพูด ผู้ชายคนนี้คิดจินตนาการเก่งจริงๆ แล้วมันไปเกี่ยวอะไรกับเฉินจุนเหยียนด้วยล่ะ
"ถ้านายอยากคิดอย่างนี้ ฉันก็จนปัญญา"ซูฉิงพูดอย่างโมโห
ฮ่อหยุนเฉิงได้ยินอย่างนี้ ก็เท่ากับว่าซูฉิงยอมรับ ในใจของเธอเขาไม่มีอะไรสู้กับเฉินจุนเหยียนได้เลย
ดังนั้น เธอก็เลยไปติดต่อให้เฉินจุนเหยียนเข้ามาเป็นแอมบาสเดอร์งั้นหรอ
เธอเคยคิดบ้างมั้ง ว่าเขาเป็นคู่หมั้นของเธอนะ
"shit!"ฮ่อหยุนเฉิงคิดไปต่างๆ นานา คิดถึงภาพที่ซูฉิงกับเฉินจุนเหยียนอยู่ที่ร้านกาแฟอย่างสนิทชิดเชื้อ มือข้างซ้ายก็ทุบเข้าที่พวงมาลัยอย่างแรง มองซูฉิงด้วยสีหน้าขรึม"ซูฉิง ทางที่ดีเธอต้องจำฐานะของตัวเองไว้ด้วย!"
พอฮ่อหยุนเฉิงพูดจบ ทันใดนั้นรถก็เสียการควบคุม เอียงไปข้างหนึ่ง เขาก็รีบเบรกกะทันหัน แต่รถก็ได้ชนเข้ากับที่กั้น
เอี๊ยด.......
ล้อรถที่เบรกกะทันหันเกิดการเสียดสีจนเกิดเสียง ตัวของซูฉิงพุ่งไปข้างหน้า หัวกระแทกเข้ากับกระจกรถ
"เกิดอะไรขึ้น "ซูฉิงนวดที่หัว ถามอย่างตกใจยังไม่หาย
ฮ่อหยุนเฉิงมีสีหน้าโมโห ไม่พูดอะไรแล้วเปิดรถลงไป ตรวจดู
ซูฉิงที่มองผ่านกระจกก็เห็นฮ่อหยุนเฉิงก้มลองตรวจดูรถ และฝนก็ตกลงมากระทบกับร่างของเขาอย่างหนัก ทันใดนั้นตัวทั้งตัวของเขาก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน
ซูฉิงล้วงเอาร่มออกมาแล้วลงรถ ถือร่มไปกางให้กับฮ่อหยุนเฉิง
ฮ่อหยุนเฉิงคิ้วขมวดมองเธอ "เธอลงมาทำไม"
"รถเป็นอะไรมั้ย "ซูฉิงถือร่มเข้ามาบังฝนให้กับฮ่อหยุนเฉิง ตัวอีกครึ่งหนึ่งอยู่นอกร่ม เม็ดฝนก็ตกลงมาโดยตัวเธอ และทั้งตัวก็เปียกชุ่มไปด้วย
ฮ่อหยุนเฉิงยื่นมือออกมา ใช้มือเข้ามาจับร่มที่ซูฉิงถืออยู่ แล้วเอียงร่มไปทางเธอ
ร่มคันเดียวไม่พอสำหรับคนสองคน ซูฉิงก็ขยับเข้าไปใกล้ฮ่อหยุนเฉิงอีก
ตอนนี้เธอเวลานี้ก็เปียกไปทั้งตัวแล้ว ผมก็เปียกจนน้ำหยดติ๋งๆ น้ำฝนไหลลงมาตามแก้มของเธอ ชุดเดรสสีขาวของเธอก็แนบไปกับลำตัว จนเผยให้เห็นหุ่นเพรียวของเธอที่น่าหลงใหล
ฮ่อหยุนเฉิงก็หดตัว ยื่นมือไปคว้าเอวเล็กของซูฉิงให้เธอขยับเข้ามาใกล้ตน
ฮ่อหยุนเฉิงก้มหน้าลง ดวงตาจ้องลึกไปตรงหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา แววตาเย็นชาที่ตอนนี้กลับเหมือนกับดวงไฟลุกโชนทำให้คนมอดไหม้ได้
ท่าทางสนิทแนบชิดอย่างนี้ ซูฉิงก็เกิดอาการหน้าร้อนผ่าว
เธอสูดลมหายใจแล้วก็พยายามขัดขืน พูดด้วยน้ำเสียงเบาแต่เด็ดขาด"ฮ่อหยุนเฉิง อย่าทำอย่างนี้"
ค่ำมืดเงียบสงัด
ฝนที่ตกกระหน่ำลงมากระทบกับร่ม
ภายใต้ร่ม สีหน้าของฮ่อหยุนเฉิงหนาวสั่น ความกดอากาศต่ำทั่วร่างกายทำให้ซูฉิงรู้สึกเหมือนตกลงไปในห้องใต้ดินน้ำแข็ง
เงียบอยู่นาน ฮ่อหยุนเฉิงถึงได้ส่งเสียงหนาวสั่นออกมา"เพราะเฉินจุนเหยียนหรอ ฉันมีตรงไหนที่เทียบกับเขาไม่ได้"
เพราะเฉินจุนเหยียนหรอ ในหัวของฮ่อหยุนเฉิงคิดอะไรอยู่เนี่ย
ซูฉิงหมดคำจะพูด เธอแหงนหน้าขึ้นมองฮ่อหยุนเฉิง "ฮ่อหยุนเฉิงทำไมนายจะต้องเอาเฉินจุนเหยียนมาเกี่ยวข้องด้วย นายเป็นถึงประธานตระกูลฮ่อกรุ๊ปคงจะไม่ใช่ไม่มีความมั่นใจหรอกใช่มั้ย"
พูดจบ ซูฉิงก็เดินกลับไปขึ้นรถโดยไม่หันกลับมามองข้างหลังอีก
ใบหน้านิ่งขรึมขอฮ่อหยุนเฉิง ริมฝีบางเม้ม เห็นได้ชัดว่าเขานั้นไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
เขาไม่มีความมั่นใจงั้นหรอ จะเป็นไปได้ยังไง!
แม้เฉินจุนเหยียนจะเป็นดาราดัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปร่าง หน้าตา หรือความสามารถ ไม่ว่าจะเป็นด้านไหนๆเขาก็เทียบกับเฉินจุนเหยียนได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น