ภพนี้ตราบภิรมย์รัก นิยาย บท 115

เวลานั้นหลายคนในห้องก็ได้ยินเสียงฝีเท้าและหันไปมองที่หน้าประตูเช่นกัน

เมื่อเห็นสีหน้าที่อึมครึมของฉู่โม่หยวน หลี่เล่อหย่าก็ชะงักไปนิดหนึ่ง จากนั้นนางจึงรีบถลันเข้าไปตรงหน้าอย่างกระตือรือร้น “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเพคะ หม่อมฉันขอกล่าวโทษว่าหลินเมิ่งหวันไม่ปฏิบัติตนตามครรลองของสตรี นางแอบพบกับหลี่จิ่นซูและแลกของกันเป็นการส่วนตัวเพคะ!”

ฉู่โม่หยวนเหลือบมองนางอย่างเย็นชาโดยไม่พูดอะไร จากนั้นสายตาจึงจับจ้องไปที่หลินเมิ่งหวัน

หลินเมิ่งหวันมองฉู่โม่หยวนและเลิกคิ้วเล็กน้อย “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยทรงเชื่อด้วยหรือเพคะ”

“ข้าเชื่อเจ้า”

หลินเมิ่งหวันยิ้มอย่างพึงพอใจ “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเชื่อหม่อมฉันก็ดีแล้วเพคะ เช่นนั้นหม่อมฉันคงต้องขอให้จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยตัดสินให้หม่อมฉัน”

“หลี่เล่อหย่าใส่ร้ายหม่อมฉันเพคะจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ย!” หลินเมิ่งหวันเอ่ยพลางกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจ จากนั้นจึงมองฉู่โม่หยวนอย่างได้รับความอยุติธรรมและเอ่ยว่า “ฮองเฮามีรับสั่งให้หลี่เล่อหย่ากับฉีซือเหมี่ยวมาขอขมาหม่อมฉัน หม่อมฉันยังนำชาและขนมดีๆ มาต้อนรับพวกนาง แต่คิดไม่ถึงเลย นอกจากหลี่เล่อหย่าจะไม่ยอมขอโทษ นางยังกล่าวหาให้หม่อมฉันต้องอับอายขายหน้าอีกด้วย!”

“ข้าไม่เคยพบเห็นของดีๆ หรืออย่างไร ถึงต้องไปยุ่งกับจี้หยกของหลี่จิ่นซู เจ้าน่ะท่าทางกระโดกกระเดกเป็นเด็ก อย่าคิดว่าข้าไม่เคยเห็นโลกแบบเดียวกับเจ้าสิ”

หลี่เล่อหย่านึกขวางขึ้นมาและอยากจะอ้าปากด่าออกไป แต่หลินเมิ่งหวันกลับไม่เปิดโอกาสให้นางพูด

“หลี่จิ่นซูเป็นใครกัน? คุ้มค่าที่จวนเฉิงเซี่ยงจะหยิบยกมาเพื่อทำให้แตกหักกับข้างั้นหรือ? คนเราถ้ามีสมองสักหน่อย... ไม่สิ ถ้ามีความเป็นคนอยู่บ้าง แค่ใช้หัวแม่เท้าคิดก็น่าจะรู้ว่าข้ามีคู่หมั้นที่ยอดเยี่ยมอย่างจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยอยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้แน่ที่จะกลับไปสนใจหลี่จิ่นซูอีก!”

หลินเมิ่งหวันจ้องมองหลี่เล่อหย่าและเอ่ยอย่างจริงจัง

มุมปากของฉู่โม่หยวนกระตุกเล็กน้อยจนเผยให้เห็นเป็นเส้นโค้ง

บอกตามตรงว่าคำชมของหลินเมิ่งหวันทำให้เขาอารมณ์ดีมาก

สีหน้าที่ยอดเยี่ยมของหลี่เล่อหย่ากับสวี่ซื่อดูสะอิดสะเอียนราวกับกลืนแมลงสาบเข้าไป

สวี่ซื่อรีบคว้าแขนของหลี่เล่อหย่าไว้และส่งสัญญาณให้นางหุบปาก

หลี่เล่อหย่าเป็นคนหุนหันพลันแล่น ถ้าทะเลาะกับหลินเมิ่งหวันขึ้นมา เรื่องคงจบไม่ดีเป็นแน่

นางก้าวไปตรงหน้าฉู่โม่หยวนและโค้งคำนับ จากนั้นจึงเอ่ยอย่างนอบน้อมว่า “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยโปรดทรงอภัย เล่อหย่าไม่ได้ใส่ร้ายคุณหนูหลินเพคะ แต่เพราะกลัวว่าจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยจะถูกคนชั่วหลอกลวง นางจึงพูดออกไปตรงๆ เช่นนั้น”

“หม่อมฉันเป็นพยานให้ได้เพคะ หลี่จิ่นซูเป็นคนพูดออกมาเอง ว่าเมื่อคืนเขาพบกับคุณหนูหลินในวัง นอกจากนั้นคุณหนูหลินยังนำจี้หยกไป่ฝูของจิ่นซูติดตัวมาด้วย หม่อมฉันสั่งสอนลูกชายไม่ดีเอง ขอจิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยโปรดลงโทษด้วยเพคะ”

ว่าแล้วสวี่ซื่อจึงคุกเข่าลงทันที

หลินเมิ่งหวันหัวเราะเยาะ นางหลุบตามองสวี่ซื่อและกล่าวว่า “เฉิงเซี่ยงฮูหยินสั่งสอนลูกชายไม่ดีจริงๆ ทั้งลูกชายและลูกสาวที่สอนมาล้วนชอบจิกกัดใส่ร้ายคนอื่นกันทั้งนั้น”

สวี่ซื่อนึกขวางในใจ “จิ่นซูไม่มีทางโกหก คุณหนูหลินกล้าทำไม่กล้ารับงั้นหรือ”

“ไม่มีทางโกหกงั้นเหรอ” หลินเมิ่งหวันมองสวี่ซื่อยิ้มๆ “เฉิงเซี่ยงฮูหยินไปเอาความมั่นใจมาจากไหนถึงได้พูดเช่นนั้น ในความคิดของท่าน ไม่ว่าอะไรที่หลี่จิ่นซูพูดก็ล้วนเป็นความจริงทั้งหมดงั้นหรือ”

หลินเมิ่งหวันหันไปมองฉู่โม่หยวนและกล่าวว่า “จิ่งอ๋องเตี้ยนเซี่ยเพคะ แต่ไหนแต่ไรหม่อมฉันไม่ใช่คนที่ชอบยุแยงใครอยู่แล้ว ดังนั้นแม้จะมีบางเรื่องที่หม่อมฉันรู้ หม่อมฉันก็ไม่อยากพูดถึง แต่ตอนนี้น้ำโคลนถูกสาดมาใส่หม่อมฉันแล้ว หม่อมฉันก็อึดอัดเหมือนกันหากไม่ได้พูด”

“เมื่อคืนหม่อมฉันเห็นหลี่จิ่นซูกับหนานมู่ชิงแอบพบกันเป็นการส่วนตัวเพคะ ถ้าหากจี้หยกของหลี่จิ่นซูหายไปจริงๆ เฉิงเซี่ยงฮูหยินก็ควรจะไปหาที่จวนหนาน!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ภพนี้ตราบภิรมย์รัก